เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 743

บทที่ 743 เขตปกครองประชาสุขสงบ มีชีวิต

แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มีอาณาเขตกว้างขวางน่าตกตะลึง ในยุคสมัยจักรพรรดิโบราณเคยมีบันทึกไว้ว่ามีแดนใหญ่ทั้งหมดสามร้อยหกสิบห้าแห่ง

ต่อมาได้ประสบเคราะห์ แบ่งแยก การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก รวมถึงการขีดเส้นแบ่งระหว่างชนเผ่าขึ้นใหม่นานับประการ จนตอนนี้เปลี่ยนไปเท่าไรก็ไม่อาจรู้ได้

แต่จากการประเมินของเผ่าบางส่วน แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มีแดนใหญ่สามส่วนที่น่าจะกลายเป็นดินแดนแห่งความตายไปแล้ว สิ่งมีชีวิตในที่แห่งนั้นสูญพันธุ์ไปจนสิ้น

และแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มีแผ่นดินเทวะปรากฏขึ้นมาห้าแห่ง มีสามแห่งที่ตั้งอยู่ในดินแดนแห่งความตาย

เมื่อเป็นเช่นนี้ แดนใหญ่ที่ยังไม่ใช่ดินแดนแห่งความตาย สำหรับผู้บำเพ็ญมากมายแล้ว ก็ยังเป็นสถานที่ที่แม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังยากจะเดินได้ทั่ว

มีเพียงต้องใช้การส่งข้ามขั้นสูง ถึงจะทำให้คนในจำนวนจำกัดเดินทางข้ามแดนใหญ่ได้

แต่การส่งข้ามขั้นสูงข้ามแดนแบบนี้ ด้วยจุดยืนของเผ่าต่างๆ ในแดนใหญ่จึงยากที่จะร่วมมือกัน กระทั่งมีแดนใหญ่มากมายที่สร้างค่ายกลขนาดมโหฬารเช่นนี้ออกมาได้เนื่องจากสาเหตุต่างๆ นานา

มีเพียงเผ่าเดียวกันเท่านั้น ถึงสร้างและใช้ได้อย่างราบรื่น

ดังนั้น การเดินทางข้ามแดนใหญ่โดยใช้พื้นที่เผ่าเดียวเดียวกันจึงค่อนข้างราบรื่น แต่หากเป็นต่างเผ่าอยากจะข้ามแดนก็ยากเย็นแสนเข็ญนัก

ส่วนเผ่ามนุษย์ อาศัยข้อได้เปรียบในอดีต พยายามรักษาเส้นทางโบราณที่ทะลุผ่านแดนใหญ่มากมายเพื่อเชื่อมคลื่นศักดิ์สิทธิ์กับเมืองหลวงจักรพรรดิ ตอนนี้จึงนับว่ายังสามารถใช้การส่งข้ามขั้นสูงนี้ได้

สถานีต่อไป คือแดนใหญ่เอ้าตง

ชื่อนี้มีมาตั้งแต่ยุคสมัยจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ไม่เคยมีการแก้ไข กระทั่งในยุคสมัยที่เก่าแก่ยิ่งกว่านี้ก็เหมือนจะใช้ชื่อนี้อยู่แล้ว ส่วนที่มานั้นก็มีเรื่องเล่าอยู่มากมาย

มีเรื่องเล่าหนึ่งที่ลือกันกว้างขวางที่สุด

นั่นคือแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มีวิถีสวรรค์อยู่ตนหนึ่งชื่อเอ้าตง ตอนยังมีชีวิตเป็นผู้บำเพ็ญ จากนั้นก็สังเวยตนเองเป็นวิถี ปกปักษ์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

เอ้าตงเป็นชื่อของเขา แดนใหญ่แห่งนี้ คือบ้านเกิดของเขา

แต่ปัจจุบัน แดนใหญ่แห่งนี้มีสามเผ่าใหญ่ครอบครอง ทั้งสามเผ่าต่างเชื่อว่าเป็นลูกหลานของเอ้าตง ต่างมีเผ่ามากมายหวังพึ่ง ทำสงครามกันและกันตลอดทั้งปี มองอีกฝ่ายเป็นพวกต่างเผ่าพันธุ์

ดังนั้นในขณะที่ทำสงครามกันไม่หยุด ประชาชนตกทุกข์ได้ยาก สรรพสิ่งโรยรา สรรพชีวิตเผ่าต่างๆ ทำได้เพียงพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างอัดอั้นตันใจ

และด้วยเหตุนี้ เขตปกครองประชาสุขสงบของเผ่ามนุษย์จึงมีเวลาหายใจอยู่ในช่องว่างแคบๆ ของที่แห่งนี้ได้ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าให้แก่ทั้งสามเผ่าด้วย

เพราะสามเผ่าใหญ่นี้มีสมบัติแดนสงคราม

สมบัติแดนสงครามนี้มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือต้องเซ่นสังเวยสายโลหิตของพวกเขาถึงจะใช้การได้ สิทธิ์ก็แบ่งออกเป็นสามส่วน ทั้งสามเผ่าครอบครองกันคนละส่วน

อีกทั้งยังเน้นที่พลังการป้องกันเป็นหลัก สามารถสะกดทุกสิ่งในแดนใหญ่เอ้าตงได้ แต่ยากที่จะขยายออกไปนอกแดน

ทว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

สำหรับเรื่องค่าเช่า แดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิออกหน้าให้ ไม่มีการออกคำสั่งที่ชัดเจน แต่เจ้าเขตปกครองประชาสุขสงบคนปัจจุบันรู้ดี หากอยากให้เขตปกครองประชาสุขสงบอยู่ที่นี่ต่อไปได้ต้องก้มหัวเข้าไว้

ทว่าปรากฏการณ์นี้ หลังจากที่ดวงตะวันแห่งแสงอรุณเผ่ามนุษย์ระเบิดก็เปลี่ยนไป

การผงาดขึ้นของเผ่ามนุษย์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นในดินแดนปิดล้อมด้านนอกอย่างชัดเจนยิ่ง เช่นเขตปกครองประชาสุขสงบ ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ว่านั่นอีกต่อไป ทั้งสามเผ่าใหญ่ก็ยอมรับเรื่องนี้โดยปริยาย

บัดนี้ เขตปกครองประชาสุขสงบในมณฑลตะวันสงบ ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิดแต่เดิม มีแสงของค่ายกลส่องสว่างเจิดจ้าในพริบตา ฟ้าดินสว่างไปทั้งหมดจนรอบๆ สังเกตเห็นได้

ไกลออกไป ผู้บำเพ็ญเขตปกครองประชาสุขสงบเข้าแถวเตรียมต้อนรับ แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึม จดจ้องไปที่ค่ายกล

ใช่ว่าพวกเขาไม่คุ้นเคยกับเขตปกครองผนึกสมุทรอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ถึงกับสนิทชิดเชื้อ ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตปกครองผนึกสมุทรราวกับเป็นพายุที่พัดกวาด แพร่สะพัดไปทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในตอนนี้

ดังนั้นพวกเขาจึงใส่ใจการส่งข้ามของเขตปกครองผนึกสมุทรครั้งนี้เป็นพิเศษ

ท่ามกลางแสงสว่างเปล่งแสงเจิดจ้าอย่างต่อเนื่องประดุจมหาสมุทรที่สาดซัด หลี่อวิ๋นเซิงที่นำผู้ครองกระบี่สามหมื่นตนปรากฏตัวขึ้นในค่ายกล

เสี้ยวขณะที่ปรากฏตัว พวกเขาต่างรู้สึกไม่สบายตัวในระดับที่ต่างกัน มีทั้งรุนแรงและเบาบาง แต่ส่วนใหญ่ควบคุมไว้ได้เป็นอย่างดี ด้วยการจัดการของหลี่อวิ๋นซาน จึงกระจายตัวออกไปจัดขบวนทัพทั่วสารทิศ เฝ้าระวังทุกสิ่งอย่าง

กระทั่งมั่นใจว่าไม่มีปัญหา ร่างเงาของจื่อเสวียนรวมถึงพวกหนิงเหยียนก็ส่งข้ามมาในครั้งที่สอง ร่างเงาที่ปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายก็คือสวี่ชิง

เพิ่งมาถึง สายลมแห้งผากก็พัดมาปะทะใบหน้า

สำหรับสวี่ชิง ไม่ว่าจะทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ เขตปกครองผนึกสมุทร หรือจะแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ล้วนอยู่ติดทะเล ต่อให้ที่เซ่นจันทรา ก็เยือกเย็นมืดมนไปหมด

ดังนั้นเขาที่ชินกับสภาพอากาศชุ่มชื้นไปแล้ว เมื่อมาอยู่ที่เขตปกครองประชาสุขสงบที่นับว่าเป็นพื้นห่างจากมหาสมุทรแห่งนี้ จึงสัมผัสได้อย่างชัดเจนยิ่ง

ส่วนความไม่สบายตัวที่เกิดจากการส่งข้ามขั้นสูง สวี่ชิงไม่รู้สึกถึงมันเลย ร่างเทพเจ้าของเขามองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป

“เขตปกครองประชาสุขสงบ” นายกองอยู่ข้างๆ สวี่ชิง กางแขนทั้งสองข้าง แล้วโอบกอดความว่างเปล่า

“เป็นชื่อที่ดีเสียจริง อาชิงน้อย เจ้าว่าคราวหน้าพวกเราเปลี่ยนชื่อเขาวัวสวรรค์เป็นเขาวัวสุขสงบดีหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าคำว่าสุขสงบนี่น่าเกรงขามยิ่ง”

เห็นท่าทางคึกคักของนายกอง สวี่ชิงก็ครุ่นคิดอย่างตั้งใจครู่หนึ่ง

“ลองดูก็ได้”

เมื่อนายกองได้ยินก็แย้มยิ้มดีใจ หนิงเหยียนที่อยู่ไม่ไหลรีบพยักหน้า กระทั่งตบลงที่หน้าอก

“ไม่มีปัญหาขอรับนายกอง ต่อไปถ้าข้ามีอำนาจมากกว่านี้ แดนใหญ่ทั้งหมดจะมีคำว่าหนิวอยู่!”

นายกองดวงตาเปล่งประกาย ชอบใจอย่างมาก ลากหนิงเหยียนไปคุยรายละเอียด

สวี่ชิงไม่ได้เข้าร่วม เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าราตรี พระจันทร์ของแดนใหญ่นี้ ต่างกับแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์

มันอยู่ห่างมาก รูปร่างก็ไม่ใช่ทรงกลม แต่เป็นสามเหลี่ยม ราวกับเป็นภูเขาแห่งสวรรค์

แสงที่เปล่งออกมาค่อนไปทางสีน้ำเงิน ยามที่สาดส่องลงมาบนพื้นก็เป็นเช่นเดียวกัน

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา