บทที่ 59 เงาเดียวดายในคืนฝนพรำ
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ลมฝนหนักขึ้น
เสียงลมหวีดหวิวเหมือนเสียงร้องไห้ดังสะท้อนในเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิต ลอยไปในถนนทุกเส้น ในตรอกทุกแห่ง พบและกอดกับหยดฝนบนท้องฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วหยดลงมาบนถนนทองผุด รอบๆ ตัวสวี่ชิง
หยดฝนกระทบอิฐและกระเบื้องที่อยู่ด้านข้าง ส่งเสียงติ๋งๆ ออกมา ลมก็ไม่ยอมแพ้ พัดเสื้อคลุมยาวของเขาสะบัดดังพึ่บพั่บ
ส่วนสวี่ชิงที่ยืนอยู่ใต้หลังคาก็เหมือนว่าจะไม่ถูกลมฝนรบกวนเลย ตัวคนกลืนไปกับความมืด นิ่งไม่ขยับ จ้องเพ่งอย่างเยียบเย็นเหมือนกับนักล่า
เขามีความอดทนมาก ลมหายใจสม่ำเสมอ ไม่รีบไม่ร้อน
ผ่านไปเช่นนี้อีกหนึ่งชั่วยามแล้ว ยามเมื่อบ้านเรือนทุกหลังดับตะเกียง ทั้งเมืองก็ตกสู่ความมืดมิดและเงียบสงัด มีเพียงเสียงซ่าๆ ของฝนเท่านั้นที่ดังออกมา ในโรงเตี๊ยมมีเงาหนึ่งโผล่หัวออกมาช้าๆ
เป็นผู้บำเพ็ญสวมชุดคลุมยาวสีแดงคนหนึ่ง ร่างกายใต้ชุดคลุมยาวน่าจะไหล่กว้างแข็งแกร่งกำยำ ยืนอยู่ตรงนั้นก็สร้างความรู้สึกกดดันอย่างหนึ่งให้กับผู้คน เป็นชิงอวิ๋นจื่อนั่นเอง
ระลอกคลื่นพลังวิญญาณบนร่างของเขาไม่ธรรมดาเลย ท่าทางจะแข็งแกร่งมาก เหมือนจะถึงระดับรวมปราณขั้นเก้าแล้ว
แต่ความแข็งแกร่งเช่นนี้ก็เป็นแค่สำหรับขั้วอำนาจเล็กๆ สำนักเล็กๆ เท่านั้น สำหรับลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว ความแตกต่างของเคล็ดวิชาก็ทิ้งห่างด้านรากฐานไปไกล และสามารถเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหี้ยมโหดอย่างเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตแบบนี้ได้ เช่นนั้นแค่เพียงระดับรวมปราณขั้นเจ็ดก็สามารถสยบขั้นเก้าจากสำนักเล็กๆ อย่างเขาเช่นนี้ได้แล้ว
ดังนั้นทำให้เขาที่อยู่ในเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เขายื่นหน้าจากในโรงเตี๊ยมออกไปกวาดตามองรอบๆ ก่อน หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอันตรายแล้วถึงจะลองก้าวเท้าออกไป ในเสี้ยวพริบตาที่ก้าวออกไปจากโรงเตี๊ยม ทั้งตัวก็ไหววูบจะจากไปในคืนฝนพรำ
แต่ก้าวออกไปไม่ถึงห้าก้าว สีหน้าชิงอวิ๋นจื่อก็เปลี่ยนไป เหมือนเขามีพรสวรรค์ในการวิเคราะห์แยกแยะอันตราย แม้จะไม่เห็นสวี่ชิง แต่เหมือนจะสังเกตได้ถึงอันตราย จึงหมุนตัวพลัน พุ่งกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยม
สวี่ชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมเขากะจะรอให้อีกฝ่ายวิ่งออกมาสักประมาณหนึ่งค่อยลงมือ แต่ความระวังตัวของอีกฝ่ายสูงมาก ตอนนี้ในดวงตาของสวี่ชิงมีประกาย สาวเท้าเดินออกไป
ตัวเขาทั้งร่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด พุ่งตัวไปในสายฝน
หยาดฝนอยู่ต่อหน้าเขาก็เปลี่ยนมาช้าเนิบเป็นอย่างยิ่ง ถนนทั้งสายเกิดกำแพงเสียงขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้ทันที
ท่ามกลางหยดฝนโปรยปรายติดต่อกัน เงาร่างของสวี่ชิงเหมือนลูกธนูพุ่งจากคันศร พุ่งตรงไปยังชิงอวิ๋นจื่อที่อยู่นอกโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็วทรงพลัง
ชิงอวิ๋นจื่อเห็นสวี่ชิงแล้วหน้าเปลี่ยนสี สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของความเร็วนี้ ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทะเลต้องห้ามจากพลังวิญญาณในร่างกายของอีกฝ่ายที่สะกดทั้งร่างของตนเอาไว้ ทำให้การโคจรพลังวิญญาณของตัวเองหยุดชะงัก ในใจสั่นสะท้านรุนแรงทันที วิกฤตความเป็นความตายปะทุขึ้น ณ เสี้ยวพริบตานี้
ดวงตาของเขาแดงก่ำขึ้นมาฉับพลัน กัดปลายลิ้นจนเลือดไหลเหมือนกระตุ้นเคล็ดวิชาลับ ฝืนโคจรพลังบำเพ็ญ ทำให้ความเร็วของตัวเองปะทุขึ้นมาเล็กน้อย ใกล้จะพุ่งตัวเข้าไปในประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมได้แล้ว
และตอนนี้ชายชราที่สูบบ้องยาสูบก็ปรากฏตัวขึ้นด้านในประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมตรงนั้น มองสวี่ชิงที่พุ่งตรงมาที่นี่ในชั่วขณะที่บ้องยาสูบส่องประกายไฟวูบวาบ
เสี้ยวขณะต่อมา ในชั่วพริบตาที่ชิงอวิ๋นจื่อดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ขาขวาห่างจากประตูโรงเตี๊ยมแค่ครึ่งก้าวก็จะยกเหยียบย่างเข้ามาได้แล้วนั้น ประกายสีดำทางหนึ่งที่เร็วกว่าพร้อมด้วยแสงเย็นเยียบและพลังวิญญาณทะเลต้องห้ามที่เข้มข้นมาถึงในทันใด ทำลายพลังบำเพ็ญการป้องกันของชิงอวิ๋นจื่อ ทะลุน่องข้างขวาที่ยกขึ้นข้างนั้นของเขาทันที
ความเร็วและความแข็งแกร่งของการโจมตีทำให้ชิงอวิ๋นจื่อส่งเสียงร้องโหยหวนน่าสังเวชในราตรีที่เงียบสงัดนี้
เท้าขวาของเขาไม่สามารถเหยียบลงไปได้ ถูกโจมตีจนร่างผงะ ฝีเท้าโซซัดโซเซยากจะยืนได้มั่นคง ในขณะที่จำต้องถอยไปก้าวหนึ่ง ประกายแสงสีดำทางที่สองก็พุ่งมาอย่างรวดเร็ว เป็นกริชเล่มหนึ่ง
บึ้ม
ความเร็วของกริชเล่มนี้ปักมายังแขนซ้ายของชิงอวิ๋นจื่อในชั่วพริบตาดูน่าสะพรึง พลังวิญญาณน่ากลัวปะทุในร่างของเขา ในขณะที่ทำลายเส้นลมปราณก็ตรึงร่างของเขาเอาไว้ หน้าคว่ำกับพื้น ห่างจากประตูโรงเตี๊ยมเพียงแค่ช่วงแขนเท่านั้น
เส้นเลือดที่หน้าผากชิงอวิ๋นจื่อปูดโปนท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน เขาดิ้นรนคิดจะดึงกริชออกพลางคลานไปที่โรงเตี๊ยม แต่สายไป เงาร่างของสวี่ชิงมาถึงแล้ว เขาเหยียบไปที่หลังของชิงอวิ๋นจื่อ
พลังของการเหยียบนี้มหาศาลนัก หลังของชิงอวิ๋นจื่อก็หักเสียงดังกร๊อบ ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไปอีก
ชายแก่ในโรงเตี๊ยมวางบ้องยาสูบในมือท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน ในเสี้ยวพริบตานี้ทั้งตัวก็เหมือนจะแผ่กลิ่นอายที่อันตรายออกมา มองไปยังสวี่ชิงที่อยู่หน้าประตูอย่างเย็นชา
“เจ้าจะทำลายกฎของข้าหรือ”
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ข้างในมองเห็นหนวดชอนไชออกมา ที่หว่างคิ้วมีรอยแยกปรากฏขึ้น เหมือนว่าในร่างมีตัวตนอะไรที่แฝงอยู่จะแหวกออกมาในตอนนี้อย่างไรอย่างนั้น น่ากลัวน่าขนลุกนัก
ในขณะเดียวกัน ในโรงเตี๊ยมของเขาตอนนี้ก็มีเสียงประหลาดดังออกมา งูเหลือมตัวมหึมาขนาดเท่ากับมนุษย์สามคนห้อยลงมาจากคานของโรงเตี๊ยม ดวงตาขีดตั้งที่ฉายความเหี้ยมโหดและกระหายเลือดจ้องมาทางสวี่ชิง
ไม่ใช่แค่นี้เท่านั้น บนพื้นก็มีตะขาบมากมายมุดออกมา แต่ละตัวดำเมี่ยมมีพิษร้ายแรง ต่างตั้งท่าโจมตี ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องรอบๆ ต่างมีกลิ่นอายคมกริบแผ่ออกมา ในขณะเดียวที่มุ่งเป้ามาที่สวี่ชิง ที่หลังคาก็มีเชือกเป็นเส้นๆ ห้อยลงมา
เชือกพวกนี้เหมือนมีชีวิต ตอนนี้มันพันเกี่ยวเป็นวงหลวมๆ เหมือนเชือกแขวนคอ คล้ายว่าชั่วขณะต่อไปก็จะพันรัดสวี่ชิง บนเชือกแผ่กลิ่นอายความตายมหาศาลออกมา เหมือนว่าคนที่ตายด้วยเชือกพวกนี้มีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน
พวกมันกำลังจ้องสวี่ชิง
สวี่ชิงยืนอยู่ที่หน้าประตู เหยียบหลังของคนที่ร้องโหยหวน เงยหน้ามองชายชราที่อยู่ในโรงเตี๊ยม
สายตาทั้งสองประสานกัน
สวี่ชิงแสร้งเหมือนมองไม่เห็นพวกอสูรกลายพันธุ์ในโรงเตี๊ยม กลิ่นอายที่พุ่งเป้ามาจากรอบๆ และเชือกพวกนั้น เขาแค่เงยหน้ามองชายแก่
เงาขุยปรากฏมาข้างหลัง ดำทะมึนเหมือนผีร้าย ท่าทางเหี้ยมโหด เตรียมพร้อมโจมตี
ในขณะเดียวกับที่เคล็ดวิชาคีรีสมุทรของสวี่ชิงโคจรเต็มกำลัง เลือดเนื้อทั่วทุกแห่งทั้งร่างกายในตอนนี้ก็เตรียมพร้อมที่จะปะทุพลังออกมาอย่างเต็มที่
คัมภีร์แปรสมุทรก็เช่นเดียวกัน หยดฝนรอบๆ ต่างหยุดนิ่งกลางอากาศ ณ เสี้ยวขณะนี้ วนล้อมรอบสวี่ชิง ส่งเสียงขานรับกับทะเลวิญญาณในร่างของเขา
เหมือนจะเกิดเป็นวิชาสังหารคนได้ทุกเมื่อ
ยาพิษก็เหมือนกัน แล้วยังมีเงาของเขา ตอนนี้มันได้แผ่ลามไปในโรงเตี๊ยมอย่างเงียบงันและไม่อาจสังเกตได้ ไปอยู่ใต้เท้าของชายแก่แปลกประหลาดคนนั้นแล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา