บทที่ 686 วิชาต้องห้าม
ในพริบตาที่เทพเจ้าจุติ คนทั้งหลายข้างนอกต่างหน้าเปลี่ยนสี
ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาววาบขึ้นมา นายกองหรี่ตาทั้งสอง สีหน้าเคร่งเครียด
ส่วนผู้บำเพ็ญของทั้งสองฝ่ายก็เช่นกัน ฝ่ายตำหนักขบถจันทร์ตื่นตกใจ ส่วนฝ่ายพระจันทร์สีชาดไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่คิดเอาไว้
จากการแผ่กระจายออกมาของเลือดสดๆ ที่อยู่ในคราบร่างก่อนเป็นเทพขาดวิ่น ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดทุกคน พลังบำเพ็ญและเลือดของพวกเขาล้วนเกิดสัญญาณไม่อยู่ในการควบคุม
เหมือนว่าตรงนั้นเป็นต้นกำเนิดพลัง จะดูดทุกอย่างของพวกเขาไป
ในขณะที่คนทั้งหลายต่างหวาดกลัว พวกรัฐทายาทที่ถอยมา ต่างกระจายตัวกันอย่างรวดเร็ว ต่างสีหน้าเคร่งเครียด ปะทุพลังออกมา เกิดเป็นรุ้งยาวผสานอยู่ด้วยกัน จัดเรียงเป็นค่ายกลห้าเหลี่ยม
แสงบนร่างของพวกเขาประทับไปในความว่างเปล่า หลังจากที่ก่อเป็นรอยดาวห้าแฉก ทั้งห้าก็สับเปลี่ยนตำแหน่ง ก้าวไปบนดาวห้าแฉก จัดเรียงเป็นสี่ลักษณ์
รัฐทายาทอยู่ด้านซ้าย ผู้อาวุโสแปดอยู่ด้านขวา ผู้อาวุโสเก้าอยู่ข้างหน้า องค์หญิงห้าอยู่ข้างหลัง
ส่วนองค์หญิงหมิงเหมย นางยืนอยู่ตรงกลาง ดวงตาฉายจิตสังหาร เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“พิธีสำเร็จเทพของเขายังไม่สมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในคราบร่างก่อนเป็นเทพถูกข้าบังคับขัดขวาง เพลิงเทวะยังจุดไม่ติด!
“เขาในตอนนี้ดูเหมือนมีกลิ่นอายเทพเจ้าแล้ว แต่ก็เป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดเช่นกัน เขากำลังควบคุมการสะท้อนพลังกลับจากพิธีที่ล้มเหลว!
“หากเขาควบคุมได้สำเร็จแล้วจุดเพลิงเทวะอีกครั้ง พวกเราจะไม่มีทางทำได้สำเร็จ!
“ดังนั้นตอนนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น! ข้าจะสำแดงวิชาต้องห้าม ใช้เวลาเป็นต้นกำเนิด ปลดพันธนาการมรรคาสวรรค์ ใช้วิชาในอดีตสังหารเขา ทำให้พลังของเขาปั่นป่วน ได้รับการสะท้อนพลังกลับจากความล้มเหลวของการทำพิธี แตกดับไปเอง!”
แทบจะในพริบตาเดียวกับที่องค์หญิงหมิงเหมยกล่าวออกมา เงาร่างในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ก็เดินเข้ามาใกล้ขึ้น
เลือดใต้เท้าเขาราวมหาสมุทร พวยพุ่งปะทะ ซัดคลื่นหอบม้วนเป็นระลอกๆ แผ่ลามไปยังผืนดินและทะเลสาบ อาบย้อมฟ้าดินที่นี่ให้กลายเป็นสีแดงฉานอีกครั้ง
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงเป็นที่สุด ตลบอวลไปทั่วฟ้าดิน
และคนที่เดินมาจากในแสงสีแดงฉาน เงาร่างของเขาสูงใหญ่ ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำ ล้วนมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังมา
เสียงนี้ทำให้ท้องฟ้าแผ่ระลอกคลื่น แผ่นดินส่งเสียงคำราม ยิ่งเหนี่ยวนำจิตใจของผู้บำเพ็ญทั้งหมดข้างนอก
ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดหรือจะเป็นผู้บำเพ็ญขบถจันทร์ ท่ามกลางเสียงฝีเท้านี้ต่างหน้าขาวซีด
เสียงฝีเท้าเหมือนแทนเสียงหัวใจเต้น แต่ละก้าวๆ เหมือนเหยียบมาบนหัวใจ
ทุกคนที่นี่ต่างถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันการสั่นสะท้านที่ส่งมาจากวิญญาณก็แผ่ซ่านมาทั่วร่าง
ท่ามกลางการสั่นสะท้านนี้ แทบจะทุกคนล้วนไม่สามารถควบคุมความวู่วามที่อยากจะหมอบคารวะ
นั่นเป็นการสยบควบคุมที่มาจากระดับขั้นชีวิต นั่นเป็นความหวาดกลัวจากผู้อ่อนแอที่มีต่อผู้แข็งแกร่ง
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมา เงาร่างที่เดินออกมาจากคราบร่างก่อนเป็นเทพขาดวิ่นก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ ปรากฏในฟ้าดิน
เงาร่างนั่นสูงสิบจั้ง แดงเถือกไปทั้งตัว เหมือนไม่มีผิวหนัง ขณะเดียวกับที่เลือดเนื้อแหลกเละ ก็จะเห็นว่าบนร่างมีใบหน้าหลายดวง
ใบหน้าทุกดวงต่างกันไป มีทั้งหมดสิบสามดวง เป็นบรรดาบุตรธิดาของเจ้าเหนือหัวทั้งสิบสามนอกจากน้องสี่นั่นเอง
รัฐทายาท หมิงเหมย องค์หญิงห้าตลอดจนน้องแปดล้วนอยู่ในนี้
ภาพนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนหน้าตาของเงาร่างนี้เหี้ยมเกรียมเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างเลือดเนื้อมีจุดสีทองไม่เป็นทรงอยู่เต็มไปหมด น่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาทั้งสี่ล้วนมีสองม่านตา ฉายประกายความเย็นชาออกมา คล้ายว่าทุกอย่างในฟ้าดิน ในสายตาเขาล้วนไม่สำคัญ
ที่ศีรษะยังมีเขาที่เหมือนหนามคม แต่ไม่ได้มีแค่อันเดียว กลับแผ่ลามไปตั้งแต่ข้างหลังศีรษะจนถึงหลัง เชื่อมต่อกับหางที่อยู่ข้างหลัง
หางนั้นเป็นสีทองทั้งหาง จากการเดินออกมาของเงาร่าง หางลากไปบนพื้นลากเป็นรอยน้ำยาวๆ บนทะเลเลือด
มือของเขาเหมือนเผ่ามนุษย์ แต่ไม่ได้มีห้านิ้ว มีสี่นิ้ว
มือขวาของเขามีหัวใจดวงหนึ่งเต้นอยู่ เดินไปพลางบีบมันไปด้วยจนกระทั่งเดินออกมาจากคราบร่างก่อนเป็นเทพ ทันทีที่คนทั้งหลายที่อยู่ที่นี่มองเห็นได้ชัด มือขวาของเขาก็บีบอย่างแรงทันที
เสียงบึ้มดังขึ้น หัวใจของรัฐทายาทสลาย
รัฐทายาทกระอักเลือด สีหน้าขาวซีด เอ่ยอย่างเร่งร้อน
“พิธีสำเร็จเป็นเทพของเขา เวลาเป็นหลัก
“หัวใจสำคัญของพิธีนี้คือใช้ช่วงเวลาที่พี่น้องร่วมสายเลือดของเขาทุกคนต่างเคยทะลวงมหาขั้นในอดีตในเสี้ยวพริบตานั้นเป็นพื้นฐาน กลืนกินช่วงเวลาที่ทะลวงขั้นเหล่านั้นและเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังของตัวเอง กลายเป็นเชื้อเพลิงในการจุดเพลิงเทวะ!
“ทันทีที่สำเร็จ ก็เท่ากับว่าเขาคนเดียวรวมไว้ซึ่งทุกอย่าง
“พวกเราพี่น้องทั้งหมดสิบสี่คน ดังนั้นพิธีนี้จะมีช่วงเวลาในอดีตทั้งหมดสิบสี่จุด ช่วงเวลาทั้งสิบสี่จุดนี้ ต่างมีเงาแห่งกาลเวลาของเขาหนึ่งเงา!
“เงาแห่งกาลเวลาทุกเงาล้วนรับกับพลังบำเพ็ญที่ต่างกันไป มีเพียงสังหารเขาในช่วงเวลาเหล่านั้น ถึงจะนับว่าพิธีของเขาล้มเหลวโดยสมบูรณ์
“ก่อนหน้านี้ข้าทำลายช่วงเวลาที่ยากที่สุดไปห้าจุดแล้ว ตอนนี้เหลืออีกเก้าจุด! ต่อจากนี้พวกเราจะไปทำลายห้าจุด อีกสี่จุดที่เหลือเราไม่มีเวลาไปจัดการ หลี่เซียวซาน หากเจ้าสู้ได้ เช่นนั้นก็นับเจ้าด้วยคนหนึ่ง แล้วก็ยังมีเสินเชวี่ยจื่อ นับเจ้าด้วยคนหนึ่ง!
“คนที่เข้าร่วมพิธีนี้ได้มีเพียงผู้ที่มีพลังระดับเตรียมสู่เทวะ หรือไม่ก็มีอำนาจแห่งเทพเจ้า ดังนั้น อีกสองช่วงที่เหลือ…สวี่ชิง เจ้ามีอำนาจ เอ้อร์หนิวเจ้าคือเทพพิบัติ พวกเจ้าทำได้หรือไม่”
เสียงรัฐทายาทดังก้องไปในหูของคนที่อยู่ที่นี่
หลี่เซียวซานทั่วทั้งร่างเลือดเนื้อเหวอะหวะ หัวเราะขึ้นท่ามกลางสภาพบักสะบอม ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น
เสินเชวี่ยจื่อทางนั้นเคลื่อนไหวสู้ศึกไปด้วย พยักหน้าไปด้วย
สวี่ชิงและนายกองต่างมองหน้ากัน ในยามที่จิตต่อสู้ลุกโชน ค่ายกลทางรัฐทายาททางนั้นก็ปะทุมาในเสี้ยวขณะนี้ กลิ่นอายของแต่ละคนแผ่ออกก่อเป็นคลื่นวน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา