บทที่ 602 ร้านยาเล็กๆ ที่ธรรมดาๆ อบอุ่น (2)
“แล้วก็ยังมีหนังปลานี่ก็น่าจะเป็นหนังงู เนื้อก็เหมือนกัน เจ้าใช้วิธีการปรุงงูมาปรุงอาหารจานปลา”
รัฐทายาทหลังจากที่ชิมก็มองไปทางสวี่ชิงและหลิงเอ๋อร์อย่างหยอกล้อ
สวี่ชิงมองรัฐทายาทผาดหนึ่ง เงียบนิ่ง
หลิงเอ๋อร์กลับสูดลมหายใจลึก ในดวงตาฉายแววตื่นกลัว ขยับเข้าใกล้สวี่ชิงเล็กน้อยไปตามสัญชาตญาณ เอ่ยขึ้นลนลาน
“พี่สวี่ชิง งูไม่อร่อย รสชาติแย่มากๆ เลยล่ะ”
สวี่ชิงพยักหน้า
รัฐทายาทได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา เขาในตอนนี้ไม่มีความน่าเกรงขามในฐานะที่เป็นรัฐทายาทเลย ท่าทางอย่างท่านปู่ชรา อ่อนโยนมีเมตตานัก
คนทั้งหลายกินข้าวต่อ และจากการสิ้นสุดลงของอาหารมื้อแรกที่มาถึงที่นี่ ในใจของคนทั้งหลายก็ค่อยๆ ชินกับชีวิตที่อยู่ร่วมกับระดับเตรียมสู่เทวะอย่างแท้จริง
โยวจิงล้างชาม ตลอดทั้งคืนไม่พูดอะไร
วันที่สอง เช้าตรู่
ร้านยาที่ปิดไปครึ่งปีในที่สุดก็เปิดร้านอีกครั้ง แต่ก่อนคนที่มาเปิดร้านคือหลิงเอ๋อร์ แต่วันนี้ต่างออกไป คนที่เปิดร้านเป็นอู๋เจี้ยนอู
อู๋เจี้ยนอูที่สวมชุดผ้าป่าน หลังจากจัดการกับแผ่นไม้แล้วเขาก็ไม่ได้กลับไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู สีหน้าเปลี่ยนไปอยู่สองสามสี ในที่สุดก็กัดฟัน เอ่ยเสียงดังลั่น
“ครึ่งปีเพียงพริบตาวันเปลี่ยนผัน มาวันนี้ร้านเราหวนกลับคืน อย่ามัวยืนก้าวเข้ามาให้เร็วพลัน ทุกๆ ท่านซื้อลูกกลอนขาวได้ในราคาเพียงอีแปะเดียว!”
เสียงดังก้องสะท้อนไปทั่วทุกบริเวณ
นี่เป็นข้อเสนอของนายกอง เขารู้สึกว่าร้านยาร้านนี้ของตนขาดคนเรียกลูกค้า และอู๋เจี้ยนอูย่อมเหมาะสมที่สุด
ตอนนี้จากการเอ่ยปากของอู๋เจี้ยนอู ประชาชนรอบๆ ก็เดินมาอย่างสั่นเทา มองไปทางอู๋เจี้ยนอู และมองไปในร้านยา มีเจ้าอ้วนน้อยที่เหมือนคนงานในร้าน กำลังเช็ดพื้นไม่หยุดอยู่ตรงนั้น
ส่วนหลี่โหยวเฝ่ยที่อยู่ข้างๆ เขาตำแหน่งกำหนดหน้าที่ ตำแหน่งของเขาต่ำที่สุด จึงทำได้แค่เป็นคนรับใช้ของร้านเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งคือนายกอง
หน้าที่ที่เขาจัดให้ตัวเองคือองครักษ์!
“ร้านยาของพวกเราเปิดอยู่ในเทือกเขาทนทุกข์ที่มีอันตรายมากมาย เผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญชั่วช้าเหล่านั้น จะต้องมีองครักษ์มาปกป้องความสงบสุขของร้านยาเรา”
นี่คือคำประกาศหน้าที่ของนายกอง
ส่วนรัฐทายาทท่านปู่ชราย่อมเป็นนายท่านชราผู้ดูแลร้าน ในมือเขาถือลูกแก้วไว้ลูกหนึ่ง ยิ้มแย้มมองร้านยา ในลูกแก้วผนึกคนคนหนึ่งเอาไว้ บางครั้งก็จะฉายใบหน้าในนั้นขึ้นมา เป็นจอมคนเนตรดำคนนั้นนั่นเอง
สวี่ชิงยังคงเป็นปรมาจารย์ลูกกลอนเช่นเดิม หลิงเอ๋อร์ทำบัญชีต่อไป นางชอบทำเรื่องนี้
นอกจากนี้ ในร้านยาที่เปิดใหม่อีกครั้งยังมีสาวใช้ที่คอยรับใช้นายท่านผู้ดูแลโดยเฉพาะคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย นางก็คือโยวจิง…
ส่วนการค้าก็รุ่งเรืองยิ่งกว่าเมื่อก่อน วันแรกที่เปิดร้านก็มีคนสองร้อยกว่าคนถือเหรียญวิญญาณมาซื้อลูกกลอนขาวอย่างเคารพนอบน้อม นี่ทำให้การทำบัญชีของหลิงเอ๋อร์ต้องเพิ่มเวลาขึ้นอีกเล็กน้อย
หลายวันก็ผ่านไปเช่นนี้เอง
สวี่ชิงทุกๆ วันนอกจากฝึกบำเพ็ญแล้ว ก็ศึกษาค้นคว้าคำสาป ส่วนอู๋เจี้ยนอูก็คุ้นเคยกับหน้าที่ของตัวเอง ทุกวันร่ายกลอนไม่ซ้ำบทอยู่ข้างนอก ก็มีชีวิตอย่างสบายใจอิสระนัก
หนิงเหยียนเหนื่อยบ้างเป็นบางครั้ง นั่งอยู่บนกรอบประตู ฟังอู๋เจี้ยนอูร่ายกลอน ในขณะเดียวกันก็เสพสุขกับความสงบสุขของที่นี่ ไม่ทันได้รู้ตัวเขาก็พบว่าหลายครั้งตนกลับฟังเข้าใจ
การค้นพบนี้ทำให้ในใจของเขาตื่นกลัวลนลานขึ้นมาเล็กน้อย
ส่วนหลี่โหยวเฝ่ยเป็นคนที่เหนื่อยยากลำบากที่สุดในบรรดาคนทั้งหลาย เขาทำงานสารพัดอย่างไปด้วย และออกคำสั่งมู่เต้าจื่อที่อยู่ข้างนอกไปด้วย ว่าอย่าให้พวกเขาแสดงได้ปลอมขนาดนั้น ลูกศิษย์ที่มาแต่ละคนล้วนกลัวจนขาอ่อน นี่ไม่น่ามองเอาเสียเลย
แล้วก็มีนายกอง ทุกวันเขาล้วนกอดอก ถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้น มองแขกทุกคนอย่างเย็นชา ทำท่าเหมือนยอดฝีมือแบบนั้น
ส่วนโยวจิง…เนื่องจากท่านปู่ชราชอบดื่มชา ปกติยังชอบเล่นกับนก ดังนั้นงานของนางจึงมีเพียงรินชา และรับใช้นกแก้วไปด้วย
จนกระทั่งเจ็ดวันผ่านไป ในยามที่ทุกอย่างของร้านยาแห่งนี้พัฒนาไปในทางที่ดี สวี่ชิงที่อาการบาดเจ็บจากการผจญทัณฑ์ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ต้อนรับมาซึ่งชีวิตที่ถูกฝึกฝนต่อไป
“สวี่ชิง ในเมื่ออาการบาดเจ็บของเจ้าฟื้นฟูดีแล้วก็ไปกับข้าเถอะ ศักยภาพในตัวเจ้าจะต้องขุดออกมาให้ดี”
เสียงของรัฐทายาทดังข้างหูสวี่ชิง สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ลุกขึ้นยืน เพียงไหววูบก็ไปจากร้านยาพร้อมกับรัฐทายาท
ในยามที่ปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองก็มาอยู่ที่กลางท้องฟ้า
รัฐทายาทมือไพล่หลัง เดินไปข้างหน้า สวี่ชิงก้มหน้ามองร้านยาเมืองดินแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร ตามอยู่ข้างหลัง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา