บทที่ 635 ฟ้าดินพลิกหมุน มีท่านปู่ ท่านย่าอยู่
ตอนนี้มองโคมไฟในมือ นายกองในใจก็ครุ่นคิดเช่นกัน
‘หรือพวกท่านปู่รัฐทายาทจะไม่ได้แอบตามมาจริงๆ ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่นี้พวกเขาจะอดทนไม่ไปกินวิญญาณมืดพวกนั้นได้หรือ’
นายกองถอนหายใจในใจ ไม่สนใจการกระเสือกกระสนดิ้นรนของโคมไฟในมือ มือซ้ายประสานปางมืออย่างรวดเร็ว มองไปยังใบหน้าของโคมไฟที่เหมือนกับตัวเองแปดส่วนแล้วกดลงไป
ใบหน้าของโคมไฟเหี้ยมเกรียม ส่งเสียงคำรามต่ำออกมา
แต่เสียงคำรามนี้เพิ่งดังออกมา นายกองก็กัดลิ้นตัวเองแล้วพ่นเลือดออกไปคำโต
โคมไฟถูกเลือดสาดเต็มหน้าไปหมดทันที
“หุบปาก แกเป็นหน้าเมื่อชาติที่แล้วที่ข้าทิ้งเอาไว้ที่นี่ ยังจะกล้าคำรามใส่ข้า!”
ในยามที่เสียงของนายกองดังขึ้น เงาร่างของสวี่ชิงก็เดินข้ามเทือกเขามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก้าวมาบนแท่นบูชา
เทียนในมือมอดดับพอดี หลังจากหมอกสลายไป สวี่ชิงมองเห็นทุกอย่างรอบๆ อย่างชัดเจน สุดท้ายสายตาก็จับจ้องไปที่นายกองและโคมไฟในมือเขา
นายกองภาคภูมิใจ ยกโคมไฟขึ้นมา
“เจ้านี่เป็นสิ่งที่ข้าทิ้งเอาไว้ในตอนนั้น แล้วซ่อนเอาไว้ที่นี่ เพราะมันไม่มีสมอง เหลือเพียงแค่ใบหน้าเท่านั้น สติปัญญาจึงมีจำกัด
“ข้าเข้าใจมันมากๆ นับจากที่พวกเราก้าวเข้ามาในเทือกเขาข้าไม่ได้พูดอะไรสักประโยค แต่เจ้านี่อาศัยที่หมอกสกัดกั้น พวกเราไม่สามารถสัมผัสรับรู้โลกภายนอกได้ พูดอะไรไปมากมายคิดว่าพวกเจ้าก็น่าจะได้ยินเหมือนกัน”
ขณะนายกองพูด คนอื่นๆ ก็ทยอยก้าวขึ้นมาบนแท่นบูชา ต่างค่อนข้างประหลาดใจกับความราบรื่นของครั้งนี้
นายกองหัวเราะ พูดต่อไป
“ทีแรกมันบอกพวกเจ้าว่าอย่าหันกลับไปก็เพื่อสร้างความไว้ใจ และกังวลว่าสิ่งที่อยู่ใต้หุบเหวจะแย่งอาหารของมัน
“และเมื่อได้รับความไว้ใจแล้ว ประโยคสุดท้ายของมันประโยคที่ให้ทุกคนรีบวิ่งก็เพื่อเก็บเกี่ยว
“มันกำลังล่อเหยื่อ ข้าเองก็กำลังล่อมันเหมือนกัน เจ้านี่ถึงไม่มีสมอง แต่ความระมัดระวังตามสัญชาตญาณก็นับว่ายังมีอยู่ ไม่ล่อมันแบบนี้ มันไม่มีทางเข้าใกล้เด็ดขาด
“และด่านนี้ความจริงแล้วอยู่ภายใต้เทียนของข้าเดิมนั้นไม่ยากเลย สิ่งที่ยากคือข้าต้องหาทางคว้ามันมาให้ได้”
นายกองตบหน้าโคมไฟ
หลังจากที่โคมไฟถูกเลือดพ่นใส่ก็หายใจรวยริน ตอนนี้จู่ๆ มันก็อ้าปากกว้าง จะกัดนิ้วนายกอง นายกองอาศัยจังหวะตบไปหนึ่งที
“เอามา!” โยวจิงสายตาเย็นชา เอ่ยเย็นเยียบ
นายกองกะพริบตาปริบๆ โยนไป นี่เป็นหนึ่งในค่าตอบแทนที่เขาแลกกับการที่ทำให้โยวจิงติดตามมาครั้งนี้
หลังจากรับโคมไฟหนังมนุษย์มา มองใบหน้าที่เหมือนกับเฉินเอ้อร์หนิวไปถึงแปดส่วน ในดวงตาโยวจิงก็แดงก่ำ มือขวายกขึ้นแล้วตบไปเต็มแรง
ยังไม่จบแค่นั้น ตบไปฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่า ตบจนโคมไฟหนังมนุษย์ส่งเสียงครวญคราง เสียงน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาพวกหนิงเหยียนอู๋เจียนอูเห็นแล้วต่างตื่นตะลึง
ส่วนนายกองอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจ
“ตบได้ดีมาก ออกแรงอีก สู้ๆ!”
โยวจิงได้ยินก็ยิ่งโมโห ส่วนโคมไฟหนังมนุษย์นั่นก็แปลกประหลาดนัก ไม่ว่าโยวจิงจะลงมืออย่างไรก็ไม่แตกสลาย ต่อให้หน้าบวมปูด เพียงไม่นานก็ฟื้นคืนสภาพเดิม
ภาพนี้แปลกประหลาดนัก
สวี่ชิงกวาดตามองผาดหนึ่ง กำลังจะเอ่ยปาก
แต่ในตอนนี้เอง ในใจของเขาก็พลันมีเสียงคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังมา
‘โคมไฟดวงนี้ค่อนข้างน่าสนใจดี’
เสียงแก่ชรา เป็นรัฐทายาท!
สวี่ชิงหุบปากสนิท สำหรับเสียงในหัว เขาทั้งประหลาดใจและไม่ประหลาดใจ และจากนั้นในใจก็มีเสียงดังมาไม่หยุด
‘อืม เป็นของล้ำค่า โดยเฉพาะฝีมือการหลอม แฝงไว้ด้วยรูปแบบของนภาเจิดจรัส ความเป็นมาของเฉินเอ้อร์หนิวคนนี้ลึกลับจริงๆ’
นี่คือเสียงองค์หญิงหมิงเหมย
‘ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าเจ้าเด็กนี่มีปัญหา ดังนั้นถึงได้เสนอให้พวกเราแอบตามมา ก่อนหน้านี้ข้าเหมือนสนิทสนมกับเจ้าเด็กนี่ ความจริงแล้วข้ากำลังหลอกถามเขา!’
นี่คือเสียงของท่านปู่แปด
‘เทียบกันแล้ว ความจริงข้าอยากรู้ว่าเขากับเทพชั้นสูงผู้นั้นที่เขาร่วมมือด้วยเป็นใครกันแน่มากกว่า! จะเป็นเหมือนกับที่พวกเราวิเคราะห์ไว้เมื่อก่อนหน้านี้หรือไม่’
นี่คือเสียงของท่านย่าห้า
‘เรื่องนี้อยู่ที่นี่ก็จะได้คำตอบ นอกจากนั้นวิญญาณมืดในหุบเขาแห่งนี้แฝงไว้ด้วยพลังบรรพกาล สำหรับพวกเราแล้วเป็นสิ่งบำรุงที่หายากเชียว’
รัฐทายาทยิ้มเอ่ย
สวี่ชิงฟังเสียงเหล่านี้ในสมอง เงยหน้าไปทางท้องฟ้าเงียบๆ สถานที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ความจริงแล้วคือจุดสูงสุดของฟ้า กวาดสายตามองไป ม่านฟ้าดำมืดเหมือนเป็นที่ตั้งของหุบเหวลึกเช่นกัน
โดยเฉพาะรอยแผลบนท้องฟ้าทางนั้น ก่อนหน้านี้อยู่ที่จุดเริ่มบนเทือกเขามองไปยังดี ตอนนี้อยู่ใกล้เพียงเท่านี้ รอยแผลนี้เหมือนหุบเขามหึมา น่ากลัวสยดสยองนัก
ในนั้นฟ้าแลบแปลบปลาบ แต่กลับไม่อาจส่องความมืดมิดให้สว่างขึ้นได้ มีเพียงในยามที่ฟาดผ่าเปรี้ยงปร้างดังก้อง แผ่ลามไปในความมืดมิด
สังเกตเห็นสายตาของสวี่ชิง นายกองเดินไป ตบไหลของเขา ยิ้มพลางเอ่ย
“อาชิงน้อย ด่านที่สองต่อจากนี้แม้จะอันตราย แต่ศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าคนนี้ก็ได้เตรียมการไว้แล้ว
“ข้าจะบอกเจ้าให้ ในหุบเหวนี้มีวิญญาณนับไม่ถ้วน วิญญาณพวกนี้พิเศษนัก พวกมันแฝงไว้ด้วยพลังบรรพกาล หากพวกมันเข้ามาใกล้ ชีวิตของพวกเราจะแปดเปื้อนไปด้วยห้วงบรรพกาล จะแก่ลงไปอย่างรวดเร็ว จวบจนแห้งเหี่ยวตายไป”
พูดพลางนายกองก็เอายันต์สี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาเป็นตั้งๆ แบ่งให้คนทั้งหลาย
“อีกเดี๋ยวหลังจากพวกเราเข้าไปแล้วก็เดินไปด้วย สำแดงวิชาเผายันต์ไปด้วย ครั้งนี้พวกเราไม่แยกกันไป ต้องเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน ขอเพียงแสงไฟไม่มอดดับ วิญญาณพวกนั้นก็ไม่กล้าเข้าใกล้



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา