บทที่ 708 เจ้ากล้าทำร้ายพ่อข้า!
วิถีสวรรค์บรรพกาล ในตำนานฝ่ายที่เอาชนะในศึกเซียนและเทพเจ้าได้ตอนนั้น ร่ายวิชาเวทสูงสุด ส่งพวกมันเข้ามายังโลกใบนี้ คอยรับภารกิจสะกดรวมถึงคุ้มครอง
สะกดนภาเจิดจรัส ซ่อนตัวอยู่ในต้องห้าม ปรับเปลี่ยนทุกสิ่งให้เหมาะสมกับการบำเพ็ญ คอยคุ้มครองผู้บำเพ็ญ
พวกมันทุกตนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีตำนานเรื่องเล่าของตัวเอง มีพลังน่าครั่นคร้าม ในตอนนั้นแปรเป็นกฎเกณฑ์ มอบกฎเกณฑ์ให้แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ทำให้ผู้บำเพ็ญลงหลักปักฐานในโลกใบนี้ได้ มีทายาทสืบต่อมา จนกลายเป็นเจ้าของโลกผืนนี้
และหลายปีต่อมา ด้วยการคุ้มครองของวิถีสวรรค์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ก็มีชนเผ่าปรากฏขึ้นเผ่าแล้วเผ่าเล่า หมื่นประชากรหนาแน่นขึ้นอย่างช้าๆ เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง
และจักรพรรดิโบราณทุกองค์ที่รวมต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่งได้ ความจริงแล้วล้วนเป็นตัวตนที่วิถีสวรรค์บรรพกาลยอมรับ
ดังนั้นในบางความหมาย วิถีสวรรค์บรรพกาลทั้งเก้าสิบเก้าตนนี้ ก็คือผู้พิทักษ์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
กาลเวลาผันเปลี่ยนไป ราชวงศ์เปลี่ยนรัชสมัย เผ่าต่างๆ ก็มีการเพิ่มพูนและล่มสลาย มีเพียงวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้งเก้าสิบเก้าตนเท่านั้น ที่ยืนยงคงกระพันธ์ เป็นสักขีพยานให้กับความรุ่งเรืองของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์หลายต่อหลายครั้ง
แน่นอนว่าระหว่างนี้ ก็เกิดเรื่องที่สวรรค์พิโรธอยู่บ้าง
เช่นจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่เคยรวบรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่ง เพราะในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาเกิดสติฟั่นเฟือน พยายามครอบครองวิถีสวรรค์บรรพกาล ทำให้ร่างจริงของวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้งเก้าสิบเก้าตนต้องจุติลงมาสะกดเขา
ดังนั้นราชวงศ์ในสมัยจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลจึงล่มสลาย เผ่าวิญญาณบรรพกาลถูกสาป และตัวจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลก็ต้องชดใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนักหนาสาหัส
ด้วยเหตุนี้จึงมองเห็นวิถีสวรรค์บรรพกาลทุกที่ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
จนกระทั่งการมาถึงของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เสี้ยวหน้าแทนที่วิถีสวรรค์ ในบางระดับ นี่คือการปะทะกันระหว่างเซียนและเทพเจ้าอีกครั้ง
และบทสรุป…แม้วิถีสวรรค์บรรพกาลยังคงอยู่ แต่กลับถูกสะกดและอ่อนแออย่างรุนแรง พลังในอดีตไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้ ทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ตกอยู่ท่ามกลางการรุกรานของไอพลังประหลาดและภัยพิบัติ
เสี้ยวหน้าเทพเจ้าเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง สรรพสิ่งสรรพชีวิตราวกับเพิ่งตื่นจากการจำศีล มีเพียงวิถีสวรรค์บรรพกาลที่ยังดิ้นรน ฝืนทำภารกิจของพวกมันต่อไป แต่ก็หลีกหนีดวงชะตาที่จะถูกรุกรานไม่พ้น
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมหลี่จื้อฮว่าทั้งที่มีความสามารถอัญเชิญวิถีสวรรค์มาได้ แต่กลับสู้จนตัวตาย
วิถีสวรรค์ อ่อนแอลง
แต่วันนี้ต่างออกไป แม้พลังวิถีสวรรค์ทั้งเก้าสิบเก้าตนจะอ่อนแอกว่าตอนที่หลี่จื้อฮว่าอัญเชิญได้ในครั้งนั้น แต่คู่ต่อสู้ของชื่อหมู่ไม่ได้มีหลี่จื้อฮว่าแค่คนเดียว
การเข้าร่วมของเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียน การมาเยือนของเทพชั้นสูงซิงเหยียน อีกทั้งการปรากฏตัวของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล ประกอบกับกับพลังต่อสู้ของหลี่จื้อฮว่า ทำให้ชื่อหมู่ทางนี้ เกิดวิกฤตที่หาได้ยากในชีวิตของนางขึ้นมา
ชื่อหมู่แข็งแกร่งมากจริงๆ มีพลังน่าครั่นคร้าม เคยกลืนกินเทพชั้นสูงสามองค์ และเป็นเทพเจ้าไม่กี่องค์ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่ไม่ซ่อนตัว แต่มักจะปรากฏตัวออกมาบ่อยครั้ง
มีการกลืนกินระหว่างเทพเจ้าด้วยกัน ดังนั้นเทพเจ้าส่วนใหญ่จึงไม่ยอมเปิดเผยร่องรอยของตนเอง เช่นจิ่วโยว เช่นก้างปลา เช่นหลายต่อหลายองค์ที่สวี่ชิงเคยพบมา
มีเพียงชื่อหมู่ ที่อาศัยความแข็งแกร่งของตน เลือกที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปในระดับหนึ่ง
แต่องค์ท่านใช่ว่าไร้เทียมทาน หากเปชิญหน้ากับการร่วมมือกันของเทพเจ้าหลายองค์ สำหรับองค์ท่านแล้วก็ยังอันตราย
เพียงแต่…ด้วยลักษณะเฉพาะของเทพเจ้า ความเป็นไปได้ที่เหล่าองค์ท่านตัดสินใจร่วมมือกันมีอยู่น้อยถึงน้อยมาก
ทว่าวันนี้ โอกาสที่น้อยมากๆ นั้น ปรากฏขึ้นต่อหน้าองค์ท่านแล้ว
เวลานี้ด้วยการล้อมโจมตีของเทพชั้นสูงสององค์ จักรพรรดิโบราณที่ไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์รวมถึงเจ้าเหนือหัวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ชื่อหมู่กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว ดังนั้นวิถีสวรรค์บรรพกาลที่จุติลงมาในช่วงเวลาสำคัญนี้ สำหรับองค์ท่านแล้วเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะ…จำนวนของวิถีสวรรค์ ไม่ถูกต้อง!
ชื่อหมู่พบจุดนี้แล้ว หลี่จื้อฮว่าพบแล้ว เทพชั้นสูงทั้งสององค์ก็พบแล้วเช่นกัน จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลทางนั้นในใจระลอกคลื่นโหมซัดอย่างรุนแรง
เขาเป็นผู้ที่รู้จักผู้บำเพ็ญวิถีสวรรค์บรรพกาลมากที่สุด ดังนั้นในแวบแรก เขาจึงสังเกตเห็นว่าวิถีสวรรค์บรรพกาลมีเกินมาหนึ่งตน!
‘หนึ่งร้อย?’
จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลสงสัย ขณะเดียวกัน วังจันทราบนพื้น เหล่ารัฐทายาทก็ใจสั่นสะท้านกันหมด ในความรู้ความเข้าใจของพวกเขา วิถีสวรรค์บรรพกาลนับตั้งแต่แรกจนมาถึงตอนนี้ควรจะเป็นเก้าสิบเก้าตน
พวกเขามั่นใจมากว่าตนเองไม่ได้จำผิด ทว่าตอนนี้ กลับปรากฏออกมาหนึ่งร้อยตน
และวิถีสวรรค์บรรพกาลที่ปรากฏออกมาหลังสุด มีลักษณะเป็นทารก ผิวเขียวคล้ำ มีตราประทับโบราณประทับอยู่ตามตัวนับไม่ถ้วน บนร่างยังมีหนามแหลมงอกออกมา โดยเฉพาะสองมือที่ราวกับกรงเล็บ ดูแล้วก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา
แต่เห็นได้ชัดว่าตนนี้ยังไม่เติบโต คลานค่อนข้างช้า เหมือนยังจับทิศทางไม่ได้ ไม่อาจทำอย่างวิถีสวรรค์บรรพกาลตนอื่นๆ ที่ตอบสนองการอัญเชิญและกำหนดจุดจุติของหลี่จื้อฮว่าได้อย่างแม่นยำ
ราวกับวิถีสวรรค์บรรพกาลตนนี้ ก่อนหน้านี้ยังหลับใหลอยู่ และเพราะการอัญเชิญของหลื่จื้อหวา จึงกระตุ้นภารกิจในฐานะวิถีสวรรค์บรรพกาลจนตื่นขึ้นมา อยู่ระหว่างสะลึมสะลือ คลานออกมาตามสัญชาตญาณด้วยตาหรี่ปรือ
แต่…มันคลานๆ ไป เนื่องจากจับทิศทางไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ห่างจากตรงนี้มากนัก ทว่าพริบตาต่อมากลับไปปรากฏตัวในมิติที่ไกลออกไป ห่างไกลกับที่นี่อย่างยิ่ง อีกทั้งคลานรุดหน้าไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ย่อท้อ
ภาพนี้ทำให้เหล่ารัฐทายาทงุนงงเล็กน้อย
และเสียงของสวี่ชิงกับนายกอง แม้จะเข้ามาในหูพวกเขา แต่มีคนน้อยนักที่จะคิดเชื่อมโยงกับเหตุเช่นนี้ ถึงอย่างไร…เรื่องที่ลูกชายเป็นวิถีสวรรค์บรรพกาล โอกาสที่จะเชื่อในทันทีนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
ขณะเดียวกัน วิถีสวรรค์บรรพกาลเก้าสิบเก้าตนที่ปรากฏขึ้นในตอนแรก พวกมันเริ่มสะกดแล้ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา