บทที่ 707 ทารกยักษ์จู่โจม!
นายกองอ้าปากอยากพูดอะไรบ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้พูด จิ้งจอกดินเหนียวบนท้องฟ้าก็ก้าวฝีเท้าเย้ายวนมา ยักย้ายเอวอ่อน มาพร้อมด้วยคลื่นข้างหน้าและข้างหลัง เดินมายังข้างหน้าสวี่ชิง
ในดวงตางามฉายแววเอ็นดู เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“น้องชายตัวแสบ เจ้าผอมหมดแล้ว ช่วงนี้คิดถึงพี่สาวหรือไม่”
สวี่ชิงลังเล ลุกขึ้นโค้งคารวะ
“คารวะเทพชั้นสูงซิงเหยียน”
คำพูดของเขาสะท้อนจากในดวงตาจิ้งจอกดินเหนียวแปรเปลี่ยนเป็นความเง้างอด
“น้องชายตัวแสบ ท่าทางคงไม่คิดถึงพี่สาวแล้ว”
ตอนนี้ จากการมาขององค์ท่าน พวกรัฐทายาทต่างระแวดระวังขึ้นมา
นายกองในใจเกิดความอิจฉาอย่างมหาศาล มองไปทางสีเทากลางท้องฟ้าไปตามสัญชาตญาณ ในใจของเขารู้สึกว่าชีวิตมนุษย์ไร้ค่านัก ทำไมเป็นเทพชั้นสูงเหมือนกัน แต่ความแตกต่างช่างต่างกันอย่างมหาศาลขนาดนี้
องค์หนึ่งเย็นชาไม่สนใจตน กระทั่งว่าคิดจะฆ่าตนให้ตาย ส่วนอีกองค์ที่ปฏิบัติกับศิษย์น้องเล็กของตน ในดวงตา ในหัวใจล้วนมีแต่เงาร่างของเขา
นี่ก็ช่างมันเถอะ ที่สำคัญที่สุดคือ องค์หนึ่งไม่สวย องค์หนึ่งงามล้ำจริงๆ
นี่ทำให้ระลอกคลื่นในใจนายกองดกระหน่ำ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าตัวเองในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ มีความจำเป็นมากๆ ที่จะต้องตอบคำถามแทนสวี่ชิง จึงก้าวไปสองสามก้าว กระแอมออกมาทีหนึ่ง
“ท่านพี่ซิงเหยียน ศิษย์น้องข้าค่อนข้างขี้อาย ข้าตอบแทนเขาเอง คิดถึงสิขอรับ คิดถึงมากๆ”
จิ้งจอกดินเหนียวขมวดคิ้ว ปรายตามองนายกองผาดหนึ่ง ใบหน้ารังเกียจ
“เจ้าไต เจ้าอย่ามาพูดกับข้า ข้ากังวลว่าเดี๋ยวน้องชายตัวแสบจะเข้าใจผิด ดังนั้น ขอเจ้าโปรดไสหัวไป ไปให้ไกลๆ จากข้าหน่อย”
นายกองสูดลมหายใจลึก ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ ไม่เคยมีใครใช้คำว่าเจ้าไตสองคำนี้มาเรียกเขาเลย หากเขาสู้ได้ตอนนี้จะต้องโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วแน่นอน
แต่คิดถึงความแตกต่างของทั้งสองฝ่าย นายกองก้มหน้าลงไปเงียบๆ ถอยมาข้างหลังสวี่ชิง ในใจทอดถอนใจ อีกฝ่ายเทียบกับท่านปู่แปดแล้ว เป็นท่านปู่แปดที่พูดจาเป็น
ส่วนจิ้งจอกดินเหนียวตอนนี้มองสวี่ชิง เลียริมฝีปาก กำลังจะพูดต่อ แต่ในตอนนี้เอง ท้องฟ้าคำรามลั่น เสียงของเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนดังมา
“นังจิ้งจอกแพศยา ยังไม่รีบมาอีก!”
จิ้งจอกดินเหนียวได้ยินก็ยิ้มให้สวี่ชิง
“เจ้าน้องชายตัวแสบ พี่สาวไปต่อสู้สักยกก่อน อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยไปเที่ยวเล่นตามลำพังกัน”
พูดแล้ว องค์ท่านร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปยังภาพนามธรรมบนท้องฟ้า หลังจากที่ผสานเข้าไปในพริบตาแล้ว ในภาพก็มีสีชมพูเพิ่มขึ้นมา ตอนนี้สีทั้งสี่สอดประสาน ทำให้ผืนฟ้าสั่นสะเทือนรุนแรง
คลื่นวนในภาพหมุนวนเร็วยิ่งขึ้น มองเห็นเลาๆ ว่าสีแดงในนั้นคล้ายว่ากำลังถูกควบคุม
แต่ความแข็งแกร่งของชื่อหมู่ก็ปรากฏออกมาในเสี้ยวขณะนี้เอง ต่อให้เป็นหลี่จื้อฮว่าสู้ซึ่งหน้ากับองค์ท่าน เทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนและเทพชั้นสูงซิงเหยียนลงมือช่วย ก็ยังคงไม่อาจสั่นคลอนชื่อหมู่ได้โดยสมบูรณ์
พวกรัฐทายาทสีหน้าค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้นมา นายกองทางนั้นก็ค่อนข้างร้อนใจ สุดท้ายเขากัดฟันกรอด
“ท่าทางช่วงเวลาสำคัญก็ต้องพึ่งข้าแล้ว
“อดีตภรรยาข้าอ่อนแอเกินไป!
“ศิษย์น้องเล็กช่วยข้าหน่อย อีกเดี๋ยวใช้สิ่งนี้ฟาดศีรษะข้า ออกแรงหน่อยนะ!”
พูดพลางนายกองก็เอาคทาด้ามหนึ่งออกมา โยนให้สวี่ชิง
สวี่ชิงรับเอาไว้ สายตาจับจ้องไป นี่เป็นคทาที่เป็นสีน้ำเงินทั้งด้าม แผ่ความรางเลือนออกมา มองไปนานๆ จะถูกมันดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว
คทาด้ามนี้เป็นสิ่งที่ตอนที่อยู่เขาวัวสวรรค์ ร่างที่แปลงจากหูของนายกองเมื่อชาติที่แล้วถือเอาไว้ในมือ
“คทาบวงสรวงฝัน!”
สวี่ชิงมองไปทางนายกอง
“ใช่แล้ว เป็นเจ้าสิ่งนั้น ข้าเตรียมส่งภาพฝันที่ชาติที่แล้วซึ่งเตรียมไว้เข้าไปในชื่อหมู่ ปลุกความเป็นมนุษย์ขององค์ท่าน ทำให้องค์ท่านเสียสมดุล!”
ในดวงตานายกองฉายแววบ้าคลั่ง พูดจบในร่างก็มีหนอนสีฟ้าตัวหนึ่งพุ่งออกไป ร่วงไปอยู่บนพื้นดิน จากนั้นร่างเพียงไหววูบ แขนเสื้อสะบัด มือทั้งสองยกขึ้น ทำการร่ายระบำแปลกประหลาด
เหมือนทำการบวงสรวง หมุนอย่างรวดเร็วไปบนพื้นวังจันทรา
จากการร่ายระบำของเขา ยังมีเสียงพึมพำดังออกมาจากปากเขาด้วย ฟังไม่ออกว่ารายละเอียดกำลังร้องอะไรอยู่ ทำได้เพียงสัมผัสความซับซ้อนในนั้น
ภาพนี้ดึงความสนใจจากพวกรัฐทายาท ผู้อาวุโสแปดทางนั้นมองๆ ไป ในดวงตาฉายประกายแปลกประหลาด
“น่าสนใจ…”
และนายกองท่ามกลางการพึมพำและร่ายรำนี้ บนร่างค่อยๆ มีหมอกเป็นกลุ่มๆ ปรากฏขึ้นมา เป็นสีสันเจ็ดสี ขณะเดียวกับที่สอดประสานเกิดเป็นความสลัวรางเลือน ก็มองเห็นได้เลาๆ ว่าในหมอกเหล่านี้มีภาพนับไม่ถ้วน
ภาพเหล่านั้นล้วนเป็นความฝัน
ความฝันเหล่านี้บ้างงดงาม บ้างโศกเศร้า บ้างทำให้คนเจ็บปวด บ้างทำให้คนหลงใหล แฝงไว้ด้วยทุกด้านของความเป็นมนุษย์
สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว ฝันเหล่านี้เหมือนชีวิตคนนับไม่ถ้วน หากทะลักไปในสมองทั้งหมด ก็เหมือนเข้าไปในวัฏสงสาร สัมผัสกับชีวิตต่างๆ นานา จะมีความรู้สึกเหมือนผ่านห้วงเวลานับไม่ถ้วน
ถ้าร้ายแรงก็จะสูญเสียตัวตนไป
แต่สำหรับเทพเจ้าแล้ว ความหมายของฝันพวกนี้ต่างไปจากพวกผู้บำเพ็ญ
เทพเจ้าโดยกำเนิดยังดี แต่สำเร็จเทพในภายหลัง ความเป็นมนุษย์ของเหล่าองค์ท่านกับความเป็นเดรัจฉาน และความเป็นเทพมาถึงระดับที่สมดุล หากจุดใดถูกขยายก็จะทำให้เกิดการพังทลายและการเสียความสมดุล


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา