เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 652

บทที่ 652 รูปสัญลักษณ์เล็กใต้รูปสัญลักษณ์ใหญ่

ในฟ้าดินของตำหนักขบถจันทร์ ความสั่นสะเทือนและฮือฮาที่เกิดขึ้นจากแสงที่พุ่งขึ้นมาจากตำหนักเทพสูงสุด ก็ค่อยๆ สงบเงียบลงจากการผ่านไปของเวลา จากการที่ประตูใหญ่ไม่เปิดออกมาเสียที

ความคาดหวัง ค่อยๆ ถูกความผิดหวังเข้ามาแทนที่

จนกระทั่งแสงของตำหนักสูงสุดเปลี่ยนเป็นหม่นลงมา ตอนที่เหลือแค่แสงแผ่วๆ ความเสียดายจึงแผ่กระจายไปทั้งแปดทิศ

“ในตำหนักขบถจันทร์ อันที่จริงมีตำนานอยู่เรื่องหนึ่งมาโดยตลอด”

“ตำนานเล่าว่า ชื่อหมู่พระจันทร์สีชาดในชาติก่อนได้ลงคำสาปกับตำหนักขบถจันทร์เอาไว้ สาปให้มัน…ไม่มีทางปรากฏเจ้าตำหนักคนใหม่ไปตลอดกาล”

“ดังนั้นตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน แสงของตำหนักเทพสูงสุดแม้จะเปล่งจ้าออกมาหลายครั้ง สั่นสะเทือนมาหลายครั้ง แต่ตลอดมา ประตูใหญ่ของมันก็ไม่เคยเปิดขึ้นเลย”

รองเจ้าตำหนักสองคนกลางอากาศ ถอนหายใจเบาออกมาเสียงหนึ่ง

“สหายเต๋าคนนี้ผ่านด่านแรกไปแล้ว แต่ก็เหมือนกับรองเจ้าตำหนักคนแรกกับน้องสี่และข้า ไม่สามารถผ่านด่านที่สองไปได้ ผลักประตูไม่เปิด”

“ดูท่าพวกเราจะมีเพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว มีรองเจ้าตำหนักเพิ่มขึ้นคนหนึ่งเวลานี้ สำหรับพวกเราก็ถือเป็นเรื่องดี!”

รองเจ้าตำหนักสองคนนี้ ตอนที่ส่งกระแสเสียงออกมา ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ ต่างฝ่ายต่างก็ถอนหายใจ

แม้จะมีรองเจ้าตำหนักปรากฏขึ้นอีกคน สิ่งนี้เดิมทีก็ถือเป็นการให้กำลังใจมหาศาลแก่ทุกคนแล้ว ทว่าการสั่นสะเทือนของตำหนักเทพสูงสุดเวลานี้ เหมือนกับเป็นการให้ความหวังกับทุกคน

โดยเฉพาะในช่วงสงคราม ความหวังนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ล้วนปรารถนาที่จะให้มีเจ้าตำหนักขบถจันทร์ที่แท้จริงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา

พวกเขาต้องการตัวตนอย่างเจ้าตำหนักมานำทางพวกเขาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนี้ ระเบิดความเจิดจ้าของตนเอง จุดเปลวไฟแห่งชีวิตที่จะเผาไหม้ทุกสรรพสิ่ง

และความหวังเช่นนี้ ตอนนี้ก็แปรเป็นความสิ้นหวังไปแล้ว หลังจากกลายเป็นความเสียดาย ในตำหนักขบถจันทร์ก็นิ่งงันไป

ตำหนักเทพนี้ใหญ่กว่าศาลเจ้าปกติมาก รอบด้านยิ่งใหญ่อลังการ เสาขนาดยักษ์เก้าสิบเก้าต้น ค้ำยันเพดานของตำหนักนี้เอาไว้

เงยหน้าขึ้นมอง เพดานทรงกลมแปรเป็นดวงตะวันจันทราดวงดารา กำลังหมุนวนช้าๆ และตรงกลางนั้นคือกระจกยักษ์ที่เปล่งแสงเจ็ดสีออกมาบานหนึ่ง

ด้านในส่องตัวภูเขาตำหนักขบถจันทร์ไว้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ บนกำแพงตำหนักเทพ ยังสลักเสลารูปสัญลักษณ์ลึกลับจำนวนมหาศาลเอาไว้ พวกมันมีทั้งเป็นอักขระลวดลาย มีทั้งเป็นรูปร่างสัตว์ มีทั้งเป็นเค้าโครงร่างมนุษย์

ทุกจุดล้วนแผ่ซ่านแรงกดดันสั่นสะเทือนจิตวิญญาณออกมา

ส่วนบนสุดของตำหนักใหญ่ ที่นั่นมีแท่นพิธีอยู่แห่งหนึ่ง บนนั้นสร้างแทนบูชาขนาดยักษ์ไว้ ด้านในมีเทวรูปตั้งตระหง่านอยู่องค์หนึ่ง

เทวรูปนี้แตกต่างกับรูปปั้นศาลเจ้าภายนอก ไม่มีรอยปะมากนัก แต่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง

รูปร่างของมัน คือเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อหวา!

ตอนนี้ สองตาของเทวรูปเปิดออกแล้ว ประกายที่ลอดออกมาด้านในเป็นของสวี่ชิง

สวี่ชิงจ้องเขม็งไปรอบด้าน ระลึกถึงฉากก่อนหน้านี้

เขาจำได้ว่าตัวเองเดินเข้ามาตามรอยแยกของประตูหิน หลังจากที่แสงส่องสว่างโลกของตนเอง พริบตาต่อมา เขาก็ลืมตาขึ้น และมาปรากฏตัวที่นี่แล้ว

“โถงตำหนักสูงสุดหรือ”

สวี่ชิงเงยหน้ามองไปยังบานกระจกบนท้องฟ้า มองโลกภายนอกที่สะท้อนออกมา สัมผัสได้ถึงความเสียดายและความผิดหวังบนตัวผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ด้านนอกในตอนนี้

และย้อนนึกไปถึงสิ่งที่ตนเองเห็นตอนเงยหน้ามองขณะที่เพิ่งมาถึงตำหนักขบถจันทร์ในตอนนั้น โถงตำหนักสูงสุดที่ลอยอยู่เหนือศาลเจ้าเทพทั้งเก้า

ครู่ต่อมา สวี่ชิงก็เก็บสายตาลง มองไปยังประตูใหญ่ศาลเจ้าเทพ…ที่อยู่ห่างออกไป

“เพราะอะไรชายชราชุดขาวที่แปรมาจากวิญญาณศัสตราของข้าในตำหนักขบถจันทร์คนนั้น ถึงบอกว่ายังมีด่านที่สอง คือประตูนี้หรือ”

สวี่ชิงครุ่นคิด ก้าวเดินออกมา

ขณะที่ยืนนิ่ง สวี่ชิงหรี่ตาลง สังเกตอยู่ครู่หนึ่งจึงยกมือออกแรงผลักไปอย่างแรง

ภายใต้การผลักนี้ ประตูใหญ่ไม่ขยับ ราวกับมันถูกลั่นดาลสนิท ยากที่จะขยับเคลื่อนได้แม้เพียงน้อย กระทั่งเสียงก็ยังไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้ด้วย

สวี่ชิงขมวดคิ้ว พลังบำเพ็ญในร่างกายหมุนเวียน โถมพลังทั้งหมดออกแรงผลัก แต่ก็ยังคงไม่มีประโยชน์อันใด

ประตูใหญ่ แค่โยกก็ยังไม่โยก

สวี่ชิงยกมือขึ้น หลังจากครุ่นคิด สองตาก็ดำขลับไปในพริบตา พลังพิษต้องห้ามไหลตามสายตาไปตกอยู่บนประตูใหญ่ พระจันทร์ม่วงในร่างกายปั่นป่วน สมบัติเทพขณะที่ยุบพอง เลือดสดจำนวนมหาศาลก็แผ่ออกมาบนตัวสวี่ชิง มารวมกันนอกร่างกาย พันล้อมจนกลายเป็นกระแสวนสีเลือด

ท้ายสุดจึงซัดไปทางประตูใหญ่

ประตูใหญ่ยังคงไม่ขยับ และสีหน้าของสวี่ชิงตอนนี้จู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เขารีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

พริบตาที่เขาถอยออกมา บนประตูใหญ่ จู่ๆ ก็มีแสงแดงเปล่งจ้า รูปสัญลักษณ์ขนาดใหญ่เท่ากับประตูรูปหนึ่งก็ปรากฏออกมาด้านใน

รูปสัญลักษณ์นี้เป็นร่างที่เลือดสดท่วมไปทั้งตัว ใช้มือทั้งสองปิดตาไว้

มองแล้วดูชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ แผ่กระจายไปทั่วทิศ

รูปร่างนี้คือหน้าตาของชื่อหมู่

สวี่ชิงจิตใจสั่นสะเทือน พระจันทร์ม่วงในร่างกายผันผวนอย่างรุนแรง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชื่อหมู่ ราวกับว่ารูปสัญลักษณ์นี้…คือสิ่งที่ชื่อหมู่วาดไว้

“ประตูใหญ่ตำหนักเทพสูงสุดของตำหนักขบถจันทร์ มีตราประทับของชื่อหมู่อยู่!”

“นี่คือด่านที่สองหรือ”

สวี่ชิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยถูกต้อง นี่ไม่เหมือนการทดสอบด่านที่สอง แต่ดูคล้ายจะเป็นผนึกของชื่อหมู่ต่อตำหนักขบถจันทร์มากกว่า

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา