บทที่ 759 มีจื่อเสวียนอยู่ทั้งคน ไม่ต้องตื่นตระหนกไป
เวลาคือยามแรกของวัน ซึ่งเป็นอีกสามชั่วยามต่อจากนี้
การเข้าเฝ้าจักรพรรดิมนุษย์สำหรับเผ่ามนุษย์แล้วถือเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งเผ่ามนุษย์ยังให้ความสำคัญกับพิธีรีตองอย่างยิ่ง สถานการณ์ต่างกัน ก็ต้องพิธีที่ต่างกัน ได้เข้าวังหลวงเข้าเฝ้าจักรพรรดิมนุษย์ยิ่งเป็นเช่นนี้
ดังนั้นพระราชโองการจึงถูกส่งมาพร้อมชุดพิธีการสำหรับสวี่ชิงหนึ่งชุด
ชุดพิธีการนี้มีรูปแบบซับซ้อนอย่างยิ่ง มีลายปักมากมาย มีลายปักมังกรห้ากรงเล็บ ยิ่งมีอักษระลายพร้อย ทั้งเล็กใหญ่หลายร้อยตัวเรียงรายจากศีรษะจรดเท้า หากไม่รู้ว่าต้องสวมใส่อย่างไร ย่อมสวมให้เรียบร้อยได้ยาก
พวกหลี่อวิ๋นซานและข่งเสียงหลง ต่างมองชุดพิธีการตาค้าง
พวกเขารู้ว่าชุดพิธีการควรสวมใส่อย่างไร ได้แต่คิดว่าทุกอย่างช่างดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
แม้แต่นายกองที่เคยมีชีวิตมาหลายชาติ พอเห็นอาภรณ์เหล่านั้นก็เบิกตากว้าง สับสนงุนงงเล็กน้อย แต่เขารู้สึกได้ว่าอาภรณ์เหล่านี้แฝงด้วยแสงล้ำค่า เหนือว่าอาภรณ์ที่โยวจิงเคยสวมใส่ในตอนนั้น
กลิ่นอายเซียนอบอวลอยู่ทั่วอาภรณ์ แสงดำมืดเปล่งออกมา เมื่อรวมเข้าด้วยกันจึงดูเหมือนของวิเศษเวทที่กำลังเคลื่อนไหว
‘อู้ฟู่เสียจริง!’
นายกองแลบเลียริมฝีปากด้วยความอิจฉายิ่ง ในใจคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้น ศักดิ์ศรีของผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่จะต้องเสียหายอย่างหนักแน่
ส่วนหนิงเหยียน ก็ไม่สามารถสวมเสื้อผ้าธรรมดาไปเข้าเฝ้าได้ มีเสื้อผ้าแบบพิเศษสำหรับตัวเอง ขณะเดียวกันเขางุนงงกับชุดพิธีการใหญ่เทอะทะนี่ จึงได้แต่ยืนเกาศรีษะ แล้วโบกมือ
“ข้าก็สวมชุดนี้ไม่เป็นเหมือนกัน หรือจะให้ส่งสื่อเสียงเรียกพี่หญิงสามมาช่วยดีขอรับ”
“ไม่จำเป็น” จื่อเสวียนเอ่ยเรียบๆ
“คนเราพึงมีมารยาท ปัญญาจึงจะแตกฉาน และเข้าเฝ้ายามวสันต์เรียกเฉา ยามสารทเรียกจิ้น อย่างหน้าต้องสวมสีแดงชาด อย่างหลังต้องสวมสีนิล”
“มังกรทองแทนองค์จักรพรรดิ ห้ากรงเล็บคือความสูงส่ง มังกรนิลนั้นคือดินแดน ห้ากรงเล็บคือความสูงส่งเช่นกัน นี่เป็นเครื่องแต่งกายสมัยโบราณสำหรับโหวนภาที่ได้รับมอบหมายให้ไปปกครองดินแดนอื่นๆ
“จากพระราชโองการและชุดพิธีการที่พระราชทานมาให้ก็ไม่ได้ทรงดูหมิ่นดูแคลนพวกเรา เราก็อย่าเสียมารยาท
“ส่วนวิธีการสวมใส่เป็นวิธีการฝึกตนมาแต่โบราณ สอดคล้องกับเคล็ดวิชาห้าวิถีเก้าวัง ประกอบกับการวิวัฒน์ของดาราสวรรค์ มีวิธีการสวมใส่ทั้งสิ้นสี่สิบเก้ารูปแบบไม่ซ้ำกัน ตามแต่โอกาสและพิธีการที่ต่างกัน
“วันนี้เป็นพิธีเข้าเฝ้าจักรพรรดิมนุษย์ สวี่ชิงเป็นตัวแทนแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็ต้องแต่งกายด้วยเครื่องแบบเข้าเฝ้าของผู้ครองดินแดนตามธรรมเนียมโบราณ เนื่องจากสร้างคุณูปการจากการปกครองดินแดน จึงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับจักรพรรดิมนุษย์จะพยักพระพักตร์สามครั้งก่อนจะประทับพระที่นั่ง จากนั้นโหวนภาต้องคำนับยาวเก้าครั้งเป็นการแสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ”
จากการที่จื่อเสวียนสาธยายออกมา หนิงเหยียนรวมถึงนายกอง อีกทั้งพวกหลี่อวิ๋นซานพากันจ้องมองจื่อเสวียนทางนั้น ในใจแต่ละคนไม่ค่อยเข้าใจแต่รู้สึกว่าสุดยอดมาก
ในความคิดของพวกเขา การที่จื่อเสวียนเข้าใจเรื่องเหล่านี้ แม้จะอธิบายได้ว่านางศึกษาตำรามามาก แต่พวกเขายังสังหรณ์ใจว่าไม่น่าจะง่ายดายปานนั้น…
ขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาอยู่ในใจ จื่อเสวียนมองชุดพิธีการสีดำ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นสะบัดเบาๆ อาภรณ์ชิ้นน้อยใหญ่นับร้อยชิ้นพลันปลิวว่อน ลอยวนเหนือร่างสวี่ชิง
สวี่ชิงมองอาภรณ์เหล่านั้น ตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่ค่อยรู้เรื่องมารยาท ขนบโบราณเหล่านี้สักเท่าไร แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกสงบใจ
เพราะ…ในเมืองหลวงจักรพรรดิแห่งนี้ คงมีเพียงไม่กี่ใครที่รู้เรื่องจักรพรรดิโบราณดีกว่าจื่อเสวียน
กระทั่งสวี่ชิงยังคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จื่อเสวียนอาจจะมีส่วนร่วมในการกำหนดรูปแบบชุดพิธีการในตอนนั้นก็ได้
“พวกเจ้าออกไปรอข้างนอกกันก่อน” เสียงของจื่อเสวียนเย็นชา น้ำเสียงของนางในตอนนี้คล้ายจะแฝงด้วยความน่าเกรงขามบางอย่าง พวกหลี่อวิ๋นซานต่างพยักหน้า แล้วออกไปจากตำหนักใหญ่อย่างไม่รู้ตัว
ส่วนนายกองกับหนิงเหยียนที่กลัวจื่อเสวียนเป็นทุนเดิม ก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักภายในตำหนักก็เหลือเพียงสวี่ชิงและจื่อเสวียน
“การสวมชุดพิธีการด้วยตัวเองเป็นเรื่องยาก อาชิง หลับตาซะ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
น้ำเสียงนุ่มนวลของจื่อเสวียน ทำเอาสวี่ชิงที่ได้ยินต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลงแต่โดยดี
ชั่วอึดใจต่อมา เสื้อผ้าบนร่างสวี่ชิงถูกถอดออกตามการโบกมือของจื่อเสวียน ขณะที่สวี่ชิงกำลังตัวสั่นเทานั้นเอง ชุดพิธีการก็ลอยลงมา สวมทับร่างสวี่ชิงทีละชิ้นตามรูปแบบการสอดประสานต่างๆ
ขณะที่สวมเสื้อผ้าให้ เสียงของจื่อเสวียนยังดังก้องในโสตประสาทของสวี่ชิง
“ชุดพิธีการโหวนภา ใช้สีดำเป็นหลัก แสดงให้เห็นถึงความซื่อตรงและชอบทำ เรียกว่าชุดเซวียนตวน เครื่องประดับที่สวมคู่กับชุดเซวียนตวนคือเหว่ยเม่า สมัยก่อนจำเป็นต้องใช้กระดูกของอสูรกลืนนภามาทำเป็นเครื่องประดับศีรษะ
“แต่ตอนนี้อสูรกลืนนภาสูญพันธุ์ไปแล้ว จึงต้องใช้หยกเซียนทมิฬมาแทน เพราะชุดพิธีการเหล่านี้ประกอบด้วยเหว่ยเม่าและชุดเซวียนตวน ดังนั้น ‘เหว่ยตวน’ จึงเป็นชื่อเรียกทางการของชุดพิธีการในสมัยจักรพรรดิโบราณ”
ได้ฟังเสียงของจื่อเสวียน สวี่ชิงก็ยิ่งมั่นใจในการสันนิษฐานของตนมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ว่าอาภรณ์ที่ประกอบร่างไม่หยุดหย่อนอยู่บนตัวเขานั้นดูเหมือนจะมีหลายชิ้น แต่กลับสบายตัวอย่างยิ่ง
กระทั่งพลังบำเพ็ญในกายยังโคจรเร็วขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกปลอดโปล่งโล่งสบายเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ดูเหมือนว่าระเบียบกฎเกณฑ์ก็ได้รับการหนุนนำไม่น้อย
“เรียบร้อยแล้ว ลืมตาได้”
ไม่นาน เสียงจื่อเสวียนก็ดังขึ้น
สวี่ชิงได้ยินก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาของจื่อเสวียนที่อยู่เบื้องหน้า ปรากฏความปลาบปลื้มและชื่นชม


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา