บทที่ 655 พื้นที่ต้องห้ามของสวี่ชิง บุตรเทวะโหยหวน
กระดองสีม่วงแดง ส่วนคอที่โค้งราวจันทร์เสี้ยว และกะโหลกศีรษะทรงสามเหลี่ยม ส่งกลิ่นอายน่าหวาดกลัวออกมาเป็นระลอกๆ
เท้าทั้งหกที่ใหญ่หนา กรงเล็บคมกริบ ทั้งยังมีหางที่มีความยาวครึ่งตัว เหมือนว่าสามารถฝ่าทะลวงสิ่งกีดขวางทุกอย่าง ฉายความน่ากลัวออกมา
โดยเฉพาะตั้งแต่หัวจรดหาง มีแผงหนามสีแดงสดเรียงราย ฉายแสงสีเลือดวูบวาบ ขานตอบกับแสงสีแดงบนท้องฟ้า
นี่ก็คือบุตรเทวะ
พวกมันกำลังจะกรูออกมาจากในหลุมลึกที่ปรากฏในเทือกเขาทนทุกข์ คืบคลานไปทั่วทั้งเทือกเขาแห่งนี้เต็มที
ความวุ่นวาย ความบ้าคลั่ง ความหิวโหย ปรากฏออกมาทั้งหมดจากร่างของพวกมัน
ทุกที่ที่ผ่าน สรรพสิ่งล้วนกลายเป็นอาหารของมัน โดยเฉพาะเมื่อมันได้กลิ่นอาหารที่มีเลือดเนื้อ ในดวงตาทั้งสองของบุตรเทวะพวกนี้ก็ฉายความละโมบออกมา ไปตามกลิ่น พุ่งไปในสำนักแต่ละแห่งๆ และเมืองต่างๆ ในเทือกเขาทนทุกข์
มองไปจากท้องฟ้า พื้นดินเหมือนเกิดคลื่นสีแดงซัดกระหน่ำ แผ่ลามออกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตา เสียงคำรามน่าหวาดกลัวสั่นสะท้านจิตใจ ก็ดังไปทั่วฟ้าดิน
ผู้บำเพ็ญได้ยินต่างตื่นตกใจ คนธรรมดาได้ฟังล้วนหวาดกลัว
และเผชิญหน้ากับทุกอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้บำเพ็ญต่างรู้ดีว่า พวกเขาหนีไม่รอด
ดังนั้น มหาสงครามก็เปิดฉากขึ้นในเทือกเขาทนทุกข์แห่งนี้
ค่ายกลสำนักทุกค่ายกลโคจรขึ้น ผู้บำเพ็ญทุกคนส่งเสียงตะโกน คิดจะต้านทานเทพอสูรชั่วช้าเหล่านี้
โดยเฉพาะเผ่าคุ้มครองวายุ ออกเคลื่อนไหวทั้งเผ่า คอยตั้งรับ
ที่ไกลๆ คลื่นแดงโหมซัดมาอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งว่าบุตรเทวะมากมายในนั้นจากการกระตุ้นของอาหารที่มีเลือดเนื้อก็กระโดดขึ้นมา แยกเขี้ยวตวัดกรงเล็บ จะพุ่งไป
แต่ในยามที่ผู้บำเพ็ญเทือกเขาทนทุกข์ท่ามกลางจิตใจที่สั่นสะท้านเตรียมพร้อมทุกอย่างนั้น เมื่อสงครามใกล้จะปะทุขึ้นเต็มที เสียงแค่นขึ้นจมูกเสียงหนึ่งก็ดังมาจากท้องฟ้า
เสียงนี้แฝงไว้ด้วยพลังสะท้านฟ้า ดังมาในหูของคนทั้งหลาย ประดุจอัสนีสวรรค์ ทำให้คนที่ได้ยินต่างเหม่อลอย และไม่ทันที่ในใจของพวกเขาจะเกิดความหวาดกลัว บุตรเทวะที่เหมือนปีศาจพวกนั้น จู่ๆ แต่ละตัวก็ร่างสั่นงันงก เงยหน้ามองไปทางท้องฟ้ส ส่งเสียงคำรามน่าขนลุกออกมา
แต่เสียงคำรามนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
เหมือนมีมือยักษ์ที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งตบลงมาจากท้องฟ้า ปกคลุมไปทั่วทั้งเทือกเขาทนทุกข์ ก่อเป็นพลังกดอัดมหาศาล ซัดมาบนร่างของบุตรเทวะพวกนี้
เสียงระเบิดดังขึ้น ในพริบตาที่ดังก้องไปทั่วฟ้า บุตรเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนกระดองระเบิด ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนก็ถูกบดอัดกลายเป็นเศษเนื้อเละๆ ไปในทันที เลือดเนื้อแหลกละเอียด ระเบิดแหลกสลาย
แทบจะไม่เหลือ
ทั่วทั้งเทือกเขาทนทุกข์สั่นคลอนขึ้นมาอย่างรุนแรง ผู้บำเพ็ญในขั้วอำนาจสำนักในเทือกเขาเหล่านั้นต่างดวงตาเบิกกว้าง ในใจเกิดคลื่นซัดถาโถม
พวกเขาเงยหน้าไปตามสัญชาตญาณ มองไปยังเงาร่างทั้งสามที่ปรากฏบนท้องฟ้า
คนที่ลงมือเป็นคุณปู่ชราที่อยู่ตรงกลาง
“โม่กุย”
รัฐทายาทเอ่ยเสียงราบเรียบ มิติข้างๆ เขาบิดเบี้ยวทันที เงาร่างบรรพจารย์โม่กุยปรากฏขึ้นมาในพริบตา หลังจากปรากฏตัวขึ้นก็รีบคุกเข่าคารวะ ขานรับคำเสียงดัง
“ขอรับ!”
การปรากฏตัวของโม่กุยทำให้ผู้บำเพ็ญเทือกเขาทนทุกข์ทั้งหลายจับจ้องสายตาไปทันที พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเคยพบเห็นบรรพจรย์โม่กุย อย่างไรเสียชื่อเสียงบารมีของอีกฝ่ายอยู่ในเทือกเขาทนทุกข์ก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน
“อสูรที่เหลือ เจ้านำคนไปจัดการ”
“น้อมรับบัญชา!”
โม่กุยเอ่ยเสียงดัง ในใจตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งมีความรู้สึกปลอดภัยท่วมท้น
เขารีบลงไปยังพื้นดิน ด้วยชื่อเสียงของเขา รวบรวมสำนักในเทือกเขาทนทุกข์ทั้งหมด เริ่มทำการล้างสังหารอย่างมีระเบียบ
ส่วนรัฐทายาทและองค์หญิงหมิงเหมยที่อยู่กลางอากาศ พวกเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่ แต่พาสวี่ชงจากไป
ในยามปรากฏตัว ก็มาอยู่บริเวณหลุมลึกที่บุตรเทวะพวกนั้นกรูกันออกมา
นี่เป็นหลุมลึกขนาดมหึมาหลุมหนึ่ง ในนั้นแสงสีแดงกะพริบวูบวาบ ทั้งยังมีเสียงคำรามต่ำทุ้มดังออกมาจากในนั้น เหมือนเป็นเสียงของหัวใจเต้น ดังออกมาข้างนอก กลายเป็นเสียงสะท้านสะเทือน
รัฐทายาทและองค์หญิงหมิงเหมยก้มหน้ามอง
สวี่ชิงตามอยู่ข้างหลัง สายตาจับจ้องไปในหลุมลึกนั่นเช่นกัน
เหาะมาตลอดทาง เขาเห็นบุตรเทวะมากมาย แม้ก่อนหน้านี้ภายใต้เสียงแค่นขึ้นจมูกของรัฐทายาทก็แหลกสลายไปนับไม่ถ้วน แต่ที่นี่ยังมีบุตรเทวะอีกไม่น้อย กำลังคำรามพุ่งออกมาจากหลุมลึกข้างล่างไม่ขาดสาย
“สวี่ชิง พวกที่อยู่รอบนอกพวกนี้ให้เจ้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน ด้วยกำลังรบของเจ้าในตอนนี้ยืนหยัดได้ช่วงระยะหนึ่งก็ไม่เป็นปัญหา นับว่าเป็นการฝึกฝนสำหรับเจ้าเช่นกัน”
รัฐทายาทพูดจบก็มองไปยังองค์หญิงหมิงเหมยที่อยู่ข้างกาย
หลังจากองค์หญิงหมิงเหมยพยักหน้า ทั้งสองก็เดินออกมา พุ่งตรงไปยังหลุมลึก เพียงพริบตาก็เข้าไปในนั้น เข้าไปในจุดลึก
สวี่ชิงไม่ลังเล หลังจากที่รัฐทายาทและองค์หญิงหมิงเหมยจากไป เขาก็ก้มหน้ามองคลื่นสีแดงที่ทะลักออกมาไม่หยุดข้างล่าง สายตาเปลี่ยนมาเย็นยะเยือก
และการมีตัวตนของเขาก็ดึงดูดความสนใจของบุตรเทวะที่อยู่บนพื้นพวกนั้นทันที สำหรับความปรารถนาต่ออาหารที่มีเลือดเนื้อ เป็นสัญชาตญาณของบุตรเทวะพวกนี้ คล้ายว่าในสัมผัสการรับรู้ของพวกมัน ความหวาดกลัวยากจะถูกกระตุ้นออกมา
ที่มีมากกว่าคือความวุ่นวายและความบ้าคลั่ง
กลิ่นอายบนร่างสวี่ชิงเหมือนว่าจะหอมหวลยิ่งกว่า ดังนั้นความบ้าคลั่งของพวกมันจึงยิ่งรุนแรง ท่ามกลางเสียงคำรามสูงแหลม ก็พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา