บทที่ 555 เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไยไม่พูดแต่แรก! (2)
“ของสิ่งนี้เป็นของวิเศษล้ำค่าของราชครูเผ่าเงาคันฉ่อง ยากที่จะทำลายมันได้ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีใครเพิ่มพลังให้มันก็ง่ายแล้ว เจ้าถอยไปหน่อย ข้าเตรียมจะระเบิดปราณหนึ่ง ให้เป็นรูโหว่!”
ตวนมู่ฉางสะกดความตื่นตะลึงจากการลงมือของสวี่ชิง คำรามเสียงต่ำทุ้ม กำลังจะระเบิดตัวเอง
แต่สวี่ชิงมือขวายกขึ้นชี้ไป สายฟ้าสีแดงที่แปลงมาจากบรรพจารย์สำนักวัชระก็พุ่งมาอย่างรวดเร็วจากที่ไกล
รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เข้าใกล้มาในพริบตา ขับเคลื่อนก้างปลา แทงไปที่กระจกบานมหึมาอย่างเต็มแรง
ใบหน้าบนกระจกบานยักษ์พลันหันมามองสวี่ชิง ขณะที่สีหน้าเหี้ยมเกรียมกำลังจะอ้าปาก แต่เสี้ยวขณะต่อมาสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น ก้างปลาเมินเฉยต่อการป้องกันทุกอย่างของกระจกบานนี้ พุ่งทะลุไป แข็งแกร่งทรงพลัง แทงไปที่ผิวกระจก
เสียงเปรี๊ยะดังขึ้น ผิวกระจกแตกร้าว
สวี่ชิงไม่ได้มองตวนมู่ฉาง หันหลังสะบัดมือ
พิษรอบๆ พุ่งมาที่เขา เจ้าเงาก็เช่นกัน ก้างปลาเปลี่ยนเป็นประกายแสงสีแดง ลอยลงมาที่มือสวี่ชิง
ความเร็วของสวี่ชิงปะทุขึ้น พุ่งตรงไปยังที่ไกล หนีไปจากที่นี่
ตลอดเหตุการณ์ทั้งหมด เขาไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว
สายฟ้ามาอย่างทรงพลังไร้เทียมทาน และจากไปอย่างเงียบงันไร้เสียง
ส่วนกระจกบานมหึมาบานนั้นตอนนี้สั่นสะเทือนรุนแรง รอยร้าวบนนั้นแผ่ลามออกไปไม่หยุด ใบหน้าบิดเบี้ยว สีหน้าเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เงยหน้าจ้องสวี่ชิงที่จากไปไกลเขม็ง
ส่วนตวนมู่ฉางที่ถูกมันขังเอาไว้ข้างในก็สูดลมหายใจลึก จากนั้นก็รีบหยุดการระเบิดปราณทันที ภายใต้การพุ่งทะยานออกไป ก็หนีออกไปตามรูโหว่ จากนั้นก็เหวี่ยงคลังสมบัติลับที่พังถล่มทุ่มไปที่กระจกยักษ์บานนั้น
เปรี๊ยะ!
รอยร้าวของกระจกมากขึ้นกว่าเดิม ร่วงลงมาจากฟ้า กระแทกลงมาที่หินหนืด
ใบหน้าในนั้นอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความรุนแรงสาหัสจากความเสียหายทำให้จิตเทพของมันยากจะส่งออกมา
ตวนมู่ฉางแค่นเสียงขึ้นจมูก ถ่มเสมหะเหนียวข้นออกมา
เสมหะนี้หนักมาก กระแทกไปที่ใบหน้าบนกระจก ทำให้กระจกจมลงไปในหินหนืด
ทำทุกอย่างเหล่านี้เสร็จ ตวนมู่ฉางหันหลังร่างไหววูบ จากไปไกลอย่างรวดเร็ว
และสามชั่วยามหลังจากที่พวกเขาจากมา ฟ้าดินที่ไกลเกิดลมพายุเปลวเพลิง ในนั้นมีเงาร่างมหึมาร่างหนึ่ง สวมชุดคลุมยาวสีทอง ไม่มีใบหน้า ใบหน้าทั้งดวงเป็นกระจกสีทองบานหนึ่ง
เขามาอย่างรวดเร็ว หยุดอยู่ที่นี่ ก้มหน้ามองไปทางหินหนืด
ใบหน้าสะท้อนภาพที่อยู่รอบๆ
นานหลังจากนั้น มือขวาของเขาก็ยกขึ้นคว้า ทันใดนั้นกระจกที่จมไปในหินหนืดก็ถูกเขาดึงออกมา ถือไว้ในมืออยู่ครู่หนึ่ง จากในกระจกมีเสียงเย็นเยือกดังออกมา
“เผ่ามนุษย์…”
สามวันหลังจากนั้น บนทะเลเพลิงสวรรค์ที่ห่างออกไปหมื่นลี้ สวี่ชิงกำลังทะยานไปอย่างเร็วรี่ สามวันนี้เขาไม่หยุดเลย ในขณะเดียวกับที่อำพรางตัว ก็เข้าใกล้ฝั่งไปเรื่อยๆ
ท้องฟ้าที่นี่ในสามวันนี้ยิ่งสว่างมากกว่าเดิม และเปลวเพลิงก็เหมือนจะเข้มข้นขึ้นกว่าที่ผ่านมาเล็กน้อย การผลิบานของดอกหินหนืดก็ยิ่งถี่ขึ้นเช่นกัน
ทำให้อุณหภูมิของที่นี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งแผ่ความรู้สึกวิญญาณถูกเผาไหม้แบบหนึ่งออกมาด้วย
“ต้องรีบกลับไปบนฝั่งให้เร็วที่สุด หากเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้ร่างกายทนไหว แต่วิญญาณจะถูกหลอม”
สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงความไหม้ที่ส่งมาจากผมของตัวเอง และวิญญาณก็เกิดสัญญาณเหี่ยวแห้งเล็กน้อย ดังนั้นขณะพึมพำ กำลังจะเร่งความเร็ว แต่เสี้ยวขณะต่อมาเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
“ผู้อาวุโสตามข้ามานานขนาดนี้แล้ว ไม่จำเป็น”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งสวี่ชิงก็เคลื่อนไปข้างหน้าต่อ
สามวันนี้ ทุกหนึ่งชั่วยามเขาก็จะทำแบบนี้ครั้งหนึ่ง
แม้กลิ่นอายพิษเขาจะสัมผัสรับรู้ได้ แต่สวี่ชิงเข้าใจดี หากมองความเข้าใจ ทัศนคติบางอย่างให้กลายเป็นนิสัย เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความประมาท และในโลกโลกาวินาศนี้ เพียงแค่ประมาทก็อาจจะเป็นจุดจบที่อเนจอนาถได้
ดังนั้นต่อให้เขาสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายพิษต้องห้ามก็จะเอ่ยออกไปเช่นนี้เหมือนเดิม
ผ่านไปอีกวันหนึ่งเช่นนี้เอง ฝีเท้าสวี่ชิงหยุดชะงัก ส่งเสียงสงบนิ่งออกมา
“ผู้อาวุโส ท่านชอบอำพรางตัวขนาดนี้เชียวหรือ
ครั้งนี้มีเสียงตอบรับกลับมา…
“เอ๋”
บริเวณสิบกว่าจั้งเยื้องไปทางขวาของสวี่ชิงมีเสียงแปลกประหลาดดังมา ตรงนั้นบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว ร่างของตวนมู่ฉางปรากฏออกมา
นอกร่างของเขามีฟองอากาศฟองหนึ่ง สกัดกั้นกลิ่นอายทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นบนมือขวาของเขาพันแถบผ้าเอาไว้ด้วย เป็นวัตถุชิ้นนี้ที่สกัดกั้นกลิ่นอายของพิษต้องห้ามเอาไว้ทั้งหมด
สวี่ชิงตาจ้องเพ่ง มองไปผาดหนึ่ง ท่าทางเหมือนรู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นอยู่เลาๆ
‘เจ้าเด็กนี้ค้นพบข้าได้อย่างไร’
ตวนมู่ฉางในใจนึกสงสัย นึกถึงการลงมือก่อนหน้านี้ของสวี่ชิง เขาคิดว่าเป็นไปได้อย่างมากว่าอีกฝ่ายยังซ่อนวิชาแปลกประหลาดบางอย่างอะไรเอาไว้อีก
‘แน่นอน ก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเจ้าเด็กนี่ทุกช่วงเวลาหนึ่งก็จะตะโกนออกมาแบบนี้!’
‘เจ้าเล่ห์นัก!’
ตวนมูฉางแค่นเสียงในใจ สังเกตเห็นสายตาของสวี่ชิงมองมาทางแถบผ้าที่มือขวาของตัวเองก็ไม่ได้อธิบายอะไร แต่มองสวี่ชิงอย่างโมโห
“ไอ้หนู เจ้ามันไร้มโนธรรมเสียจริง!
“ข้าไม่มีจิตคิดร้ายอะไรต่อเจ้าเลย ทั้งยังให้กล่องสกัดกั้นกับเจ้าด้วย แต่ยาแก้พิษที่เจ้าให้ข้ามาเป็นของปลอม!”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว
“แต่ว่าเห็นแก่ที่เจ้าช่วยข้าเมื่อก่อนหน้านี้ ข้าก็จะไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า” เห็นสวี่ชิงขมวดคิ้ว น้ำเสียงของชายชราอ่อนลงทันที จากนั้นก็ยกมือ กระแอมออกมาทีหนึ่ง
“เราต่างเป็นเผ่ามนุษย์ เช่นนั้นแล้ว…เจ้าแก้พิษให้ข้าดีหรือไม่”
สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ เอ่ยเสียงราบเรียบ
“หินวิญญาณหมื่นก้อน!”
ชายชราสูดลมหายใจลึก ถลึงตามองสวี่ชิง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ยิ้มขื่นส่ายหน้า โยนถุงเก็บของออกมาใบหนึ่ง นี่เป็นถุงเก็บของที่สวี่ชิงให้เขาเมื่อก่อนหน้านี้
สวี่ชิงเมื่อรับมาก็นับ รับประกันว่าไม่มีปัญหา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา