บทที่ 70 ข้าเลี้ยงไข่เจ้า
“คารวะผู้ดูแลหลี่”
กรมเคลื่อนย้ายและกรมทดน้ำต่างพากันหยุดมือจากการปรากฏตัวขึ้นของชายหนุ่ม สีหน้าของทุกคนฉายแววเคารพยำเกรงออกมา ในนั้นมีคนที่จดจำฐานะของเขาได้ ก็รีบโค้งคารวะเขาทันที
ในขณะเดียวกันเงาร่างของเจ้าจงเหิงภายในของกรมเคลื่อนย้ายก็ออกมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบคารวะไปทางท้องฟ้า
หลังจากที่สวี่ชิงได้เห็นภาพนี้ดวงตาก็จ้องเพ่ง เขาสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังที่น่ากลัวมากจากคนที่อยู่กลางอากาศ เทียบกับบรรพจารย์สำนักวัชระในความทรงจำแล้ว สวี่ชิงรู้สึกได้ทันทีว่า คนที่มาเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าบรรพจารย์สำนักวัชระเล็กน้อย
ในขณะที่สวี่ชิงสังเกตอยู่ทางนี้ ผู้ดูแลหลี่ที่อยู่กลางอากาศก็เอ่ยปากขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“คำสั่งจากผู้อาวุโส ลูกศิษย์ของกรมเคลื่อนย้ายและกรมทดน้ำที่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ลงโทษด้วยการหักเงินเดือนสามเดือน แบ่งกรมทดน้ำในสัดส่วนเท่าเดิม!
“แล้วก็เจ้าจงเหิง ผู้อาวุโสเรียก ตามข้าไปพบ!”
ระหว่างพูด สายตาของผู้ดูแลหลี่ก็มองไปที่ร่างของเจ้าจงเหิง แม้สีหน้าจะไปเปลี่ยนแปลง แต่ในใจกลับผิดหวังเล็กๆ
เขารู้ว่าเหตุผลทั้งหมดเป็นเพราะหลานของผู้อาวุโสเลอะเลือนเบาปัญญา ทั้งๆ ที่เป็นศิษย์หลัก ทั้งๆ ที่มีฐานะสูงส่ง ลงมารับตำแหน่งลอยๆ แต่กลับสร้างเรื่องขัดแย้งในหมู่คณะเช่นนี้ขึ้นมาเสียได้
“ผู้อาวุโสฉลาดหลักแหลมปานนั้น ไยจึงมีลูกหลานที่เบาปัญญาถึงเพียงนี้ได้”
ผู้ดูแลหลี่ดึงสายตากลับไป ยกมือคว้า หลังจากที่เจ้าจงเหิงได้ยินคำพูดของเขาก็หน้าซีดเผือด ขณะดวงตาฉายแววตื่นกลัวก็ถูกคว้าตัวมุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่เจ็ดอย่างรวดเร็วทันที
เรื่องของกรมเคลื่อนย้ายและกรมทดน้ำก็คลี่คลายลงทันทีจากการไปของเขา แต่เลือดที่เจิ่งนองและศพที่ตายบนพื้นทำให้ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายแค่ถูกสะกดลงไปชั่วคราวเท่านั้น ความโหดเหี้ยมในดวงตาของทั้งสองฝ่ายล้วนชัดเจน
“เอาล่ะ ดูเรื่องสนุกจบแล้ว พวกเราก็ไปเถอะ เมื่อครู่ท่านนั้นคือคนโปรดข้างกายของผู้อาวุโส ผู้ดูแลหลี่ หลี่ตี๋หลิง เขามาพาตัวเจ้าจงเหิงไปด้วยตัวเองเช่นนี้ เจ้าจงเหิงครั้งนี้ย่อยยับเป็นแน่แล้ว”
นายกองถือผลผิงกั่ว หลังจากกัดไปคำหนึ่งก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
กองหกตามไป สวี่ชิงหันกลับไปมองหวงเหยียนที่ล้อมรอบไปด้วยศิษย์กรมทดน้ำกำลังปรึกษาหารืออะไรกัน ก็ดึงสายตากลับมา เดินจากไปช้าๆ
ตอนนี้ลมทะเลพัดมา พัดเอาผมด้านหน้าที่ยาวของสวี่ชิงปลิวไสว เผยให้เห็นดวงตาเรียวยาว และเผยให้เห็นแววบุญคุณความแค้นแบ่งแยกชัดเจนในดวงตาของเขา
การลาดตระเวนวันนี้ค่อยๆ หมดลงตามแสงสาดทอของดวงอาทิตย์ยามเย็น ตามการมาเยือนของพลบค่ำ
สวี่ชิงที่เข้าเวรเสร็จเหยียบแสงอาทิตย์ยามเย็นพลางสะกดรอยเด็กหนุ่มเผ่าเงือก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสดังเดิม ดังนั้นจึงกลับไปยังเรือเวทที่จอดอยู่ที่ท่าจอดเรือ เริ่มการฝึกบำเพ็ญ
วันเวลาที่เมืองเจ็ดเนตรโลหิตมีสีสันกว่าฐานที่มั่นคนเก็บกวาด แต่ความถี่ในการฝึกบำเพ็ญของสวี่ชิงกลับไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่านี่คือรากฐานของตัวเอง
อีกทั้งแผนออกเดินทางสู่ทะเลก็ใกล้เข้ามาเต็มทีตามการทะลวงขั้นพลังบำเพ็ญในเร็วๆ นี้
“ทะลวงขั้นพลังบำเพ็ญไม่ยาก แต่วัตถุดิบยกระดับเรือเวทถึงขั้นเจ็ดข้ายังไม่มีปัญญาซื้อ” สวี่ชิงพึมพำ หยิบกาสุราออกมาจากถุงหนังแล้วดื่มลงไป
ไม่รู้ว่าเขาเริ่มชอบรสชาติของมันตั้งแต่เมื่อไร ตอนนี้ดื่มพลางขบคิดในใจว่าจะไปหาเงินที่ถนนทองผุดสักรอบดีหรือไม่ แต่หลังจากที่คิดไปคิดมาแล้ว เขารู้สึกว่าหากยังไม่มั่นใจว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้ จะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้
ดังนั้นสวี่ชิงจึงดื่มลงไปอีกอึก จากนั้นก็เขย่ากาสุราพบว่ามันว่างเปล่าแล้ว
แต่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว สวี่ชิงก็ไม่อยากออกไปข้างนอกเพื่อซื้อสุรา จึงวางมันไว้ข้างๆ หลับตานั่งสมาธิ
เวลาค่อยๆ ไหลไป ไม่นานจันทร์กระจ่างก็ลอยสูงกลางฟ้า แสงจันทร์สาดลงผิวทะเล สะท้อนน้ำทะเลบนท่าเรือเป็นเหมือนกระจกในความมืด ให้ความรู้สึกงดงามลึกลับนัก
ส่วนสวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิในตอนกลางคืนจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมองไปข้างนอกเรือ
ไม่นานนักเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากริมฝั่ง หลังจากที่มันค่อยๆ ใกล้เข้ามายังเรือเวท ข้างนอกก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในขณะที่ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาววาบ
“สหายสวี่ชิงอยู่หรือไม่ ข้าคือหวงเหยียนจากกรมทดน้ำ”
ได้ยินเสียงนี้ สวี่ชิงก็เก็บประกายวาววาบในดวงตาลงไป ลุกขึ้นเดินออกไปนอกเรือ เห็นเจ้าอ้วนน้อยในชุดนักพรตสีเทาที่รัดจนบริเวณพุงมีรอยยับรอบเอวยืนอยู่ริมฝั่งใต้แสงจันทร์
เมื่อเห็นสวี่ชิง ใบหน้าของเจ้าอ้วนน้อยก็ฉายรอยยิ้มออกมา หลังจากเรื่องที่กรมทดน้ำคลี่คลายแล้ว ระหว่างทางกลับเขาก็เจอเรื่องที่น่าดีใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นคืนนี้จึงคึกอยากดื่มเหล้าเสียหน่อย ในขณะที่กรึ่มๆ ก็นึกถึงภาพเมื่อกลางวัน ดังนั้นจึงสืบจนได้รู้ชื่อและที่จอดเรือของสวี่ชิง จึงมาเพื่อขอบคุณ
“สหายสวี่ชิง เรื่องวันนี้ขอบใจเจ้ามาก”
สวี่ชิงมองเจ้าอ้วนน้อย พยักหน้า ตอบออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ไม่ต้องขอบคุณ วันนั้นที่ร้านยาเจ้าเคยให้หญ้ารวมวิญญาณกับข้า”
“เอ๋”
หวงเหยียนอึ้งตะลึง หลังจากคิดๆ ก็เหมือนจะนึกได้ว่ามีเรื่องนี้จึงเกาหัว เอ่ยถามอย่างสงสัย
“เพราะวันนั้นข้าให้หญ้ารวมวิญญาณเจ้าไปไม่กี่ต้น ดังนั้นวันนี้เจ้าจึงช่วยข้าอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ไม่กี่ต้น เจ็ดต้น” สวี่ชิงตอบอย่างจริงจัง
หวงเหยียนกะพริบตาปริบๆ ประเมินสวี่ชิงอย่างละเอียด มองๆ สวี่ชิงแล้วยิ้มออกมา เดิมเขาคิดว่ามาวันนี้ก็เพื่อแสดงความขอบคุณสักหน่อย ไม่ได้คิดจะไปมาหาสู่อะไรกับสวี่ชิงมากมาย อย่างมากก็แค่มอบของกำนัลที่เพียงพอให้ก็เท่านั้น
แต่ตอนนี้เขาพลันรู้สึกว่า สวี่ชิงที่อยู่ข้างหน้าคนนี้น่าสนใจอยู่หน่อยๆ
ดังนั้นแล้วจึงหยิบไข่ขนาดเท่าฝ่ามือสองใบออกมาจากถุงหนัง เปลือกของไข่สองใบนี้เป็นสีขาวใต้แสงจันทร์ทอประกายแสงวาวแวว
“สหาย เจ้าเป็นคนน่าสนใจนัก ข้าจะเลี้ยงเจ้าดื่มไข่”
พูดพลางโยนไปให้ใบหนึ่ง ไข่ใบนี้แปลกประหลาดมาก มันทะลุเกราะป้องกันของสวี่ชิงได้ด้วย
สวี่ชิงตาจ้องเพ่ง ในขณะที่สะบัดมือหยดน้ำมากมายก็ปรากฏขึ้น ปกคลุมไข่ใบนี้เอาไว้อย่างแน่นหนาให้มันลอยขึ้น ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าไข่ใบนี้สมบูรณ์ดี ไม่ดีร่องรอยแตกเสียหาย ดังนั้นจึงเงยหน้ามองหวงเหยียน
“นี่คืออะไรหรือ”
“ของเล็กๆ น้อยๆ”
หวงเหยียนหัวเราะฮี่ๆ พลางยกนิ้วชี้มือขวาอมไปในปากแตะๆ น้ำลายแล้วกดไปบนไข่ เจาะมันให้แตกทันที นิ้วคนไปในนั้นรอบหนึ่ง หลังจากดึงออกมาก็เอาไข่แตะไปที่ริมฝีปากแล้วดูดมันขึ้นไป ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา