บทที่ 60 ไม่ได้รับเชิญห้ามเข้า
ฟ้าร้องครืนครัน!
เสียงอื้ออึงลั่นก้องทั้งฟ้าดิน ชั้นเมฆซ้อนทับกันหนาแน่นบนท้องฟ้า ราวกับมีสิ่งมีชีวิตนอกพิภพหลายตัวกำลังเข้าโรมรันอย่างต่อเนื่อง
ประเดี๋ยวก็มีเสียงอัสนีอื้ออึง ประเดี๋ยวก็ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นต่อเนื่อง จนทำให้ชาวเมืองทั้งเมืองหลักทยอยตื่นจากฝัน
แสงอัสนีหลายสายฟาดผ่าท้องฟ้า ฉีกราตรีดำมืดออกอย่างน่าสยดสยอง ดวงตะวันที่ถูกชั้นเมฆบดบังตอนนี้ก็เหมือนมีจังหวะให้ได้พักหายใจ พยายามเปล่งแสงประกายตามหยาดฝนลงมายังโลกมนุษย์
เช้าตรู่ น้ำฝนยิ่งมากขึ้น
ท้องถนนกลางม่านฝน เงาที่เดินอยู่ใต้ร่มกระดาษสีดำค่อยๆ เลือนลาง
มองเห็นเพียงหยาดฝนสาดเอียงโปรยปรายมายังร่ม และขณะส่วนที่อยู่บนร่มกระดาษส่งเสียงเปาะแปะนั้น ก็เหมือนจะถูกสกัดไว้อย่างจำใจจนทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น ต้องร่วงไหลมาตามขอบร่ม จนกลายเป็นสายน้ำฝนรินหลั่งลงมา
ตกลงมาเหมือนกลัวจะไม่ทันสหาย และสุดท้ายก็ไหลลงไปกองอยู่ด้วยกันบนพื้น
ระลอกคลื่นจากการสะสมรวมกันของพวกมัน ชะล้างคาวเลือดบนพื้นเมื่อคืนออกไปจนหมด แต่กลับล้างความชั่วร้ายของมนุษย์บนโลกที่โหดร้ายนี้ไม่ออก
“ในใจคนเราทุกคน ล้วนปิดกั้นความชั่วร้ายไว้ เพียงแต่โลกาวินาศใบนี้ทำให้การปิดกั้นที่ว่าถูกเปิดออกมาได้ง่ายดายขึ้น” ประโยคนี้ เป็นสิ่งที่หัวหน้าเหลยเคยทอดถอนใจออกมาตอนกินข้าวครั้งหนึ่ง
สวี่ชิงรู้สึกว่าก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
น้ำฝนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าร้องก็ยิ่งส่งเสียงครืนครันขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ของสวี่ชิงเอง ก็ค่อยๆ สงบลงมาในเสียงกราดเกรี้ยวของอัสนีและสายลม
เขากลับมาถึงท่าเรือเจ็ดสิบเก้าอย่างไม่รู้เนื้อตัว ท้องทะเลที่กำลังสาดซัดอย่างรุนแรง เขาตรวจสอบตามความเคยชินรอบหนึ่ง จากนั้นจึงปล่อยเรือเวทของตนเองออกมา
เหยียบเข้าไปด้านใน หลังจากเกราะคุ้มกันปรากฏขึ้น สวี่ชิงก็นั่งลงขัดสมาธิในเรืออูเผิงที่กำลังโคลงเคลง
การเปิดเกราะคุ้มกัน ทำให้น้ำฝนไม่อาจเข้ามาได้ และตัวเรือที่โคลงเคลงนี้ สวี่ชิงที่ปรับตัวกับทั้งหมดนี้ได้แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไรนัก
กลับกัน การโคลงเคลงเช่นนี้ภายใต้เสียงครืนครันของลมฝนพร่างฟ้าด้านนอก ในใจของเขากลับยิ่งสงบมากขึ้น ก้มหน้าลงเริ่มหลอมยาลูกกลอน
ช่วงนี้สวี่ชิงไปร้านขายยาซื้อสมุนไพรบ่อยครั้ง ลูกกลอนขาวที่หลอมออกมาก็มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงเท่านี้ ปริมาณของลูกกลอนดำกับผงพิษก็ด้วยเช่นกัน
และช่องตารางในห้องเรืออูเผิงของเขาก็มากขึ้นไปด้วย มองจากสมุนไพรหยางและสมุนไพรหยินมากมายมหาศาลที่อยู่ด้านในได้
“ต้องหาเวลาออกไปค้นหาสถานที่ทดสอบพิษเสียหน่อย” สวี่ชิงกวาดตามองช่องตารางเล็กๆ เหล่านั้น มือขวายกขึ้นคว้า สมุนไพรลอยออกมาทีละต้นๆ ทำการหลอมยาต่อท่ามกลางลมฝนปะทะกันด้านนอก
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป ฝนห่านี้ตกมาตลอดช่วงกลางวัน และยิ่งตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะกลายเป็นลมพายุอย่างไรอย่างนั้น กระพือคลื่นยักษ์ที่น่าตกตะลึงขึ้นมา
คลื่นทะเลนับไม่ถ้วนกระทบเข้ามาที่ชายฝั่ง ทำให้เรือปริมาณมหาศาลคลอนไหวอย่างรุนแรง ยังดีที่เรือในท่าเรือล้วนเป็นเรือเวททั้งสิ้น หลังจากเปิดเกราะคุ้มกันก็สามารถทัดทานไว้ได้ เพียงแต่มองไกลๆ แล้ว พวกมันเหมือนใบไม้ที่อยู่ในท้องทะเล ลอยไหวไปมาไม่หยุด
และเพราะลมฝนรุนแรงเกินไป ดังนั้นท่าเรือจึงไม่มีเรือจากภายนอกเข้ามา เรือออกไปก็ยิ่งไม่มีเลย ดังนั้นกรมส่วนใหญ่จึงหยุดทำการ และเหล่าศิษย์ก็ล้วนอยู่กันแต่ในที่พักของตน ออกมาด้านนอกน้อยครั้ง
ทั่วทั้งท่าเรือเจ็ดเนตรโลหิต ล้วนหยุดการเคลื่อนไหวลงทั้งหมดท่ามกลางลมฝนที่พรั่นพรึงขึ้นเรื่อยๆ ห่านี้
แต่การสังหาร…ยังคงดำเนินต่อไป
ตอนที่ราตรีของคืนที่สองมาถึง ลมฝนด้านนอกรุนแรงกว่าเดิม และตอนที่สายฟ้าอัสนีรวมเข้าไปกับสายลมจนคำรามก้องไปทั้งท่าเรืออย่างบ้าคลั่ง สวี่ชิงก็เบิกตาโพลงขึ้นด้านในเรือเวทที่โยกไหวอย่างรุนแรง
วิกฤตความเป็นตายวูบหนึ่ง ปรากฏขึ้นในจิตวิญญาณของเขา
วิกฤติความเป็นตายนี้ไม่ได้มาจากลมฟ้าอากาศด้านนอก แต่มาจากชายฝั่งนอกเรือเวท
แม้ลมฝนจะคลั่ง พัดผงพิษที่สวี่ชิงวางไว้รอบๆ จนฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่ก็ยังมีกลิ่นอายผงพิษบางส่วนที่ยังคงอยู่ในลมฝนได้นานหน่อย และนี่เป็นการระวังภัยอันดับแรกที่สวี่ชิงเตรียมไว้
เมื่อมีคนเข้าใกล้ หลังจากเปื้อนกลิ่นอายผงพิษของเขา หากเหยียบขึ้นมาบนเรือเวทของเขา ก็จะเจอกับพิษอีกชนิดหนึ่งที่สวี่ชิงวางไว้ในเรือเวทผสมเข้าไปด้วยกัน แล้วกลายเป็นพิษร้ายแรงถึงชีวิต
นอกจากนี้ การเติบโตของพลังจิตที่ได้รับมาขณะที่ทดสอบเข้าสำนัก รวมไปถึงความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของคัมภีร์แปรสมุทรช่วงนี้ ทำให้ประสาทสัมผัสเขาก้าวหน้าเฉียบคมเกินคนรุ่นเดียวไปแล้ว
ดังนั้นภายใต้การระวังภัยสองชั้นนี้ สวี่ชิงรู้ว่าด้านนอก…มีคนประชิดเข้ามา และคนผู้นี้ก็อยู่ด้านนอกเรือเวท
สวี่ชิงเก็บประกายเย็นเยียบในตาลง และไม่เฝ้ารออยู่ในเรือเวท แต่เดินออกไปนอกห้องเรือ ยืนอยู่ที่ส่วนหัวเรือ มองออกไปด้านนอกภายในเกราะคุ้มกันนี้
ด้านนอกลมฝนซัดสาด สายฟ้าฟาดผ่า ที่ชายฝั่งจุดจอดเรือของเขา มีเงาสวมชุดกันฝนอยู่เงาหนึ่ง ในมือหิ้วกาสุราไว้กาหนึ่ง
เขามองสวี่ชิง สวี่ชิงเองก็มองเขา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา