บทที่ 597 จะกินยามั่วซั่วไม่ได้ (1)
เสียงของนายกองดังอยู่ในหูสวี่ชิง สวี่ชิงไม่ได้พูดอะไร เขารู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้
เขาจำได้ว่าตอนนั้นตนก็เจอกับผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าผู้บำเพ็ญร้อยพิษมิอาจกล้ำกรายคนหนึ่งในตำหนักขบถจันทร์เช่นกัน ตอนนั้นหลังจากแลกเปลี่ยนแล้วเขายังเตือนอีกฝ่ายไปอีกหลายหนว่าอย่ากินลูกกลอนลงไปทันที
ต่อมาอีกฝ่ายก็หายไป ส่วนตนก็ยุ่งอยู่กับการหลอมยาลูกกลอนจากหลี่โหยวเฝ่ย จึงไม่ได้สนใจ
‘คนเดียวกันหรือเปล่านะ’ สวี่ชิงพึมพำในใจ
“คนผู้นี้น่าจะร้อนรนมาก ดังนั้นค่าตอบแทนที่ให้จึงมหาศาลนัก” นายกองล้วงผลท้อออกมา กัดไปคำหนึ่ง เอ่ยต่อว่า
“ข้าคิดว่ามีท่านปู่อยู่ หากอีกฝ่ายกล้าล่อเหยื่อ พวกเราก็คงไม่เจอกับอันตรายอะไร หากเป็นการขอร้องอย่างจริงใจ วิถีพิษของอาชิงน้อย อยากจะแก้พิษก็เป็นเรื่องเล็กๆ
“เรื่องนี้สำหรับพวกเรา ก็เหมือนไปรับเงินนั่นแหละ”
นายกองพูดพลางล้วงผิงกั่วอีกลูกยื่นให้สวี่ชิง
“เป็นอย่างไรอาชิงน้อย จะจัดการเรื่องนี้หรือไม่ ถึงเจ้าจะเข้าไปในตำหนักขบถจันทร์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร มีศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าอยู่!”
สวี่ชิงรับผิงกั่วไป หลังจากครุ่นคิดก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้
เขาตัดสินใจจะไปดูว่าใช้คนผู้นั้นหรือไม่ หากใช่จริงๆ…ตนก็คงต้องลงมือแก้พิษให้ ถึงอย่างไรข้อมูลคำสาปที่อีกฝ่ายให้ไว้ตอนนั้นก็เป็นเรื่องจริง กินยาพิษของตนเข้าไปแล้วเกิดปัญหา ตนก็จำเป็นต้องช่วยเหลือเล็กน้อย
เห็นว่าสวี่ชิงเห็นด้วย นายกองก็แอบดีใจ เหลือบมองรัฐทายาทที่กำลังนั่งสมาธิ
“มีเตรียมสู่เทวะอยู่ ถ้าไม่ใช้เสียหน่อยก็น่าเสียดาย”
อันที่จริงเรื่องนี้ก็ยังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง นั่นคือการสร้างชื่อในตำหนักขบถจันทร์
นับตั้งแต่เข้าร่วมตำหนักขบถจันทร์ นายกองก็พบกับโครงสร้างของที่นั่น รู้ว่าระบบค้าขายเช่นนี้ในภูเขา เรื่องชื่อเสียงสำคัญอย่างมาก และเขาก็ตัดใจขายของของตัวเองไม่ลง จึงคิดหาแนวทางใหม่ เปล่งรัศมีของตัวเองด้วยช่วยเหลือผู้อื่น
‘แล้วก็ปรมาจารย์ลูกกลอนเก้าคนนั้น มีผู้คนรออยู่ด้านนอกศาลเจ้าเขามากมายเหลือเกิน ข้าเบียดเข้าไปไม่ได้ ต้องหาวิธี’
นายกองความคิดแล่นฉิว เงยหน้ามองสวี่ชิง จู่ๆ ก็เอ่ยปาก
“อาชิงน้อย เจ้าศึกษาเรื่องคำสาปไปถึงไหนแล้ว”
“ได้แนวคิดมาบ้างแล้วขอรับ” สายตาสวี่ชิงหยุดอยู่ที่ร่างนายกอง ความได้ใจและการโอ้อวดที่ได้เข้าร่วมตำหนักขบถจันทร์ก่อนหน้านี้ ทำให้สวี่ชิงคิดว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องที่ตนก็เข้าร่วมตำหนักขบถจันทร์ไปแล้วดีกว่า เดี๋ยวจะทำให้ความสุขของนายกองหายวับไปในพริบตา
“ไม่เป็นไร คำสาปก็ใช่ว่าจะแก้ได้ง่ายๆ แต่ตอนที่เจ้ามีเวลา อันที่จริงไปศึกษาลูกกลอนบรรเทาทุกข์เสียหน่อยก็ดี”
นายกองพูดพลาง ดวงตาก็เผยความคาดหวังออกมา
“อาชิงน้อย เจ้าไม่รู้ว่าลูกกลอนบรรเทาทุกข์สำหรับตำหนักขบถจันทร์แล้ว มีความหมายยิ่งใหญ่มาก
“ข้าก่อนหน้านี้บอกกับเจ้าไปไม่ใช่หรือว่าช่วงนี้ตำหนักขบถจันทร์เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น มีปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้นมา ก็คือสหายของข้าคนนั้นหรอกหรือ”
สวี่ชิงได้ยินก็พยักหน้า
“คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย เขาเป็นอัจฉริยะด้านวิถีลูกกลอน สามารถสร้างลูกกลอนบรรเทาทุกข์จำนวนมหาศาลได้ ก่อนหน้านี้ข้าโชคดีได้ทำความรู้จักกับเขา ข้านับถือความอัจฉริยะของเขา เขาก็ชื่นชมความรู้ของข้า พวกเราสองคนจึงสนิทกัน
“จากการสานสัมพันธ์ครั้งนั้น ข้าก็ได้รับรู้ความอัจฉริยะของปรมาจารย์ผู้นี้ลึกยิ่งขึ้น”
นายกองดวงตาฉายแววระลึกย้อนความทรงจำ ทำทีทอดถอนใจ
สวี่ชิงกะพริบตาปริบๆ ไม่พูดอะไร
“อาชิงน้อย เจ้าก็อย่าหมดกำลังใจ ไม่เป็นไร ข้ากับปรมาจารย์เคยคุยกัน เขารับปากว่าจะให้ลูกกลอนบรรเทาทุกข์กับข้าเม็ดหนึ่ง ถึงตอนนั้นข้าจะเอามาให้เจ้าศึกษาสักหน่อย ดูว่าพวกเราจะจำแนกและสร้างออกมาได้หรือไม่”
คำพูดของนายกอง ดึงดูดความสนใจของหนิงเหยียนกับอู๋เจี้ยนอู หลี่โหยวเฝ่ยทางนั้นก็มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมตำหนักขบถจันทร์ ไม่รู้ด้านในนั้นเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่าเมื่อได้คำว่าปรมาจารย์รวมถึงประโยคที่ว่าจะสร้างลูกกลอนบรรเทาทุกข์ออกมาจำนวนมาก หลี่โหยวเฝ่ยก็ลอบมองสวี่ชิงด้วยสัญชาตญาณ
หนิงเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็ถามอย่างอดไม่อยู่
“ศิษย์พี่เอ้อหนิว ปรมาจารย์จากตำหนักขบถจันทร์ผู้นั้นเก่งกาจขนาดสร้างยาลูกกลอนบรรเทาทุกข์จำนวนมากได้เชียวหรือ”
หลังจากมาถึงแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา หนิงเหยียนกับอู๋เจี้ยนอูก็รู้มูลค่าของยาลูกกลอนบรรเทาทุกข์ผ่านประกาศจับของสำนักบุปผาหยินหยาง ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของนายกองก็ตกใจ
นายกองเชิดหน้า ยิ้มขึ้นอย่างได้ใจ
“แค่เก่งกาจเสียที่ไหน!
“ตอนที่ปรมาจารย์ลูกกลอนเก้าคนนั้นปรากฏตัว ศาลเจ้าของเขาสั่นสะเทือนอยู่สองเดือนเชียวนะ แผ่ท่วงทำนองเต๋าสูงส่งออกมา เพื่อนบ้านของเขาเหล่านั้นก็โชคดี หลังจากได้ยินคำสาปของร่างกายก็ถูกสะกด
“ทุกคนล้วนคาดเดาว่าตำหนักขบถจันทร์เป็นผู้เชื้อเชิญปรมาจารย์ท่านนี้มาด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หนิงเหยียนสูดลมหายใจ อู๋เจี้ยนอูเบิกตากว้าง สีหน้าหลี่โหยวเฝ่ยก็ออกอาการ
เห็นคนเหล่านี้เป็นเช่นนี้ นายกองก็ยิ่งพูดอย่างตื่นเต้น
“แล้วที่ทำให้ตื่นตกใจกันที่สุด ก็คือยาลูกกลอนบรรเทาทุกข์ของเขา มีราคาแค่หนึ่งส่วนจากในตลาดเท่านั้น ผลลัพธ์ก็น่าตกตะลึงยิ่งกว่า คนที่ซื้อไปไม่มีใครไม่สั่นสะเทือน
“พวกเจ้าไม่ใช่คนของตำหนักขบถจันทร์ จึงยังไม่เห็นสถานที่ที่ปรมาจารย์ผู้นั้นพักอยู่ ทุกวันมีคนนับร้อยไปนั่งรอ!
“ขอแค่ปรมาจารย์วางยาลูกกลอนไว้เม็ดหนึ่ง ในพริบตาก็จะมีผู้บำเพ็ญจำนวนมหาศาลแย่งกันหาวิธีเพื่อให้ได้มันมา
“ภาพฉากนั้นน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง”
นายกองทอดถอนใจ อู๋เจี้ยนอูและหนิงเหยียนใจสั่นสะท้าน มีเพียงหลี่โหยวเฝ่ยที่ในใจเริ่มปั่นป่วน เขายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าปรมาจารย์ผู้นี้น่าจะเป็นสวี่ชิง
สวี่ชิงครุ่นคิด ก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา