เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 596

บทที่ 596 คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่

ท้องฟ้าแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเต็มไปด้วยความขมุกขมัว ค่ำคืนก็ยิ่งเป็นเช่นนั้น ไม่เห็นดวงดารา และไม่มีตะวันจันทรา

ประหนึ่งมีคนนำม่านสีดำมาคลุมท้องฟ้าไว้ ปกคลุมทุกสรรพสิ่ง บดบังทัศนวิสัยของสรรพชีวิต

ตอนนี้ บนท้องฟ้ามืดมิด มีคลื่นพลังอำพรางวูบหนึ่งกำลังแผ่ขยายออกไป

ในคลื่นพลังนี้ เป็นดวงอาทิตย์ขนาดยักษ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นดวงหนึ่ง มันคือเจ้าอ้วนน้อย

รัฐทายาทเจ้าเหนือหัวปฏิเสธที่จะนั่งบนหมีของอู๋เจี้ยนอู นายกองจึงนำเจ้าอ้วนน้อยออกมา

สำหรับดวงอาทิตย์ที่มนุษย์สร้าง รัฐทายาทนับว่าพึงพอใจ หลังจากโบกมืออำพรางมัน พวกเขาทั้งหมดจึงอยู่ในดวงอาทิตย์นี้ เดินทางไปยังเทือกเขาทนทุกข์

แต่ตอนนี้ ด้านในดวงอาทิตย์ที่มนุษย์สร้างขึ้น บรรยากาศกดดันมาก

หนิงเหยียนนั่งตัวตรง แต่กลับอดสั่นเทาไม่ได้ เขาสั่นมานานสองนานแล้ว ต่อให้จะเมื่อยขบไปทั้งตัว แต่ก็ยังอดไม่ได้ ความรู้สึกราวกับตนเหมือนคนธรรมดาที่เผชิญหน้ากับพยัคฆ์ร้าย ทำให้เขานั่งสมาธิสงบใจไม่ได้เลย

อู๋เจี้ยนอูก็เช่นกัน เขาสั่นอยู่ใต้ชายคาแห่งหนึ่ง ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ

หลี่โหยวเฝ่ยหนักยิ่งกว่า หลังจากคาดเดาพลังบำเพ็ญชายชราได้รางๆ ความตึงเครียดและความกลัวของเขาก็กลายเป็นกระแสน้ำคลั่ง ท่วมทับทั้งตัวเขาจนหายใจไม่ออก

ความรู้สึกหายใจไม่ออกนี้ ทำให้เขายิ่งยำเกรงสวี่ชิงมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าแต่ก่อน ไปจนถึงระดับสูงสุดแล้ว

เขารู้สึกว่าปรมาจารย์จะอย่างไรก็เป็นปรมาจารย์ ไม่ใช่แค่มีที่มาลึกลับ แต่เวลาทำอะไรก็จะเหนือกว่าที่ตนจินตนาการเอาไว้ ต้องรู้ว่าเตรียมสู่เทวะ…เขาแค่เคยได้ยินแต่ชื่อ ตั้งแต่เล็กจนโต อย่าว่าแต่ที่มีชีวิตเลย ที่ตายไปก็ยังไม่เคยเห็น

กระทั่งขนเส้นเดียวก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

คิดถึงตรงนี้ หลี่โหยวเฝ่ยก็มองสวี่ชิงด้วยสัญชาตญาณ

ตำแหน่งที่สวี่ชิงอยู่คือข้างกายรัฐทายาท มีคนน้อยนักที่กล้าไปนั่งตรงนั้น เดิมสวี่ชิงทีก็ไม่อยาก แต่เมื่อรัฐทายาทมาถึงก็กวักมือเรียกเขา

สวี่ชิงจึงต้องกัดฟันนั่งลง

ส่วนนายกอง…เขาถือเป็นคนส่วนน้อย จึงกล้าอยู่ที่นี่ ยามนี้กำลังปรนนิบัติพัดวีให้รัฐทายาทไม่หยุด ความประจบเอาใจไม่เคยจางหายไปจากหน้าเขส

“ท่านปู่ชรา ท่านว่าแรงลมเป็นอย่างไรบ้างขอรับ ให้ข้าพัดแรงขึ้นอีกหน่อยดีหรือไม่”

รัฐทายาทขานตอบคำหนึ่ง

นายกองทุ่มสุดกำลัง

สวี่ชิงนั่งอยู่ข้างๆ รัฐทายาท เส้นผมปลิวพลิ้วเล็กน้อย เขามองนายกองที่ทุ่มสุดแรงก็เข้าใจเป็นอย่างดี จึงส่งสายตาเป็นกำลังใจไปให้

นายกองเห็นแล้ว ตอนที่กำลังทุ่มสุดตัว รัฐทายาทที่จำแลงเป็นคุณปู่ชราก้มหน้าลงมองพื้นรอบๆ

ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นที่พักของนายกองกับหนิงเหยียน กระทาชายสามคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ย่อมค่อนข้างรกและสกปรกอยู่แล้ว โดยเฉพาะพวกทายาทของอู๋เจี้ยนอู

นายกองสังเกตเห็นสายตาของปู่ชรา กำลังจะเอ่ยปาก ทว่าหนิงเหยียนที่ตัวสั่นมาโดยตลอดก็ถลามาทันที พุ่งไปทำความสะอาดพื้นอย่างรวดเร็ว

ลงมือทำอย่างรวดเร็ว ทำให้สายตานายกองฉายแววลึกซึ้ง

หนิงเหยียนไม่สนใจสายตาของนายกอง เขาคิดดีแล้ว ไม่แน่ในภายภาคหน้าปู่ชราอาจเป็นที่พึ่งสำคัญของตน เป็นผู้ที่จะช่วยให้ตนเองหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ ขอแค่ปรนนิบัติปู่ชราผู้นี้ให้ดี เอ้อร์หนิวก็ไม่กล้าหาเรื่องตน

จึงขัดถูอย่างบ้าคลั่ง หลังจากทำจนสะอาดสะอ้าน สีหน้ารัฐทายาทก็ฉายแววพึงพอใจ

หนิงเหยียนรีบนึกลึกถึงสีหน้าคนจำนวนหนึ่งในความทรงจำ เลียนแบบท่าทางของพวกเขาสองมือสอดเข้าไปในแขนเสื้อยื่นด้านหน้า หน้าประดับรอยยิ้ม

“ท่านปู่ลองดูว่าจุดไหนยังไม่น่าพึงพอใจ บอกกับข้าน้อยได้เลย ข้าน้อยจะทำให้สะอาดทันทีขอรับ”

มองท่าทีเช่นนี้ของหนิงเหยียน ดวงตารัฐทายาทก็ฉายแววระลึกถึงความทรงจำ ราวกับการกระทำของหนิงเหยียนทำให้เขาคิดถึงสหายเก่าบางคน ดังนั้นสายตาที่มองหนิงเหยียนจึงอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย

“สายโลหิตในตัวเจ้า เข้มข้นใช้ได้ ถ้าหากหลอมต่อให้ดี อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด”

หนิงเหยียนได้ยินก็ฮึกเหิม รีบคารวะขอบคุณการชี้แนะของรัฐทายาท

อู๋เจี้ยนอูสังเกตเห็นภาพนี้ เขาร้อนใจขึ้นมาทันที แต่พริบตาต่อมาจู่ๆ นกแก้วข้างกายเขาก็บินออกไป หลังจากมาอยู่ด้านหน้ารัฐทายาทมันก็ลองร่อนลงบนหัวเข่าของรัฐทายาทอย่างระมัดระวัง

อู๋เจี้ยนอูตื่นตกใจ เขาคิดว่านกแก้วของตนกำลังรนหาที่ตาย

แต่รัฐทายาทกลับไม่ใส่ใจ ซ้ำยังมองเจ้านกแก้วหลายครั้งด้วยรอยยิ้ม

“สายโลหิตของเจ้าน่าสนใจยิ่งกว่า”

เห็นปู่ชราไม่ได้ขับไล่ตน เจ้านกแก้วก็ตื่นเต้น เงยหน้า มองไปทางกลุ่มคนอย่างหยิ่งทะนง ส่งเสียงออกมาว่า

“ปู่ชราท่านหนึ่งปรากฏตัว พวกเจ้านับเป็นอะไรกัน รีบเรียกท่านปู่ชราโดยเร็วพลัน!”

เมื่อบทกลอนที่ไม่ได้สัมผัสกันนี้ร่ายออกมา อู่เจียนอูก็สูดลมหายใจ ใจสั่นสะท้านไปหมด ขณะที่กลัวว่าตนเองจะโดนหางเลขไปด้วย รัฐทายาททางนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา

“ตอนนั้นบรรพจารย์ของเจ้า ไม่ได้มีนิสัยอย่างจักรพรรดิโบราณเช่นนี้”

นกแก้วได้ยินก็รีบเอ่ยปาก

“ช่างบรรพจารย์ปะไร ท่านปู่ชราใหญ่ที่สุด ท่านปู่ชราเยี่ยมที่สุด ขอท่านปู่ชราอายุหมื่นปี”

รัฐทายาทยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบบนขนเตียนๆ ของนกแก้ว เห็นได้ชัดว่าชื่นชอบเจ้านกแก้วตัวนี้

ส่วนนกแก้วก็เชื่อฟังอย่างยิ่ง ยอมให้รัฐทายาทลูบ รู้สึกลำพองใจยิ่งนัก ผ่านไปพักหนึ่งดวงตาเล็กก็กวาดมองไปทางหนิงเหยียน

“เจ้าหนิงน้อย ยังไม่ขัดถูตรงนี้ให้สะอาดอีก ทำไมเจ้าตาไม่มีแววเช่นนี้เล่า เจ้าต้องจำไว้ว่า หลังจากนี้ที่ที่ท่านปู่ชราของข้าอยู่ จะมีคราบสกปรกสักนิดไม่ได้เด็ดขาด!”

หนิงเหยียนเงยหน้ามองเจ้านกแก้ว เจ้านกแก้วก็กวาดตาไปอย่างดูถูก

หนิงเหยียนเงียบนิ่ง ลงมือขัดถูต่อ

เจ้านกแก้วรีบตรวจสอบรัฐทายาททางนั้นอย่างรวดเร็ว พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ห้ามปรามปราม มันก็เหิมเกริม หันหน้าเชิดมองนายกอง

“แล้วก็เจ้า หนิวอะไรสักอย่าง พัดของเจ้านี่อะไร ไม่กินข้าวมาหรือ แรงน้อยเสียจริง แล้วก็ความเร็วของพวกเราช้าเกินไปแล้ว มือข้างหนึ่งพัดวีท่านปู่ชราข้า มืออีกข้างก็ไปพัดใส่ดวงอาทิตย์เสียสิ ให้ดวงอาทิตย์แผดเผายิ่งขึ้น!”

นายกองชะงัก มองไปทางเจ้านกแก้ว

เจ้านกแก้วเงยหน้า ยังคงเหยียดหยาม

นายกองหรี่ตาลง กำลังจะเอ่ยปาก ทว่ารัฐทายาทจู่ๆ ก็เอ่ยปาก

นายกองได้ยินก็ใจเต้นผิดจังหวะ รีบส่ายหน้า

“ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้าขอรับ”

รัฐทายาทสายตาล้ำลึก มองนายกองผาดหนึ่ง ไม่ถามอะไรต่ออีก

นายกองผ่อนลมหายใจโล่งในใจ มือซ้ายโบกอย่างรวดเร็วแล้วรีบล้วงพัดอีกอันหนึ่งออกมา

บทที่ 596 คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา