เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 681

บทที่ 681 เก้าสุริยาบดบังฟ้า

พลังอำนาจที่รวมกันก่อนสงคราม ลั่นกลองครั้งแรกปลุกเร้าสร้างกำลังใจ ไม่เช่นนั้นลั่นกลองครั้งที่สองกำลังใจทหารจะลดลง ลั่นกลองครั้งที่สามกำลังใจทหารจะหมดลง ตอนนี้ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ก็เป็นเช่นนี้

จากคำกล่าวของรัฐทายาท จากเสียงของสวี่ชิง จากความฮึกเหิมของนายกอง ผู้บำเพ็ญนับหมื่นของตำหนักขบถจันทร์แต่ละคนพลังอำนาจประดุจสายรุ้ง

“สังหาร!!”

ไม่รู้ว่าใครเปล่งเสียงคำรามขึ้นมา แต่ไม่นานทุกคนก็ถูกชักนำ อ้าปากไปตามสัญชาตญาณ ส่งเสียงคำรามออกมาจากจิตวิญญาณตน ราวกับจะระบายความทุกข์ทรมานและความไม่ยินยอมทั้งชีวิตออกมาพร้อมกับคำคำนี้

เสี้ยวขณะนี้ สติสัมปชัญญะไม่สำคัญ เมื่อแผนการอยู่ต่อหน้าพลังอำนาจระดับนี้ก็ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงแม้แต่น้อย

ทุกคนกลายเป็นคนธรรมดา และเมื่อคนธรรมดาโกรธถึงขีดสุด ก็เด็ดขาดไม่คิดชีวิตได้เช่นกัน!

ความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว ชื่อหมู่ใกล้มาเยือน เดิมเป็นสถานการณ์ที่ต้องตาย ทว่าตอนนี้มีความหวังแล้ว และยังเป็นครั้งที่มีความหวังที่สุดในรอบหลายต่อหลายปีนี้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนที่ขี้ขลาดเพียงใด ก็อาจกล้าหาญจนเป็นเหมือนคนธรรมดาได้เช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้ที่สามารถเข้ามาในตำหนักขบถจันทร์ได้ จะไม่มีความกล้าหาญได้เยี่ยงไร ถึงอย่างไรการทดสอบเพื่อเข้าตำหนักขบถจันทร์ เดิมก็คัดคนที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขออกไปมากพอสมควรแล้ว

ฟ้าดินเทือกเขาทนทุกข์เปลี่ยนสี เสียงคำรามที่มาจากผู้บำเพ็ญขบถจันทร์ ความเดือดดาลกลืนภูเขาแม่น้ำ สั่นคลอนผืนนภา

เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ย่างเข้าไปในตำหนักขบถจันทร์ก้าวหนึ่ง เดินเข้าไปในโถงตำหนักสูงสุด นายกองก็เช่นกัน พริบตาที่ทั้งสองคนเข้าสู่โถงตำหนัก ก็กลายเป็นกระจกขบถจันทร์บนฟากฟ้า กะพริบวูบวาบขึ้นมา

คลื่นพลังส่งข้ามวูบหนึ่งแผ่ออกมา ระเบิดขึ้นด้านใน

นี่คือความสามารถอีกอย่างหนึ่งของตำหนักขบถจันทร์ มีเพียงเจ้าขบถจันทร์ที่ใช้ได้ สามารถเคลื่อนย้ายไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา

ตอนนี้เสียงการส่งข้ามครืนครัน เสียงนายกองก็ดังก้องออกมาจากในตำหนักขบถจันทร์

“รูปสลักทั้งหลาย กลับสู่ตำแหน่ง!”

จากเสียงที่เปล่งออกมา รูปสลักผู้บำเพ็ญขบถจันทร์หลายรูปที่อยู่ด้านนอก มาพร้อมจิตสังหาร ความเด็ดเดี่ยว พุ่งมาทางตำหนักขบถจันทร์ ในบรรดานี้ยังมีหลี่เซียวซาน เสิ่นเชวี่ยจื่อรวมถึงผู้บำเพ็ญผนึกคลายลงเหล่านั้น

ส่วนพวกรัฐทายาทไม่ต้องเข้ามาในตำหนักขบถจันทร์ สำหรับพวกเขา การมุ่งหน้าไปยังที่ใดก็ตามในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ เดิมก็เป็นเพียงเสี้ยวความคิดเท่านั้น

ส่วนผู้บำเพ็ญทั่วไปของเทือกเขาทนทุกข์ ไม่ได้ถูกขอให้ร่วมสงครามครั้งนี้ ดังนั้นภายใต้การส่งด้วยสายตาของพวกหนิงเหยียนและหลิงเอ๋อร์ ระลอกคลื่นบนท้องฟ้ากระเพื่อมขึ้นลง กระจกขบถจันทร์ก็หายไปทันที

มุ่งหน้าไปที่ที่ราบสำนึกบาป ไปที่สาขาหลักของพระจันทร์สีชาด

การยุทธ์ต้องรวดเร็ว!

……

ใจกลางแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ที่ราบสำนึกบาป

ที่ราบนี้กว้างใหญ่ไพศาล มองไกลๆ ไม่มีเทือกเขาให้เห็น แผ่นดินทอดยาวผืนหญ้าสีแดง เมื่อลมพัดผ่าน ที่ราบทุ่งหญ้าก็สั่นไหวเป็นระลอกคลื่นราวกับทะเลสีชาด

และใจกลางที่ราบนี้มีทะเลสาบขนาดยักษ์อยู่แห่งหนึ่ง

น้ำทะเลสาบประหนึ่งเลือด แผ่กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นออกมา ดูแล้วเหมือนน้ำในแม่น้ำเซ่นทมิฬไม่มีผิด ใจกลางทะเลสาบผืนนี้ มีเกาะอยู่แห่งหนึ่ง

ยักษ์ที่สูงระฟ้าตนหนึ่ง ถูกสะกดให้คุกเข่าคารวะอยู่ตรงนั้น แม้จะอยู่ในท่าคุกเข่า แต่ร่างกายสูงใหญ่ของมัน กลิ่นอายที่แข็งแกร่ง ยังคงกลายเป็นแรงกดดันที่น่าครั่นคร้าม

ใต้เท้าของยักษ์ตัวนี้ บนเกาะมีตำหนักเทพอยู่มากมาย

แต่ทุกอย่างนี้อยู่ในความเลือนราง มองไม่ค่อยชัด ถูกแสงสีชาดผืนหนึ่งปกคลุม

แสงนี้มาจากท้องฟ้า มาจากดาวพระจันทร์สีชาด มองไกลๆ ด้วยการปกคลุมของแสงสีชาดนี้ ทุกอย่างในเกาะล้วนจึงเลือนรางไปหมด

และเมื่อเทียบกับโลกภายนอก สีสันนั้นแตกต่างกันมาก

สีแดงบริเวณอื่นล้วนเป็นสีแดงเพลิง มีเพียงที่นี่ที่ถูกดูแลเป็นพิเศษ สีแดงจึงเข้มมหาศาล

ฟ้าดินสีชาดที่นี่ แสงสีแดงไม่รู้จบรวมอยู่ที่เกาะ ปกคลุมเกาะจนกลายเป็นม่านสีเลือด กลิ่นอายชื่อหมู่เข้มข้นอย่างยิ่ง

อีกอย่าง ที่นี่ก็แตกต่างกับเมื่อก่อน ปกติได้ยินเสียงคารวะบนเกาะนี้เนืองๆ เสียงสรรเสริญชื่อหมู่ก็ดังมาเป็นระลอก ทว่าตอนนี้…เงียบสงัดไปหมด

ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา มีเพียงสีแดงเข้มข้นผืนนั้นแทนที่ทั้งหมด

และตอนนี้เอง บนท้องฟ้าก็มีเสียงอัสนีดังมา สายฟ้าครืนครันนั่นทำลายความสงบของที่นี่ ขณะที่โหมเสียงก้องไม่หยุด มิติก็บิดเบี้ยว ราวกับมีวัตถุขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งจะส่งข้ามเข้าไปในสีแดงเข้มนี้

แต่จากการที่แสงสีแดงกะพริบวูบวาบ การส่งข้ามก็ล้มเหลว

พริบตาต่อมา กลางอากาศด้านนอกเกาะนี้ กระจกขบถจันทร์พลันปรากฏขึ้น ลอยอยู่กลางอากาศ หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในกระจกด้านในนั้น หลายสายตาที่จิตสังหารน่าครั่นคร้าม ก็จ้องเกาะที่ถูกสีแดงเข้มปกคลุมเขม็ง

พวกรัฐทายาทก็เดินออกมาจากความว่างเปล่าข้างๆ ในตอนนี้ มองออกไปเช่นกัน สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“กลิ่นอายของเทพเจ้า…”

ผู้อาวุโสเก้าสีหน้าเย็นชา พลันยกมือขวาขึ้น กระบี่มายาเล่มยาวเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้นในมือเขา

กระบี่นี้สีดำสนิท แผ่ปราณพิฆาตน่าครั่นคร้ามออกมา ทำให้ฟ้าดินหมองหม่นลงทันใด

เขาฟาดกระบี่ไปทางม่านเลือดแดงเข้มตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เมื่อฟันกระบี่นี้ออกไป ก็ทอดยาวจากฟ้าจรดดิน ราวกับจะผ่าฟ้าออกได้ ท้องนภาสั่นสะเทือน หอบม้วนลมพายุไม่หยุด แผ่นดินครืนครัน สะกดทะเลสาบเลือดรอบด้านจนยุบเป็นแอ่ง

สุดท้าย ก็ฟาดลงไปบนม่านเลือดสีแดงเข้ม

ม่านเลือดส่งเสียงดังสนั่นเลื่อนลั่นา ด้านในแสงสีเลือดเกิดระลอกคลื่น เบาบางลงในพริบตา

พลานุภาพหนึ่งกระบี่ ทำให้ใจทุกคนโหมระลอกคลื่น

แต่ครู่ต่อมา หลังจากที่ทุกคนเห็นภาพด้านในผ่านม่านสีเลือดที่เบาบางทั้งหมด สีหน้าทุกคนก็พากันแข็งค้าง

ในม่านสีเลือด รูปสลักเจ้าเหนือหัวชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เผยหน้าตาทั้งหมด และยังเผยให้เห็นผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดนับไม่ถ้วน…ที่อยู่รอบๆ นั้นด้วย

บนพื้นดิน ไม่มีแม้แต่คนเดียว ผู้บำเพ็ญทั้งหมดของพระจันทร์สีชาดสาขาหลัก ตอนนี้ขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ ล้อมรอบรูปสลักเจ้าเหนือหัว ราวกับกำลังคุ้มครอง

พวกเขามีมากมายนับไม่ถ้วน จำนวนมหาศาล มองผ่านๆ ก็ยากจะนับจำนวน

พลังบำเพ็ญอ่อนแอที่สุดในนี้คือปราณก่อกำเนิด สมบัติวิญญาณมีอยู่ไม่น้อย หวนสู่อนัตตาเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน สวมชุดคลุมเทพพระจันทร์สีชาดสีแดงเลือด

บทที่ 681 เก้าสุริยาบดบังฟ้า 1

บทที่ 681 เก้าสุริยาบดบังฟ้า 2

บทที่ 681 เก้าสุริยาบดบังฟ้า 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา