บทที่ 600 ทัณฑ์สวรรค์สามพันครั้ง ประกาศิตซีหนาน
ม่านฟ้าโหมซัด เสียงอัสนีคำรามกึกก้องฟ้าดิน
ขณะที่ลมพัดเมฆทะลัก บนท้องฟ้าก็มีเมฆดำรวมกันหนาขึ้นเรื่อยๆ ขยายอาณาเขตกว้างขึ้นเรื่อยๆ
และลมทะเลทรายครามก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เสียงอื้ออึงหวีดหวิว ราวกับเสียงครวญครางของภูตผี
ความรู้สึกบีบคั้นแผ่มาเป็นระลอกมาจากฟากฟ้า ที่ปกคลุมไม่ใช่เพียงจุดที่พวกสวี่ชิงอยู่ แต่รวมถึงทั้งทะเลทรายคราม
เสียงอื้ออึงดังลงมาจากสวรรค์เก้าชั้น สรรพชีวิตทั้งหมดในทะเลทรายครามใจเต้นผิดจังหวะกันหมด
ขั้วอำนาจทั้งหมดในภูเขารวมถึงผู้บำเพ็ญในเทือกเขาทนทุกข์ล้วนตื่นตะลึง กระทั่งในตำหนักพระจันทร์สีชาดยังมีบางคนเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
“เกิดอะไรขึ้น?”
“บนฟ้ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ…”
เฉินฝานจัวที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในสำนักตัวเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วมองไปบนท้องฟ้ามืดมิด รู้สึกไม่สบายใจเป็นระลอก เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้ที่รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน ยังมีมู่เต้าจื่อที่อยู่ตรงหน้าชายชราชุดดำ กำลังยกน้ำชาคารวะอาจารย์อย่างระมัดระวัง เขากำลังถือจอกชา ยามนี้ตัวสั่นเล็กน้อย ทำให้น้ำชาหกออกมา
ชายชราชุดคลุมดำตรงหน้าเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าทันใด สีหน้าแปลกใจระคนสงสัยเช่นกัน
ยังมีบรรพจารย์โม่กุยผู้บำเพ็ญไร้สังกัดอันดับหนึ่งของเทือกเขาทนทุกข์ เขาที่กำลังนั่งขัดสมาธิ ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศในพริบตา สีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มองไปบนท้องฟ้า
ทุกคนล้วนเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นเผ่าที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ทะเลทรายก็เป็นเช่นนี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้ที่อยู่ในดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้าซึ่งเป็นต้นกำเนิดของทั้งหมดเลย
หนิงเหยียนตัวสั่นเทา อู๋เจี้ยนอูสูดลมหายใจ หลี่โหยวเฝ่ยหวาดผวา ส่วนนายกองยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าคาดหวัง มองลงไปเบื้องล่าง
‘รัฐทายาทพูดไว้ไม่มีผิด หลังจากที่อาชิงน้อยถูกกำหนดว่าเป็นเจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรในอนาคต ตาแก่นั่นก็นำความปลอดภัยเป็นปัจจัยแรกอย่างเห็นได้ชัด
‘แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่รัฐทายาทบอก จิตเต๋าของอาชิงน้อยกำลังก่อร่างขึ้นอย่างช้าๆ อีกไม่กี่ปี เขาย่อมต้องเส้นทางเป็นของตัวเอง ไม่ต้องให้คนอื่นชี้แนะ
‘แต่ตอนนี้ นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับอาชิงน้อย’
นายกองคิดถึงตรงนี้ มองพื้นดิน
บนพื้นดิน รัฐทายาทที่จำแลงกานเป็นปู่ชรา มือไพล่หลังพลางลอยขึ้นฟ้าอย่างช้าๆ พริบตาที่เขาจากไป เสียงครืนครันบนท้องฟ้าก็เลื่อนลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อัสนีโค้งเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าฉับพลันกลาง แล่นปลาบไปทั่วสารทิศ
ขยายอาณาเขตกว้างขึ้นเรื่อยๆ จากแรกเริ่มพันจั้งไปถึงหมื่นจั้ง ยังคงขยายไปต่อเนื่อง จนสุดท้ายปกคลุมเกือบครึ่งทะเลทรายคราม
ภาพมหัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้สรรพชีวิตในทะเลทรายครามพรั่นพรึงมากขึ้นมหาศาล
ไม่รอให้พวกเขาได้มองอย่างละเอียด เสียงสายฟ้ามากมายคำรามกึกก้องราวกับเทพเจ้ากราดเกรี้ยวดังสนั่นมาจากทั้งแปดทิศ อัสนีโค้งนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นทัณฑ์สวรรค์หลายสายแล่นปลาบปกคลุมเป็นบริเวณครึ่งหนึ่งของทะเลทราย
ฟาดผ่าลงมา!
ทัณฑ์สรรคที่ฟาดผ่าลงมามากกว่าสามพันสาย
จุดที่ทัณฑ์สวรรค์สามพันสายนี้ฟาดผ่าลงไปล้วนแตกต่างกัน และหลังจากฟาดผ่าแล้ว ระหว่างที่กรวดทรายครืนครัน พวกมันก็รวมตัวกันใต้ทรายในจุดที่สวี่ชิงอยู่อย่างรวดเร็ว
เหมือนกับมังกรอัสนีสามพันตัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน พลังอำนาจน่าครั่นคร้าม พื้นดินตลบม้วน แตกแขนงออกไปเป็นทางยาวหลายทาง
ภาพนี้ หลังจากที่นายกองสัมผัสก็สูดลมหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง ต่อให้เป็นเขา ยามนี้ก็รู้สึกหวาดผวา
‘นี่คิดจะเล่นงานอาชิงน้อยจนถึงตายเลยหรือ!’
นายกองตกใจ ไหววูบทะยานไป รัฐทายาทที่อยู่กลางอากาศก็หันหน้ามามองผาดหนึ่ง
“อย่าพึ่งวู่วาม!”
นายกองชะงักฝีเท้า สีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด
ยามนี้ มังกรอัสนีสามพันสายส่งเสียงอื้ออึง พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง กวาดตามองไป พื้นดินรอบด้านปะทุขึ้นมาต่อเนื่อง ขณะที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทัณฑ์สวรรค์ทั้งสามพันสายก็รวมตัวกันในที่สุด!
เสียงหนึ่งแผดก้องไปทั้งทะเลทรายคราม กลายเป็นคลื่นเสียงบ้าคลั่งแผ่ขยายไปจนหูแทบดับ ส่วนด้านจุดที่สวี่ชิงอยู่ ผืนทรายรอบๆ แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกัน พลันปะทุขึ้นมาท่ามกลางเสียงนี้
ยิ่งมีเสียงร้องโอดครวญอีกเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในดวงอาทิตย์ ดึงดูดความสนใจของพวกหนิงเหยียน
พวกเขาเห็นว่าหลังจากที่สวี่ชิงสูดรับ ร่างทูตเทวะตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่เหลืออยู่ก็แผ่แสงสายฟ้าจากภายในออกมาภายนอกในพริบตา จากนั้นก็แตกสลายกลายเป็นแผ่นไม้รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนชิ้นหนึ่งร่วงลงพื้น
การตายอย่างกะทันหันของเขา ยังไม่ทันที่กลุ่มคนจะตั้งตัวได้ คลื่นพลังที่พื้นก็พลันรุนแรงขึ้นมา ระหว่างที่ปะทุต่อเนื่อง ผลกระทบแผ่ขยายออกไปพันลี้
สุดท้าย มองไกลๆ ผืนแผ่นดินปรากฏหลุมลึกขนาดพันลี้ขึ้นมาหลุมหนึ่ง
ตรงกลางมีร่างไหม้เกรียมร่างหนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อน เป็นตายไม่ทราบ
“ใช้ไม่ค่อยได้ เพิ่งจะรับทัณฑ์สวรรค์ไปไม่กี่ร้อยจากสามพันสาย” รัฐทายาทส่ายหน้า ยกมือขวาขึ้นโบก นำร่างไหม้เกรียมมาเบื้องหน้า หันหลังกลับเข้าไปในดวงอาทิตย์
หลังจากมาถึงดวงอาทิตย์ หลิงเอ๋อร์สีหน้าร้อนรนไปหมด ดวงตาแดงรื้น รีบวิ่งออกมา
“พี่สวี่ชิง!”
เห็นว่ามีบาดแผลอยู่ทั่วร่างสวี่ชิง ทั้งยังหายใจรวยริน หลิงเอ๋อร์ก็น้ำตาไหลลงมา กอดสวี่ชิงพลางมองไปทางรัฐทายาท
“ท่านปู่นี่ท่าน…”
หนิงเหยียนกับอู๋เจี้ยนอูไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง มองสวี่ชิงที่ไม่ขยับเขยื้อนด้วยใจที่สั่นสะท้าน
“เขาไม่ตายหรอก” รัฐทายาทเอ่ยเสียงเรียบ เพิ่งพูดจบ เห็นว่าหลิงเอ๋อร์ร้องไห้ เขาก็ใจอ่อนยวบ
“นี่เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังมีทูตเทวะพระจันทร์สีชาดนั่นรับทัณฑ์ต่อ เมื่อพี่สวี่ชิงของเจ้าถึงขีดจำกัด อีกฝ่ายก็จะรับภาระไปเอง…”
นายกองได้ยินก็มองไปยังจุดที่ทูตเทวะสลายไป ในใจซัดโหม พึมพำในใจ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา