บทที่ 721 ความสุขชั่วนิรันดร์ดุจดั่งเซียน
เขตปกครองผนึกสมุทร ณ จวนเจ้าเขตปกครอง
จวนนี้อยู่ใจกลางเมืองหลวงเขตปกครอง การคุ้มกันหนาแน่นรอบด้าน ไม่ได้มีเพียงผู้ครองกระบี่แต่ยังรวมถึงองครักษ์ผู้บำเพ็ญจากจวนเขตปกครองด้วย หลักๆ มีอยู่สองสถานการณ์
ในวันปกติที่เห็นกันในเมืองหลวงเขตปกครองเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกส่วนหนึ่งอยู่ในโลกมายา ซึ่งมาจากแปดตำหนักใหญ่ กินอาณาเขตกว้างขวาง
สถานการณ์การเคลื่อนไหว เป็นคำสั่งควบคุมของเจ้าเขตปกครอง
และสวี่ชิงตอนนี้ ยืนอยู่บนหอจวนเขตปกครอง คอยสังเกตป้ายคำสั่งในมือ
ป้ายนี้ด้านหนึ่งสลักคำว่าผนึกสมุทร อีกด้านหนึ่งเป็นภาพภูเขาแม่น้ำ นี่คือป้ายเจ้าเขตปกครองของเขตปกครองผนึกสมุทร
ในหอไม่ได้มีเพียงสวี่ชิงคนเดียว โหวเหยาและนายท่านเจ็ดก็อยู่ที่นี่ ทั้งสองคนกำลังเล่นหมากล้อม ส่วนนายกองยืนอยู่ข้างๆ นายท่านเจ็ดอย่างเชื่อฟัง จ้องกระดานหมากล้อม อยู่ในท่าที่พร้อมเอาอกเอาใจอาจารย์ของตนตลอดเวลา
“ป้ายคำสั่งนั่นข้าลบตราประทับของตัวเองทิ้งไปแล้ว เจ้าผสานจิตเทพเข้าไป ก็จะกลายเป็นป้ายเจ้าเขตปกครองที่เป็นของเจ้า”
โหวเหยาหยิบหมากตัวหนึ่งวางลงไป เอ่ยเสียงเรียบ
“สวี่ชิงยังเด็ก โหวเหยาอย่าเพิ่งรีบเกษียณเลย เขตปกครองผนึกสมุทรนี้ยังต้องการพวกเราอยู่” นายท่านเจ็ดยิ้ม ลงหมากหนึ่งตัว
พริบตาที่วางตัวหมากลงไป นายกองที่อยู่ข้างๆ ก็ดวงตาเปล่งประกาย เอ่ยชมเสียงดัง
“วางหมากได้ดีมากเลยขอรับ ท่านอาจารย์นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่ยามหลับฝันข้ายังไม่เคยคิดถึงการเดินหมากเช่นนี้ ยอดเยี่ยม เป็นเลิศ ศิษย์ได้เรียนรู้แล้ว!”
นายท่านเจ็ดถลึงตา แค่นเสียง ทำท่าทางรังเกียจการประจบประแจง แต่ในดวงตาก็เจือแววภาคภูมิใจ มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
โหวเหยาสีหน้าราบเรียบ มองเฉินเอ้อร์หนิวผาดหนึ่ง ไม่ใส่ใจ
และสวี่ชิงยามนี้ ได้ยินคำพูดก่อนหน้านี้ของโหวเหยา ขณะกำลังผสานจิตเทพเข้าไปในป้าย พริบตาต่อมานายท่านเจ็ดก็เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า โหวเหยาก็มองตามไป
สวี่ชิงกับนายกองมองตามไป บนท้องฟ้าราตรีเมฆหมอกตลบอวล ร่างมหาวิหคชิงฉินปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า มาพร้อมกับเสียงแกว๊กๆ อย่างตื่นเต้น สะท้อนก้องไปทั้งทั่วสารทิศ
“ชิงฉินตนนี้…ก่อนสวี่ชิงจะกลับมา หายตัวไปไร้ร่องรอย แต่เมื่อสวี่ชิงกลับมา มันก็บินกลับมาทันที”
นายท่านเจ็ดเบ้ปาก ทางสวี่ชิงก็มองไปยังชิงฉิน แย้มรอยยิ้มออกมา ประสานหมัดไปทางท้องฟ้า แสงประกายกะพริบวาบบนร่าง
เมื่อชิงฉินบนท้องฟ้าเห็นภาพนี้ก็ยิ่งดีใจ เปลงแสงดวงชีพออกมาวูบวาบเช่นกัน เสียงร้องยิ่งกังวาน สุดท้ายบินวนอยู่เหนือเมืองหลวงเขตปกครองสองสามรอบ จากนั้นก็อำพรางกายไปในหมอกเมฆ
จากการอำพรางกายของชิงฉิน ค่ำคืนของเมืองหลวงเขตปกครองก็ค่อยๆ สงบลง โหวเหยาที่อยู่ในหอ วางหมากล้แมลงเบาๆ เอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“เอ้อร์หนิว เจ้าไปเจอเรื่องอะไรที่แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรามาบ้าง”
นายกองได้ยินก็กระแอมไอ
“เรียนท่านโหว สิ่งที่ข้าประสบมาในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราล้วนเป็นเรื่องเล็กๆ เช่นพาอาชิงน้อยไปเดินเล่นบนพระจันทร์สีชาด หรือไม่ก็อัญเชิญเสี้ยวหน้าเทพเจ้าที่แม่สุนัขเลี้ยงออกมาเล่นๆ จากนั้นก็ให้องค์ท่านลืมตาขึ้น มองไปที่ยายเฒ่าชื่อหมู่ แล้วบดขยี้นาง
“ทั้งยังไประลึกความเก่ากับอดีตภรรยาของข้า ได้รู้จักกับสหายดีๆ เล็กน้อยขอรับ”
นายกองใช้น้ำเสียงสบายๆ เล่าเรื่องสะท้านฟ้าสะเทือนดินบางส่วนออกมา
นายท่านเจ็ดได้ยิน ก็หรี่ตาลง ไม่พูดอะไร
ส่วนโหวเหยาหลังจากที่ได้ยิน เห็นได้ชัดว่าหนังตาก็กระตุกอยู่สองสามครั้ง เงียบนิ่งไปเนิ่นนาน เขาแสร้งเอ่ยถามอย่างสงบนิ่ง
“ชื่อหมู่เทพเจ้าเผ่าฟ้าทมิฬ องค์ท่าน…ยังจะฟื้นคืนชีพได้หรือไม่”
นายกองตบอก
“ไม่มีทางขอรับ องค์ท่านถูกทำลายไปจนสิ้นแล้ว นับจากนี้ในบรรดาเทพเจ้า จะไม่มีชื่อหมู่อยู่อีกขอรับ!”
โหวเหยาเงยหน้า มองเฉินเอ้อร์หนิวอย่างพินิจผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงสัมผัสได้ จึงพยักหน้า
“ชื่อหมู่ ดับสูญไปแล้วจริงขอรับ”
มือที่หยิบหมากของโหวเหยา สั่นเล็กน้อย คำพูดของเอ้อร์หนิว หลังจากที่เขาได้ยินในใจยังชั่งใจว่าเป็นความจริงหรือไม่อยู่บ้าง แต่เมื่อสวี่ชิงเอ่ยออกมาก็ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
ตอนนี้ในใจเกิดคลื่นยักษ์น่าครั่นคร้ามโหมขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม เขาไม่รู้ว่าสวี่ชิงกับเฉินเอ้อร์หนิวทำเรื่องที่แทบจะไม่มีทางสำเร็จได้อย่างไร และไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียง
ทุกคนล้วนมีความลับของตัวเอง รู้มากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
และในใจเขา อันที่จริงจะมากน้อยก็มีคำตอบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะชื่อจี้ชาง หรือผู้อาวุโสเก้าที่สวี่ชิงเรียกในสนามรบก่อนหน้านี้ ล้วนทำให้เขาผุดความคิดเชื่อมโยงกันได้
ตอนนี้สูดลมหายใจลึก โหวเหยาพยายามรักษาความสงบนิ่ง ลุกขึ้นยืน
“ดึกมากแล้ว ข้าไม่รบกวนการพบปะลูกศิษย์อาจารย์อย่างพวกท่านดีกว่า”
พูดจบโหวเหยาก็หันหลังค่อยๆ เดินหายลับไปจากจวนเจ้าเขตปกครอง กลับไปยังจวนเหยาของเขา
ที่นี่ เขาหันหน้าไปมองทางทิศของจวนเจ้าเขตปกครอง
‘บ่มเพาะศิษย์เช่นนี้ออกมาได้ ตัวอาจารย์ของพวกเขาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร ศิษย์อาจารย์นี้แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา สำหรับเขตปกครองผนึกสมุทรแล้วก็ถือเป็นเรื่องดี’
โหวเหยาย้อนนึกถึงเรื่องในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราที่ได้ยินเมื่อครู่ ในใจก็กระหน่ำซัดไม่หยุด
‘เรื่องนี้มีบางอย่างที่ยังคาดเดาไม่ได้ น่าจะมีคนผลักดันอยู่เบื้องหลัง ไม่เช่นนั้นไม่มีทางราบรื่นเช่นนี้’
ขณะเดียวกัน ในหอจวนเขตปกครอง ตอนนี้เหลืออยู่เพียงนายท่านเจ็ด สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวสามคน
เมื่อไม่มีคนนอกแล้ว สีหน้านายท่านเจ็ดก็เคร่งขรึม ถลึงตามองเอ้อร์หนิว
“ปีกกล้าขาแข็งแล้วรึ ถ้าเจ้าอยากตายก็เรื่องของเจ้า นี่ยังจะพาศิษย์น้องเล็กไปตายด้วยหรือ”
สวี่ชิงจะช่วยศิษย์พี่ใหญ่พูด นายท่านเจ็ดก็ตัดบท


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา