บทที่ 725 ปัจจุบันวันวานในเขตปกครองนี้
วสันต์มากมวลบุปผา จันทรางามฤดูสารท ลมเย็นพาดพัดผ่านคิมหันต์ หิมะเหมันต์โปรยปราย
ประโยคนี้ เดิมทีเป็นการพรรณนาถึงสิ่งที่งดงามอย่างยิ่ง ทว่าเวลานี้ ภายใต้แสงอาทิตย์นอกกรมราชทัณฑ์กลับไร้ความพิเศษ มีเพียงลักยิ้มของสาวงามในชุดคลุมเรียบง่ายคนนั้น ถึงเป็นทัศนียภาพที่งามที่สุดระหว่างฟ้าดิน
จื่อเสวียนกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
ใบหน้างามแดงระเรื่อเล็กน้อยขณะแย้มยิ้มราวกับดอกโบตั๋นแย้มบาน ส่วนลึกของดวงตามีเปลวไฟอ่อนโยนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น หลังจากมองสวี่ชิงอย่างลึกซึ้ง ก็เดินเยื้องย่างไปด้านหน้า
กระทั่งเดินไปเจ็ดแปดก้าว จู่ๆ จื่อเสวียนก็หันหลังมามองสวี่ชิง
“สวี่ชิง เจ้าลอกเลียนสิ่งผิดๆ มาแล้ว”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ไม่รู้จะกล่าวอะไรชั่วขณะหนึ่ง
เห็นท่าทีของสวี่ชิง แววตาสุกใสราวคลื่นสีมรกตของจื่อเสวียน เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน มุมปากค่อยๆ ยกโค้งขึ้นสวยงามราวพระจันทร์เสี้ยว ความรู้สึกที่แฝงอยู่ในนั้นขับไล่พยับเมฆทั้งหมดออกไป ทำให้สภาพจิตใจเปลี่ยนเป็นแจ่มใส
สภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปเช่นนี้แผ่กระจายไปทั่วร่าง ทำให้ความสง่างามบนร่างจื่อเสวียนกลับมาอีกครั้ง
นั่นเป็นความงามที่ทำให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้านางรู้สึกต่ำต้อยจนไม่กล้าหยามหมิ่น เป็นสภาวะจิตที่ความสุขุมผสานกับความปราดเปรื่อง เป็นเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน
และเป็นจอมเซียนจื่อเสวียนในความทรงจำของสวี่ชิง
“ไยยังยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นเล่า”
จู่ๆ สวี่ชิงก็ใจเต้นเร็วขึ้น ยกเท้าก้าวเดินไปตามสัญชาตญาณ มาอยู่ข้างๆ จื่อเสวียนเงียบๆ ทั้งสองคนเดินไปที่เมืองหลวงเขตปกครองพร้อมกับรอยยิ้มของจื่อเสวียน
ไม่รู้เป็นเพราะสายลมสดชื่นที่มาปะทะหน้า หรือเพราะใจที่พองโต ผมยาวสีดำที่สยายไปด้านหลังร่างงามของจื่อเสวียนบางส่วนคลอเคล้ากับหางม้าของสวี่ชิงจากการเดินไปด้านหน้า พลิ้วไหวไปพร้อมกัน
ยิ่งมีเสียงอ่อนโยนของจื่อเสวียนลอยตามลมมา
“สวี่ชิง ข้าจำชาติก่อนไม่ได้แล้ว แม้จะผ่านเรื่องก่อนหน้านี้มา ก็ยังนึกไม่ออกเท่าไรนัก ข้าจึงไม่รู้ว่าชาติที่แล้วข้าคือบุตรีของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว หรือเป็นไส้ตะเกียงดวงนั้นกันแน่
“หากเลือกได้ ข้าก็หวังว่าจะเป็นอย่างหลัง
“ดังนั้น ทุกอย่างที่พวกเราเห็นก่อนหน้านี้ก็นิยามไว้เช่นนี้แล้วกัน ดีหรือไม่
“และข้าก็สัมผัสได้ ว่าตะเกียงดวงนั้น…อยู่ในที่ที่ไกลจากพวกเรามาก ทิศทางน่าจะเป็นดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์
“ในอนาคต ข้าจะไปรับมันมา”
“ข้าจะช่วยท่าน!” เสียงของสวี่ชิงดังก้องทุ้มต่ำ
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปเช่นนี้ ช่วงครึ่งเดือนต่อมา สวี่ชิงยุ่งวุ่นวายอย่างยิ่ง
ต่อให้มีประสบการณ์ของผู้ครองกระบี่ก่อนหน้านี้ และมีการช่วยเหลือจากนายท่านเจ็ดและโหวเหยา แต่เขตปกครองผนึกสมุทรนั้นใหญ่เกินไป เรื่องที่ต้องทำให้ฐานะเจ้าเขตปกครองมีมากเกินไป สิ่งที่สวี่ชิงต้องเรียนรู้ก็มีมากมาย
ดังนั้นในช่วงครึ่งเดือนนี้ เวลาส่วนใหญ่ของสวี่ชิงล้วนจมอยู่กับการจัดการงานราชการ ทั้งรายงานที่มาจากที่ต่างๆ
ในจวนเขตปกครองตอนนี้ เจ้าวังพิธีการรวมถึงผู้ดูแลที่มาด้วยกัน หลังจากรายงานเสร็จก็ขอตัวจากไป สวี่ชิงยกจอกชาขึ้นจิบ ก็มีผู้ครองกระบี่มาแจ้ง
เจ้าวังอาญาขอพบ
สวี่ชิงจัดระเบียบความคิด เดินออกไปรับด้วยตัวเอง
ภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่าย เจ้าวังอาญาพาสตรีผู้หนึ่งมาด้วย ปรากฏตัวเบื้องหน้าสวี่ชิงด้วยการนำทางของผู้ครองกระบี่
เจ้าวังอาญาในปัจจุบันคืออดีตรองเจ้าวังอาญา นางเป็นหญิงชราที่หน้าตาดาษดื่น นิสัยเด็ดขาด ละเอียดรอบคอบ
สวี่ชิงเคยพบมาก่อน แต่ไม่ได้รู้จักกับอีกฝ่ายนัก แต่ยามได้พบ ในสมองเขาก็อดมีภาพของเจ้าวังอาญาคนนั้นผุดขึ้นมาไม่ได้
อดีตเจ้าวังต่อสู้จนตัวตายไปพร้อมกับเจ้าวังพิธีการ ศพของพวกเขาถูกไป๋เซียวจัวหลอมเป็นหุ่นเชิด หลังผ่านเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงของผนึกสมุทร จิตวิญญาณของหุ่นเชิดทั้งสองก็ถูกปลดปล่อย
พวกเขายอมอยู่ในสภาพหุ่นเชิด เป็นขุมพลังให้แก่เขตปกครองผนึกสมุทร คอยคุ้มครองเขตปกครองผนึกสมุทรต่อไป
สวี่ชิงทอดถอนใจในใจ สีหน้าเคร่งขรึม คารวะเจ้าวังอาญาที่เดินเข้ามา
ต่อให้ตนมีพลังบำเพ็ญแค่สมบัติวิญญาณ แต่ในฐานะเจ้าเขตปกครอง การคารวะครั้งนี้ สำหรับเจ้าวังอาญา เป็นการให้ความเคารพที่พอเหมาะพอควร เมื่อนางเห็นก็รีบเดินมา คารวะให้เช่นกัน
“คารวะเจ้าเขตปกครอง”
“เชิญขอรับ!”
สวี่ชิงเอ่ยอย่างนอบน้อม เดินเข้าไปในตำหนักใหญ่ก่อน ยามที่นั่งลง ก็มีความน่าเกรงขามและความสุขุมแผ่ออกมาจการ่างอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตามีแสงดารา แฝงอำนาจเทพเอาไว้
นี่คือเกียรติของผู้ที่เป็นเจ้าเขตปกครอง
แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีได้ ทว่าบนตัวสวี่ชิง มองเจตนาแอบแฝงไม่ออกมากนัก
เขานั่งอยู่ตรงนั้นได้อย่างกลมกลืนและเหมาะสมอย่างยิ่ง
สวี่ชิงย่อมไม่ได้มีมาแต่กำเนิด ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการเดินทางในแผ่นดินใหญ่ทำให้เขามีความรู้ความเข้าใจรวมถึงได้รับประสบการณ์
น้อยคนนักที่ได้สัมผัสประสบการณ์การอยู่กับเตรียมสู่เทวะทั้งหลาย ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องที่ช่วยพวกเขาไว้ รวมถึงสถานะเจ้าตำหนักขบถจันทร์ การเข้าร่วมศึกบุตรเทวะและการร่วมต่อสู้กับชื่อหมู่เลย
ผู้ที่เคยสังหารเทพเจ้า จะไร้ความสุขุมได้อย่างไร
เจ้าวังพิธีการก็ตกตะลึงอยู่ในใจ ช่วงครึ่งเดือนนี้ นางเพิ่งได้มาพบสวี่ชิงตามลำพังเป็นครั้งแรก เดิมมีการเปลี่ยนใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ทว่าเห็นความสงบนิ่งของสวี่ชิงในยามนี้ นางก็คล้ายครุ่นคิด สะกดความคิดทั้งหมดลงไป เอ่ยรายงานเสียงต่ำทุ้มเกี่ยวกับงานในวังอาญา
สวี่ชิงฟังอย่างตั้งใจ ผ่านไปสักพัก เจ้าวังอาญาก็รายงานจบ สวี่ชิงจึงเข้าใจเจ้าวังอาญากระจ่างยิ่งขึ้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา