บทที่ 728 ตกปลาในเขตปกครองผนึกสมุทร
เสียงนั้นเดี๋ยวสูง เดี๋ยวต่ำ เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า เมื่อประกอบรวมกันแล้วทำให้ประโยคเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
ตัวของมันก็แฝงความแปลกประหลาดไว้จริงๆ!
เมื่อมันแผ่ลามออกไป ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ผืนแผ่นดินคำราม พืชพรรณที่เติบโตนอกพื้นที่ต้องห้ามต่างแหลกสลาย อาณาเขตที่ส่งผลกระทบของมันขยายออกไปมากกว่าเดิม
แม้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะมีผู้คนอาศัยอยู่น้อย เนื่องจากการดำรงอยู่ของพื้นที่ต้องห้าม แต่ไม่เคยขาดแคลนอสูรแมลง
อสูรแมลงที่อาศัยอยู่นอกเขตพื้นที่ต้องห้ามได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ต้องห้าม ได้รับผลกระทบจากไอพลังประหลาดในระดับต่างกัน สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์และแข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนนี้พวกมันเริ่มคลุ้มคลั่ง ภายใต้เสียงพึมพำนั้น
เมื่อมองไป อสูรแมลงทุกชนิดนับไม่ถ้วนต่างโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทุกทิศทาง ล้อมสวี่ชิงไว้ ส่งเสียงร้องระงม แน่นขนัดน่าสยดสยอง
สีหน้าของสวี่ชิงเป็นปกติ สายตากวาดมองอสูรแมลงรอบๆ สัมผัสได้ถึงร่องรอยการถูกควบคุมของพวกมัน นั่นเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของเจ้าเงา
เพียงแต่ตอนนี้ขยายอาณาเขตกว้างขึ้น จำนวนที่ควบคุมได้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือไม่ถูกการผสานเงาจำกัดอีกต่อไป เพียงเปล่งเสียงพึมพำก็ควบคุมได้
‘กลืนกินพื้นที่ต้องห้าม เสียงควบคุม…’ สวี่ชิงหรี่ตามองเงาสีดำที่ขยุกขยิกอยู่บนพื้นดินสีเทาเบื้องหน้า
ขณะที่เวลาไหลผ่านไป เงาสีดำก็เคลื่อนไหวช้าลงมาก ดูเหมือนจะค่อยๆ เสถียรยิ่งขึ้น
รูปร่างของมันก็ค่อยๆ เสถียรเป็นรูปคล้ายกับศีรษะ
ที่หว่างคิ้วของศีรษะนั้น ถึงแม้ว่าจะดำสนิท แต่ก็เห็นเป็นภาพสัญลักษณ์รางๆ
รูปร่างของภาพสัญลักษณ์นี้เหมือนกับพื้นที่ต้องห้ามที่เคยถูกเจ้าเงากลืนกินก่อนหน้านี้ทุกประการ!
‘มันไม่ใช่ภาพสัญลักษณ์ นี้มัน…’
สวี่ชิงใจเต้นตึกตัก สังเกตหว่างคิ้วของเจ้าเงาอย่างละเอียด ไม่นานเขาก็ยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านี้ได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหว่างคิ้วนั้นไม่ใช่ภาพสัญลักษณ์ นั่นเป็นพื้นที่ต้องห้าม
พื้นที่ต้องห้ามที่ถูกเจ้าเงากลืนกิน จะปรากฏขึ้นที่กลางหว่างคิ้วของเจ้าเงา กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างมัน
การค้นพบนี้ทำให้สวี่ชิงประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ม่านตาของเขาหดเล็กลง คือใจกลางพื้นที่ต้องห้ามซึ่งหดเล็กลงหลายต่อหลายเท่านั้น มีต้นไม้ที่มีลักษณะเฉพาะเติบโตอยู่ที่นั่น
นั่นคือรูปร่างแรกที่เจ้าเงาสำแดงออกมา ต้นไม้เงาต้นใหญ่ยักษ์
มีโลงศพว่างเปล่าห้อยลงมาจากต้นไม้ ซึ่งโลงศพนี้เป็นรูปร่างที่สองของเจ้าเงานั่นเอง
ตอนนี้โลงศพกำลังแกว่งไกวราวกับลูกตุ้มนาฬิกาขนาดใหญ่ เจือด้วยเสียงเล็บครูดเนื้อไม้บาดหู ตลอดจนเสียงพึมพำดังก้องจากทุกทิศทาง
“ข้ามืดมิดไร้ตัวไร้ตน กายสั่งจิตหายคลายวิญญาณ ดั่งแสงดาวถือกำเนิด ร่วงหล่น ดับสูญ สรรพสัตว์เอ๋ยจงสดับบัญชา!”
เมื่อสิ้นถ้อยคำสุดท้าย พลังวิญญาณมหาศาลดุจน้ำทะเลก็ปะทุออกมาจากโลงศพ เป้าหมาย…คือสวี่ชิงนั่นเอง!
สีหน้าสวี่ชิงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ยังคงยืนนิ่งจ้องมองเจ้าเงาอย่างเย็นชา ดวงตาทั้งสองดำสนิท พิษต้องห้ามพวยพุ่ง
ส่วนพลังวิญญาณขนาดมหึมาหยุดลงต่อหน้า ลอยคว้างแน่นิ่งห่างออกไปหนึ่งจั้งด้วยสายตาของสวี่ชิง บิดเบี้ยวรอบๆ พยายามดิ้นรน ราวกับเกิดความอาฆาตด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่กล้าพุ่งเข้ามาด้วยสัญชาตญาณนั้น
จนสวี่ชิงแค่นเสียงเย็นออกมา
พลังวิญญาณน่าสะพรึงกลัวนั้นพลันโหมซัด ส่งเสียงครืนครันพุ่งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน กระทบม่านฟ้า ชั้นเมฆรวมตัวกัน เรียงเป็นอักษรตัวใหญ่สามตัว
นายคนดี
ตามมาด้วยอารมณ์ประจบประแจงที่แผ่มาจากเงาดำ
“นาย…เชื่อฟัง…ข้า…”
สวี่ชิงมองเจ้าเงา นับว่าเขามองออกแล่วว่าการที่เจ้าเงาเอ่ยพึมพำนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าอยากพูดอะไรบางอย่างออกมา มักจะเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าการยกระดับพลังจะสวนทางกับความสามารถในการพูด
แต่ในตอนนี้สวี่ชิงคร้านจะทุบตีมัน สิ่งที่เขาเป็นห่วงยิ่งกว่าคือเพลิงเทวะที่เจ้าเงาแสดงออกมาก่อนหน้านี้ต่างหาก
“เพลิงเทวะเล่า”
สวี่ชิงพูดด้วยเสียงราบเรียบ
“เซ่นสรวง!”
ทันทีที่เปล่งคำนี้ออกมา เหล่าอสูรแมลงที่ถูกเจ้าเงาควบคุมก็มารายล้อมรอบกายสวี่ชิงอย่างหนาแน่น ทั้งหมดตัวสั่นเทา ก่อนจะเริ่มกัดกินกันเองอย่างโหดเหี้ยม แต่ละตัวส่งเสียงร้องโหยหวน
ยิ่งมีบางตัวยังกัดกินตัวเอง ส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมานพลางชำแหละตัวเองไปด้วย
แต่การกระทำของพวกมันไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย กลับรุนแรงขึ้น ดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ เพียงสิบอึดใจ อสูรแมลงรอบตัวสวี่ชิงก็ตายตกไปทั้งหมด
ราวกับเป็นการสังเวยตัวเอง!
ภาพนี้ทำให้สีหน้าสวี่ชิงตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน จุดแสงสีน้ำตาลกลับลอยขึ้นมาจากซากอสูรแมลง ลอยไปหาเจ้าเงา
สิ่งที่สวี่ชิงรู้สึกได้จากจุดแสงเหล่านี้ คล้ายคลึงกับพลังของสรรพชีวิตในแดนใหญ่เซ่นจันทรา แต่แก่นแท้ดูเหมือนจะต่างออกไป
เนื่องจากไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แม้จะใช้พลังบำเพ็ญสัมผัสก็ยากจะตรวจพบ มีเพียงสวี่ชิงเท่านั้นที่ตาสองข้างแฝงพิษต้องห้าม จึงทำให้มองเห็นได้
พวกมันรวมตัวกันและก่อตัวเป็นกลุ่มแสงสีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว แต่มีขนาดเท่าเล็บมือ ส่องแสงวูบวาบ บางครั้งขยายตัว บางครั้งหดตัวอย่างรวดเร็ว คล้ายจะไร้ความเสถียรอย่างยิ่ง
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือการปรากฏตัวของมัน ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆหมอกเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องดังก้อง สายฟ้าแลบแปลบปลาบในพริบตา คล้ายจะถูกดึงดูดและแผ่ออกไป
เจ้าเงายิ่งประจบประแจงหนักขึ้น มันเป่าลมใส่กลุ่มแสงสีน้ำตาล ทันใดนั้นกลุ่มแสงก็ลอยมาหยุดตรงหน้าสวี่ชิง
สายอัสนีในท้องนภา หมุนวนตามกลุ่มแสงที่ลอยคว้าง ตรึงมันไว้
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขามองไม่ออกว่ามันคืออะไร แต่เขารับรู้ถึงอันตรายได้โดยสัญชาตญาณ ราวกับเลือดเนื้อทั่วทั้งร่างมีจิตนึกคิดอิสระ กำลังป่าวร้องว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นมหันตภัย
สวี่ชิงมองไปทางเจ้าเงา
เจ้าเงาจำแลงเป็นหางกระดิกไหวๆ แม้แต่ลิ้นสีทมิฬที่แลบออกมาก็สั่นไปด้วย
เหมือนลูกสุนัขที่พยักหน้าหงึกหงักต่อหน้าสวี่ชิง
“นาย…เซ่น…นาย…ดี…เพลิงเทวะ”
สวี่ชิงครุ่นคิด เขาไม่ไว้ใจเจ้าเงา และลางสังหรณ์ที่รับรู้ถึงอันตรายก็ทำให้เขาระแวงกลุ่มแสงนั้น เขาจึงถอยหลังไปหลายก้าว กำลังจะยกมือขึ้น
แต่สวี่ชิงรู้สึกว่ายังปลอดภัยไม่พอ จึงถอยออกไปอีกนับร้อยจั้ง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบกเบาๆ ไปทางกลุ่มแสงนั้น
กลุ่มแสงสีน้ำตาลนั้นลอยไปตามทิศทางของมือนั้น กระทั่งลอยออกไปไกลพอสมควร อัสนีบาตบนท้องฟ้ารวมตัวกันจนถึงจุดหนึ่ง ก่อนจะฟาดผ่าลงมาราวกับระเบิด
ทันใดนั้น สายฟ้านับไม่ถ้วนก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าราวกับห่าฝน พุ่งไปหากลุ่มแสงและโจมตีมันในพริบตา
เสี้ยวขณะที่อัสนีบาตฟาดลงมา กลุ่มแสงที่วูบไหวเป็นทุนเดิมก็ระเบิดทันใด
สายฟ้าแลบแปลบปลาบน่าสะพรึงกลัว ระเบิดออกในห้วงเวหา ยิ่งแฝงความเป็นเทพ กลายเป็นพายุทำลายล้างที่ส่งเสียงครืนครันไปทั่วสารทิศ
ทำลายทุกหนแห่งที่เคลื่อนตัวผ่านไป
พลังแฝงเร้นนั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้พลังบำเพ็ญระดับสวี่ชิงก็ใจสั่นสะท้าน รีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว แต่สายเกินไป ต่อให้เขาระแวดระวังมากพอ และถอยห่างออกไปไกลเพียงใด แต่กลุ่มแสงสีน้ำตาลก็ยังระเบิดอย่างรุนแรง
เสี้ยววินาทีนั้น สวี่ชิงได้รับผลกระทบอย่างจัง พายุที่ก่อตัวจากการระเบิดของกลุ่มแสง โถมเข้ามาหาเขาทันที
ร่างกายของสวี่ชิงเปล่งแสงวูบวาบ สภาวะเทพขั้นแรกก่อตัวขึ้น เขาถอยร่นไปหลายร้อยจั้งถึงจะหักล้างมันได้
เบื้องหน้าของเขา เป็นพื้นที่กว้างเป็นหมื่นจั้ง จากการที่กลุ่มแสงสีน้ำตาลหายไป พายุกำลังสงบลง บนพื้นดินพลันปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้น
สวี่ชิงมองภาพนี้อย่างหวาดผวา ส่วนเจ้าเงาทางนั้น ไม่รู้ว่าจะหลบหนีหลีกเลี่ยงอันตรายอย่างไร ในตอนนี้มันก็มาปรากฏตัวบนพื้นอีกครั้งโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยแผ่คลื่นอารมณ์ประจบประแจงที่แฝงความภาคภูมิใจเอาไว้ให้สวี่ชิง
“สุดยอด…ข้า…เก่ง!”
สวี่ชิงทำหน้าเหยเก
“นี่น่ะหรือเพลิงเทวะ”
เจ้าเงารีบพยักหน้า แต่เห็นสายตาไม่เป็นมิตรของสวี่ชิง มันก็รีบส่ายหัว อยากอธิบายแต่ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ก็เริ่มร้อนรน และสุดท้ายจึงทำได้เพียง…
“ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
“ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
“ตู้ม…”
“เลิกทำเสียงตู้มได้แล้ว!”
น้ำเสียงของสวี่ชิงเย็นเยียบ ฝั่งเจ้าเงาสับสนเล็กน้อย มันไม่รู้ว่าตัวมันยั่วโมโหสวี่ชิงได้อย่างไร จึงน้อยใจ
เมื่อรับรู้ถึงความน้อยใจของเจ้าเงา สวี่ชิงก็ถอนหายใจออกมา ในใจยิ่งคิดถึงบรรพจารย์สำนักวัชระ ในตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าเจ้าเงาพยายามจะอธิบายลักษณะของเพลิงเทวะ จึงเอาแต่ส่งเสียงตู้มต้าม
การระเบิดของกลุ่มแสงสีน้ำตาลเมื่อครู่…ก็มีเสียงตู้มต้ามเหมือนกันไม่ใช่หรือ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา