เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 653

บทที่ 653 เสียงเสี้ยวหน้าเทพเจ้า

สำหรับผู้ที่ผ่านด่านที่หนึ่งแล้ว พวกเขามีอิสระมาก เลือกจากไปและเข้ามาได้ตลอดเวลา ทดลองเปิดประตูใหญ่ในโถงสูงสุด

ระยะเวลานี้คือครึ่งปี

ดังนั้นหลังจากที่นายกองนัดแนะ สวี่ชิงจึงเลือกกลับออกมา รอน้ำมันที่นายกองพูดถึง ขณะเดียวกันก็ปรับสภาพดวงตาพิษต้องห้ามของตนไปด้วย

ส่วนนายกอง เนื่องจากร่างถูกผนึกไว้ที่ส่วนลึกของทะเลสาบ ที่ปรากฏขึ้นในประตูใหญ่คือร่างวิญญาณที่ควบรวมจิตใต้สำนึกของเขา จึงออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงอยู่ที่นี่

สำหรับเรื่องนี้ นายกองไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เขาจ้องสัญลักษณ์ชื่อหมู่ กัดกินต่ออย่างสำราญราวกับหมาบ้า

เวลาผ่านไปแต่ละวันเช่นนี้

สงครามแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรายิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ การดำเนินการสยบของตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดในแต่ละพื้นที่ก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน ไฟสงครามแผดเผาต่อเนื่อง ส่วนการต่อต้านยังคงรุนแรงเหมือนเคย

หลังจากที่ท่านย่าห้ากับท่านปู่แปดหายตัวไปก็ไม่กลับมาอีกเลย ขณะเดียวกันรัฐทายาทกับองค์หญิงหมิงเหมยก็ออกไปด้านนอกหลายครั้ง ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร

ดังนั้นในร้านยาจึงคึกคักน้อยกว่าแต่ก่อน ทว่าอู๋เจี้ยนอูก็ยังคงร่ายกลอนต่ออย่างกระตือรือร้น หนิงเหยียนยังคงถูพื้นทั้งวัน หลี่โหยวเฝ่ยรับงานคุ้มกันเพิ่มอีกอย่าง

แม้โยวจิงกับบรรพจารย์โม่กุยจะสังเกตเห็นว่าพวกรัฐทายาทออกไปข้างนอกบ่อยๆ แต่ก็ไม่กล้าหลบหนี ยังคงรักษาสถานการณ์ปัจจุบันไว้

ส่วนสวี่ชิง หลายวันนี้เขาก็ออกจากร้านยาถี่ขึ้น หาที่ทดสอบดวงตาพิษต้องห้ามของตนในหุบเขาทนทุกข์

ตอนนี้ ร่างของเขาพุ่งผ่านเทือกเขาด้วยความเร็วน่าตกตะลึง ต่อให้ล่ามดวงอาทิตย์ไว้ที่ร่าง ศีรษะสวมหมวกที่เหมือนแตรอยู่ แต่เขาคุ้นเคยกับทุกสิ่งนานแล้ว

ตอนนี้เขาทำทุกอย่างได้ตามปกติขณะที่รับภาระน้ำหนักที่น่าตกตะลึงนี้

กระทั่งความเร็วยังเร็วกว่าแต่ก่อน กลายเป็นภาพคงค้างในเทือกเขา ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวขึ้นในหุบเขาแห่งหนึ่ง

ผาหินในหุบเขานี้เป็นหลุมเป็นบ่อราวกับรังผึ้ง มาพร้อมกับร่องรอยถูกกัดกร่อน

รอบๆ มีกลิ่นอายพิษต้องห้ามหลงเหลือ ทำให้เมื่อทุกสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้ จะสัมผัสได้ถึงวิกฤตเป็นตายโดยสัญชาตญาณ จากนั้นก็จะเลี่ยงไปไกลๆ

ที่นี่คือที่ที่สวี่ชิงมาทดสอบดวงตาพิษต้องห้ามของตัวเอง

หลังจากมาถึงที่แห่งนี้ สวี่ชิงสัมผัสรอบด้านหนึ่งครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีปัญหา เขาก็นั่งลงขัดสมาธิ หลับตาปรับลมหายใจ

หนึ่งก้านธูปต่อมา จากการที่เขาหลับตา ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงก็กลายเป็นสีดำสนิท มองไม่เห็นลูกตา และไม่มีตาขาว กลายเป็นสีดำทั้งหมด

กระทั่งหากมีคนอยู่ที่นี่ หลังจากที่สังเกตเห็นก็จะรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับหุบเหวลึก

และระยะสายตาที่เขามองเห็น ก็จะเกิดการกัดกร่อนขึ้นในพริบตา พลังพิษต้องห้ามยิ่งปะทุรุนแรง กระทั่งรอบด้านเริ่มบิดเบี้ยว ขณะที่ขมุกขมัวก็เลือนรางไปหมด

ภาพนี้คล้ายการลืมตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนฟากฟ้าอย่างยิ่ง

เพียงแต่ในด้านพลังอำนาจ สวี่ชิงทางนี้มีน้อยกว่ามากถึงมากที่สุด แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังน่าตกตะลึงอยู่ดี

กล่าวได้ว่า สวี่ชิงที่มาถึงแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราล้วนเติบโตขึ้นทุกขณะทุกวินาที และเขาในตอนนี้หากกลับไปที่เขตปกครองผนึกสมุทร จะต้องสั่นสะเทือนสหายเก่าในอดีตทั้งหมดเป็นแน่

เพียงแต่การเติบโตเช่นนี้ ก็ใช่ว่าไม่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไร

อย่างเช่นตอนนี้ สีหน้าของสวี่ชิงค่อยๆ ซับซ้อน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้พิษต้องห้ามมองที่นี่ แต่หลายวันนี้ทุกครั้งที่เขาสำแดงพลังวิเศษ ระลอกคลื่นในใจล้วนโหมซัด

‘ตอนที่ข้าเคยสัมผัสความเป็นเทพ ใช้สายตาของเทพเจ้ามองมาที่โลกใบนี้ แตกต่างกับสัมผัสตามปกติโดยสิ้นเชิง’

สวี่ชิงพึมพำในใจ ในครรลองสายตาเขาแม้หุบเขาจะยังเป็นหุบเขา แต่สิ่งที่ก่อที่นี่ขึ้นมไม่ใช่หินภูเขา แต่เป็นโครงกระดูกมากมายนับไม่ถ้วน ด้านในมีทั้งเผ่ามนุษย์และต่างเผ่า

โลกทั้งใบแปรมาจากโครงกระดูก บนพื้นดินก็เช่นกัน

ความตาย เป็นท่วงทำนองหลักเพียงหนึ่งเดียว และสายลมสีเทาไกลๆ ในสายตาสวี่ชิงก็แตกต่างออกไปเช่นกัน

นั่นเป็นอสรพิษขนาดใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่ง มันอ้าปากกว้างอยู่ที่ปลายขอบฟ้า ลมหายใจของมันคือต้นกำเนิดของสายลมสีเทา และทุกครั้งที่มันขยับตัว เกล็ดก็จะหลุดร่วงลงมา กลายเป็นฝุ่นธุลี ฟุ้งกระจายลงผืนแผ่นดิน

เลือดสีแดงล่องลอยราวกับขนห่าน แต่น่าเสียดาย ที่ผู้บำเพ็ญเกือบทั้งหมดมองไม่เห็นภาพนี้

‘ทั้งยังมีเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้า’

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นเงียบๆ จ้องมองสายลมสีเทาและเสี้ยวหน้าที่เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนบนหิมะสีแดง องค์ท่าน…กำลังลืมตา

จุดที่มอง ไม่ใช่ที่นี่

‘สายตาที่ต่างกันจ้องมองโลกไม่เหมือนกัน อันใดถึงเป็นของจริง’

สวี่ชิงเงียบนิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งก็หันหน้ากลับมา ล้วงแมงป่องทรายที่เอาไว้ทดลองออกมา

แมงป่องนี้ขนาดหนึ่งจั้งกว่า หลังจากสวี่ชิงหยิบออกมา ก็ตัวสั่นเทาอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าต่อต้าน และไม่กล้าดิ้นรน ราวกับสวี่ชิงเบื้องหน้าผู้นี้คือเทพเจ้าสำหรับมัน

และในสายตาสวี่ชิง สภาพของแมงป่องตัวนี้ก็แตกต่างจากปกติ มันไม่ใช่แมงป่อง แต่เป็นต้นกำเนิดแสงหมองหม่นกลุ่มหนึ่ง กระทั่งรูปร่างก็เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ราวกับกำลังขยุกขยิกไปมา

สุดท้าย ต้นกำเนิดแสงนี้ก็มืดมิด กลายเป็นดำสนิท สลายไปจากในครรลองสายตาสวี่ชิง

หากมีคนนอกอยู่ที่นี่ จะเห็นว่าเจ้าแมงป่องนี้…กลายเป็นน้ำเลือดไปแล้ว

ผ่านไปสักพัก สวี่ชิงยกมือขึ้น สายตาจับจ้องอยู่ที่ฝ่ามือตน

ยังคงเป็นฝ่ามือ

มีเพียงปุยขนคล้ายพวกดอกผูกงอิงปกคลุมหนาแน่นบนนั้น เหมือนกำลังสูบรับเลือดเนื้อของมัน

กระทั่งมีบางส่วนชอนไชเข้าไปในเลือดเนื้อ กำลังแทรกซึมเข้าไปด้านใน

ทั้งๆ ที่น่าจะเจ็บปวดรวดร้าว แต่สวี่ชิงกลับไม่รู้สึกอะไรเลย

เขารู้ว่ามันคืออะไร

“ไอพลังประหลาด…”

บทที่ 653 เสียงเสี้ยวหน้าเทพเจ้า 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา