บทที่ 745 จักรพรรดิหลิงเสียพร่างพรายเจิดจรัส
สำหรับองค์หญิงอันไห่สวี่ชิงไม่ค่อยรู้มากเท่าไรนัก แค่เห็นในงานเลี้ยงขององค์ชายเจ็ดเมื่อตอนนั้นเท่านั้น ตลอดเหตุการณ์อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรเท่าไร ทว่าผ่านจากการวิเคราะห์หลังจากนั้นและสถานการณ์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็สามารถมองเห็นถึงความหลักแหลมของนาง
และปฏิกิริยาขององค์ชายเจ็ดในตอนนั้นเหมือนว่าจะค่อนข้างหวาดระแวงองค์หญิงอันไห่
นอกจากนี้จากการแสดงออกของนางกำนัลก็พอจะมองออกว่า อีกฝ่ายไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตัวเกินไป สีหน้า วาจาล้วนในขณะที่ดูสุขุมก็แสดงความเคารพที่เหมาะสมออกมา
ดังนั้นสวี่ชิงมองหนิงเหยียนผาดหนึ่ง
หนิงเหยียนลังเล
นางกำนัลคนนั้นเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากโค้งคารวะหนิงเหยียนและสวี่ชิงก็หันหลังจากไป
มองอีกฝ่ายจากไป หนิงเหยียนถอนหายใจ
“ลูกพี่ แม่นมซุนคนนั้นเป็นสหายสนิทของทั้งมารดาพี่หญิงสามและมารดาพี่ห้า
“ในนี้ความสัมพันธ์ซับซ้อน ข้าอาจจะต้องไปสักหน่อย ลูกพี่ ท่านไปกับข้าได้หรือไม่”
หนิงเหยียนมองสวี่ชิงอย่างลังเล ค่อนข้างกระวนกระวาย
ยิ่งเข้าใกล้แดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ จิตใจของหนิงเหยียนก็ยิ่งตึงเครียด ความรู้สึกลังเลที่อยากกลับแต่ก็ไม่อยากกลับยิ่งชัดเจน
สวี่ชิงคิดๆ การวางค่ายกลยังต้องใช้เวลาอีกหลายวัน จึงมีเวลามากพอ ส่วนหนิงเหยียนทางนี้เอ่ยปากขอออกมาเช่นนี้ ท่าทางในใจคงไม่มั่นใจจริงๆ
สวี่ชิงจึงพยักหน้า
“ไปเถอะ”
หนิงเหยียนได้ยินคำของสวี่ชิงก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที มีสวี่ชิงอยู่ เขารู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจ
ทั้งสองก็ไปจากที่ตั้งค่ายกลส่งข้ามเช่นนี้เอง
จื่อเสวียนต้องร่วมรักษาค่ายกลกับหลี่อวิ๋นซาน จึงไม่ได้ไปด้วย ส่วนนายกองหลายเดือนมานี้ล้วนศึกษาค้นคว้าขนของเจ้าขนมปิ่ง ไม่มีกะจิตกะใจจะไป
จึงมีเพียงสวี่ชิงและหนิงเหยียนเท่านั้น ภายใต้การคุ้มครองของผู้ครองกระบี่จำนวนหนึ่งเหาะเหินไปยังที่พักอาศัยของแม่นมซุน
ตำแหน่งโดยละเอียดไม่จำเป็นต้องระบุ หนิงเหยียนอาศัยสัมผัสระหว่างองค์หญิงหนิงอันไห่ไม่นานก็หาเจอ นั่นเป็นเรือนที่พักราวสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง กินพื้นที่ไปไม่น้อยเลย ในนั้นหมู่มวลบุปชาติสีสันสดใส ยิ่งมีค่ายกลเปิดอยู่ตลอด คอยสกัดกั้นปุยนุ่นสีเทา
เขามอทั้งหมดในนั้นทำขึ้นจากหยก ทั้งยังชักน้ำพุวิญญาณมา ทำให้ทั่วทั้งเรือนพลังวิญญาณเข้มข้น ระดับความเข้มข้นของมันไม่ใช่สิ่งที่สำนักทั่วไปในเขตปกครองผนึกสมุทรเทียบได้เลย
ใจกลางของเรือนแห่งนี้กำลังมีงานเลี้ยงอยู่ ผู้ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานเป็นหญิงชราคนหนึ่ง รอยยิ้มอ่อนโยน เสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราสูงส่ง กำลังพูดคุยหัวเราะกับหญิงสาวสวมชุดชาววังที่อยู่ข้างๆ
ข้างล่างมีโต๊ะตั้งอยู่สองฝั่งต่างมีแขกนั่งอยู่ทั้งนั้นต่างดื่มสุราพูดคุยสังสรรค์ สนุกสนานเพลิดเพลิน ยิ่งมีหญิงรับใช้เดินไปมา คอยเปลี่ยนจานรองเศษกระดูกและนำผลไม้สดมาให้
ตรงกลางมีผู้บำเพ็ญร่างกายเหยียดตรงกำยำเก้าคนกำลังต่อสู้กันอยู่
ระหว่างที่เข้าปะทะกัน วิชาเวทแผ่ระลอก ท่วงท่าไม่ธรรมดา น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
การมาถึงของสวี่ชิงและหนิงเหยียน อาศัยสายสัมพันธ์ของสายเลือด องค์หญิงอันไห่สามารถรับรู้ได้ในทันที เอ่ยอะไรบางอย่างเสียงเบาข้างหูหญิงชรา หญิงชราพยักหน้าเบาๆ
ดังนั้น ทันทีที่สวี่ชิงและหนิงเหยียนเข้ามาใกล้ ยังไม่ทันลอยต่ำลง ค่ายกลของเรือนที่พักก็เปิดออก คลายออกเป็นเส้นทางทางหนึ่ง
หนิงเหยียนสูดลมหายใจลึก มองสวี่ชิงที่อยู่ข้างๆ ในใจสงบมั่นคงขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง เข้าไปในค่ายกลพร้อมสวี่ชิง มาปรากฏตัวข้างในเรือน
การประลองในงานเลี้ยงชะงักไปเล็กน้อย ผู้บำเพ็ญที่กำลังต่อสู้วิชากันต่างหลบไปอย่างนอบน้อม หนิงเหยียนสาวเท้าไปสามสี่ก้าว มาข้างหน้าหญิงชรา ประสานหมัดคารวะ
“คารวะแม่นมซุน”
สายตาของแม่นมซุนจ้องไปที่ร่างของหนิงเหยียน สีหน้าค่อนข้างเย็นชา หลังจากพยักหน้าเล็กน้อยก็ไม่สนใจอีก สำหรับสวี่ชิงทางนี้ยิ่งไม่แม้แต่จะมอง พูดคุยกับองค์หญิงอันไห่ที่อยู่ข้างกายต่อไป
องค์หญิงอันไห่ตอบรับพลางพยักหน้าให้หนิงเหยียนและสวี่ชิง สีหน้าฉายแววขอโทษ
หนิงเหยียนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ เขาชินกับความเย็นชาแบบนี้จากคนอื่นตั้งนานแล้ว ตอนนี้กลับรู้สึกว่าค่อยยังชั่ว เลือกโต๊ะที่อยู่ท้ายๆ แล้วนั่งลง
สวี่ชิงยิ่งไม่สนใจความเย็นชาของคนที่ไม่เกี่ยวกับตน เขาสนใจแค่อีกฝ่ายมีจิตคิดร้ายกับตัวเองหรือไม่เท่านั้น
สีหน้าจึงสงบนิ่ง นั่งลงข้างๆ หนิงเหยียน
งานเลี้ยงดำเนินต่อไป
พวกเขาทั้งสองคนสร้างความสนใจจากคนอื่นๆ มีคนส่งเสียงซุบซิบ มีคนพยักหน้าเล็กน้อย มีคนฉายสีหน้าดูถูก
หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมายเช่นนี้ สวี่ชิงรู้ดีว่าสีหน้าของผู้คนบ้างก็สะท้อนออกมาจากจิตใจจริงๆ แต่หลายครั้ง…เป็นเพียงแค่หน้ากากเท่านั้น
ดังนั้นไม่ว่าคนอื่นจะมีสีหน้าอย่างไร พวกนี้ล้วนไม่สำคัญ
เขายกกาเหล้าข้างหน้าแล้วยกขึ้นดื่ม ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เหล้าที่นี่รสดีกว่าเขตปกครองผนึกสมุทรมาก
ทั้งๆ ที่เป็นเหล้า แต่เมื่อเข้าปากแล้วก็เต็มไปด้วยความหนัก เข้มข้น ทำให้สวี่ชิงมีตัวอักษรผุดขึ้นมาในหัว
ยอดสุราธาราหยก
หลังจากจิบชิมแล้ว สวี่ชิงก็ดื่มลงไปอีกหลายอึก หนิงเหยียนที่อยู่ข้างๆ กะพริบตาปริบๆ เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“ลูกพี่ เมื่อถึงเมืองหลวงแล้ว ข้ารู้ว่ามีโรงสุราอยู่หลายที่ ที่นั่นมีเหล้าดีอยู่บ้าง ถึงตอนนั้นข้าจะหามาให้ท่าน”
สวี่ชิงได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย นั่งอยู่ตรงนั้นค่อยๆ ดื่มด่ำ เขาเตรียมดื่มอย่างนี้ไปจนงานเลี้ยงเลิก
เวลาไหลไปความบันเทิงในงานเลี้ยงมีหลากหลายรูปแบบ รอยยิ้มเสียงหัวเราะไม่ขาด ประเดี๋ยวๆ องค์หญิงอันไห่ก็พูดเรื่องมีความสุขอะไรบางอย่างกับแม่นมซุน ทำให้คนทั้งหลายใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
มีเพียงสวี่ชิงกับหนิงเหนียน ฝ่ายหน้าดื่มด่ำสุราอย่างสุขุม ฝ่ายหลังคอยนั่งอยู่เป็นเพื่อน พบว่าเหล้าหมดแล้วก็รีบเรียกสาวใช้ไปเอามาอีก
ส่วนองค์หญิงอันไห่คล้ายว่าไม่ได้มีจิตคิดร้าย พยายามจะให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมอยู่หลายครั้ง แต่ล้วนล้มเหลว แม่นมซุนคนนั้นแม้จะไม่ถึงกับมีจิตคิดร้าย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไร ยังคงเย็นชาเสียเป็นส่วนมาก
สุดท้ายองค์หญิงอันไห่ติดที่ไม่สามารถมาพูดด้วยตัวเองได้ ทำได้แค่เพียงส่งนางกำนัลข้างกายมาบอก
“ขอโปรดอย่าได้เข้าใจผิด องค์หญิงนั้นหวังดี แม้แม่นมซุนจะออกจากเมืองหลวงแล้ว แต่เส้นสายของนางในเมืองหลวงกว้างขวางมาก ภรรยาชนชั้นสูงผู้มีอำนาจมากมายล้วนแต่เป็นสหายสนิทของนางทั้งนั้น หากนางยอมรับ เช่นนั้นก็จะสามารถช่วยองค์ชายสิบสองลดจิตคิดร้ายที่ซ่อนอยู่ทั้งหลายได้ เดิมองค์หญิงอยากแนะนำองค์ชายหนิงเหยียนกับแม่นมเจ้าค่ะ”
สวี่ชิงพยักหน้า ยกจอกเหล้าไปทางองค์หญิงอันไห่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา