บทที่ 598 ความรุ่งเรืองเก่าแก่ในห้วงเวลาอันเนิ่นนานที่ผ่านมา
บนหน้าชายชราเต็มไปด้วยความโศกเศร้าโกรธโมโห คำพูดฉายความอัดอั้น ไม่พูดออกมายังดี พออ้าปากเล่าก็พูดได้ไม่จบสิ้น
กระทั่งว่าพอถึงช่วงหลังไม่จำเป็นต้องให้นายกองมาร่วมผสมโรงร้องตื่นตกใจแล้ว เขาก็ระบายความอัดอั้นในใจออกมาไม่หยุด กระทั่งว่าพูดอยู่นานถึงได้ระบายออกมาจบ
ทั้งยังพ่นลมหายใจยาว เหมือนว่าความกดดันในใจระบายออกมากว่าครึ่ง
นายกองดวงตาฉายแววเห็นอกเห็นใจออกมา
“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อนข้างซวยจริงๆ หาคนทำเจอแล้วหรือยัง”
“ช่วงนี้ข้าก็ย้อนคิดเหมือนกันว่าเป็นศัตรูคนใด คิดเอาไว้ได้สามคน โดยเฉพาะไอ้เป๋แซ่เถียนนั่น ข้าสงสัยถึงแปดเก้าส่วนว่าเป็นเขาที่วางแผน!”
ชายชรากัดฟัน ในดวงตาฉายแววมั่นใจ จากนั้นก็เอาถุงเก็บของออกมาสองใบ ยื่นให้นายกอง และมองไปทางสวี่ชิง
“ได้พบกันก็เป็นวาสนา ข้ารู้ว่าสหายทั้งสองไม่ธรรมดา ข้ารู้กฎดี ออกไปก็จะไม่พูดมากอย่างแน่นอน น้ำใจเล็กน้อยไม่มากพอจะแสดงความเคารพของข้า พวกเราคบค้ากันเป็นสหาย”
นายกองหัวเราะร่า ยกมือรับถุงเก็บของ จิตเทพเพียงกวาดก็พบว่าของดีในนั้นมีไม่น้อย จึงยิ้มแฉ่ง เอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“พวกเราเป็นสหายที่ดีกันอยู่แล้ว เจ้ากลับไปก็จุดธูปให้ข้าที่หน้าศาลเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
“แน่นอน!”
ชายชราเอ่ยอย่างจริงจัง ประสานหมัดไปทางสวี่ชิง เอ่ยลาจากไป
มองเงาแผ่นหลังของชายชรา นายกองเดาะถุงเก็บของในมือ พอใจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนภาพฉากที่อีกฝ่ายเห็นผู้บำเพ็ญตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดทั้งหลายหมดสติ อาจจะเกิดปัญหาความแตกได้ นายกองก็ไม่ได้กังวลสักเท่าไร
ในเมื่อมีท่านปู่ชราอยู่…
นึกถึงตรงนี้ นายกองกะพริบตาปริบๆ ให้สวี่ชิง เอ่ยเสียงต่ำ
“อาชิงน้อย เจ้าว่าข้ารับภารกิจต่อไปดีหรือไม่ นี่มันสะดวกเกินไปแล้ว…”
“หากท่านไม่อยากกระอักเลือดไปตลอดทางกลับเทือกเขาทนทุกข์แล้วล่ะก็ ข้าขอแนะนำว่าอย่ารับต่อเลย” สวี่ชิงส่ายหน้า ตอบกลับไปอย่างสงบนิ่ง
เขาสัมผัสกับรัฐทายาทเจ้าเหนือหัวมาจนถึงวันนี้ มีความเข้าใจในท่านปู่ชราระดับเตรียมสู่เทวะอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายความจริงแล้วไม่ได้มีความใจดีหรือดุร้ายอะไร
นอกเสียจากเผชิญกับแผนสำคัญบางอย่าง ไม่เช่นนั้นแล้วเรื่องอื่นจะลงมือหรือไม่ จะลงมืออย่างไร ย่อมดูที่อารมณ์ของรัฐทายาทผู้นี้
ครั้งนี้เลือกที่จะช่วย ไม่ได้หมายความว่าครั้งต่อไปจะทำเช่นนี้
นายกองในใจเสียดายนิดๆ แต่คิดถึงว่าตัวเองตอนอยู่ที่แม่น้ำเซ่นจันทรา ถูกอีกฝ่ายมองเพียงผาดเดียวก็กระอักเลือด เขารู้สึกว่าตัวเองอย่าเสี่ยงเลยเป็นดี
แม้ตัวเองจะมีเลือดเยอะมากก็ตาม…
“ช่วยไม่ได้ ชาตินี้ข้าอ่อนแอเสียเหลือเกิน” นายกองถอนหายใจในใจ จากนั้นในสมองก็มีภาพแต่ละฉากๆ ที่ชายชราระบายความอัดอั้นเมื่อก่อนหน้านี้ผุดขึ้น จึงกวาดตามองสวี่ชิงแวบหนึ่ง ฉีกรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา เหมือนว่าเดาอะไรได้แล้ว
“อาชิงน้อย พิษนั่นเป็นเจ้าที่วางยาใช่หรือไม่”
พูดจบเขาก็สังเกตสีหน้าสวี่ชิงอย่างละเอียด
สวี่ชิงมองตานายกอง เอ่ยอย่างจริงจัง
“ใช่แล้ว เป็นฝีมือข้าเอง ข้าขายให้เขา”
นายกองอึ้ง ถามซักไซ้ขึ้นมา
“เจ้าก็เข้าไปในตำหนักขบถจันทร์แล้วหรือ”
เรื่องที่เขาสนใจที่สุดก็คือเรื่องนี้
สวี่ชิงได้ยินก็แสดงสีหน้าจริงจังต่อ พยักหน้าหงึกๆ
“ข้าเข้าไปได้ตั้งนานแล้ว พูดตรงตรง ข้าก็คือปรมาจารย์ลูกกลอนเก้า สหายสนิทที่ท่านคบหาคนนั้น”
เดิมนายกองมีความสงสัย ตอนนี้ได้ยินก็อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้
“เกือบโดนเจ้าหลอกเสียแล้ว อาชิงน้อย ตอนนี้เจ้าเก่งนะเนี่ย แต่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็ยังอ่อนหัดอยู่ดี สีหน้าจริงจังแบบนี้ของเจ้าข้าคุ้นเคยดี เจ้าทำแบบนี้ทุกครั้งมันปลอม คุยโวเรื่องนี้เจ้ายังอ่อนหัด กลับไปข้าจะสอนเจ้า”
สวี่ชิงกะพริบตาปริบๆ ไม่พูดอะไร เดินไปข้างหน้า
นายกองอยู่ข้างหลังรีบตามขึ้นมา เดินไปด้วย อดพูดขึ้นมาด้วยไม่ได้
“อาชิงน้อย เมื่อครู่เจ้าพูดจริงหรือ”
“จริง” สวี่ชิงเอ่ยเรียบนิ่ง
“เช่นนี้เจ้าให้ลูกกลอนบรรเทาทุกข์ข้าเม็ดหนึ่ง พิสูจน์ว่าเจ้าเป็นสหายสนิทของข้า!” นายกองมองตาสวี่ชิง
“หมดแล้ว” สวี่ชิงส่ายหน้า ช่วงนี้เขาไม่ได้หลอมยาจากร่างหลี่โหยวเฝ่ย ตอนนี้ไม่มีลูกดลอนบรรเทาทุกข์จริงๆ
นายกองได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“บังเอิญว่าไม่มีขนาดนี้ ข้ารู้อยู่แล้วว่าอาชิงน้อยขี้โม้ เอาเถอะๆ เป็นเจ้าๆ”
พูดจบเขาก็เริ่มนับของในถุงเก็บของ หลังจากแบ่งให้สวี่ชิงครึ่งหนึ่ง ทั้งสองก็เดินออกมาจากถ้ำที่อยู่ กลับไปที่ดวงอาทิตย์
ที่กลับมากับพวกเขาด้วยคือผู้บำเพ็ญตำหนักเทพข้างนอกและดวงตายักษ์ ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพที่หมดสติเหล่านั้นรวมถึงทูตเทวะ ล้วนถูกย้ายมาที่นี่ นอนอยู่รอบๆ ระเกะระกะ
มองภาพเหล่านี้หนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอู ตลอดจนหลี่โหยวเฝ่ย ในขณะที่ยิ่งหวาดกลัวยำเกรงรัฐทายาท ก็เกิดความรู้สึกปลอดภัยไปโดยสัญชาตญาณ
จากแสงกะพริบวูบวาบของดวงอาทิตย์จำลอง คนทั้งหลายไปจากเขาเมฆาขาวแห่งนี้ มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาทนทุกข์
และการวิเคราะห์ของนายกองก็ถูกต้อง ชายชราที่ต่อสู้กับพิษมาสองเดือนกว่าคนนั้น ความทรงจำของเขาได้รับผลกระทบแล้วจริงๆ ตอนนี้ในขณะที่ทะยานไปอย่างเร็วรี่ในเทือกเขาทนทุกข์ ในสมองของเขาก็มีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งผุดขึ้นมา
เรื่องนี้เหมือนกับเรื่องที่เขาประสบ เพียงแต่ไม่มีตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา