เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 760

บทที่ 760 ความเห็นในราชสำนัก

ยามนี้ เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นพอดี

ใช่ว่าดวงอาทิตย์ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทั้งหมดจะขึ้นทางทิศตะวันออก แต่ในแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก เวลานี้ราวกับเป็นเตาไฟขนาดยักษ์ค่อยๆ ลอยขึ้นมา แผดเผาฟ้าดินจนกลายเป็นสีแดงไปหมด

ฉีกม่านราตรี สาดแสงสะท้อนไปบนรูปสลักมหาจักรพรรดิครองกระบี่ ทำให้เงาของมหาจักรพรรดิทอดยาวลงบนสะพานสายรุ้งจนถึงวังจักรพรรดิ

มองไกลๆ ลานสืบทอดเซียนด้านหน้าตำหนักใหญ่ ในเงามหาจักรพรรดินี้มีควันสีม่วงพวยพุ่งขึ้นมา

ควันหนาลอยคละคลุ้ง ยิ่งมีระฆังขนาดใหญ่ใบหนึ่งลอยคว้างอยู่กลางอากาศเหนือลานในยามที่ทิวากาลผสานกับราตรี

นั่นคือระฆังถามเซียน

ระฆังนี้สร้างในสมัยจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวอยู่มาจนถึงปัจจุบัน มันอยู่ระหว่างหยินหยาง เมื่อที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจะปรากฏตัว และยามตะวันลับฟ้าก็จะหายไป

หน้าที่ของมัน คือการพิสูจน์ความจริงใจ

นับแต่โบราณมา บางครั้งที่คำพูดของขุนนางถูกผู้คนในราชสำนักเคลือบแคลง ก็ต้องเคาะระฆังถามเซียนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมากแล้ว

แต่ในสมัยที่จักรพรรดิโบราณเสวียนจั้นครองราชสมบัติ เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

และตอนนี้ เหล่าขุนนางในชุดดำรวมถึงสวี่ชิง ก็เข้าไปในตำหนักใหญ่ สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาสวี่ชิง คือโถงตำหนักที่ใหญ่โตมโหฬาร

ความยิ่งใหญ่ของตำหนักนี้ จุคนได้นับพัน รอบด้านมีเสาขนาดยักษ์ที่สลักสัตว์มงคลเปนต้นๆ ตั้งเรียงรายคอยค้ำเพดานตำหนักเอาไว้ ยิ่งมีแสงส่องในตำหนักใหญ่ทำให้มองเห็นทุกซอกทำมุม

มองเห็นองครักษ์เกราะทองเป็นกลุ่มๆ สองฝั่งทางเดิน พวกเขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ก้มหน้าเล็กน้อย เป็นการแสดงความเคารพแด่ผู้ที่มาเยือน

ส่วนเบื้องหน้า คือบันไดสูงเก้าขั้น ทุกๆ ขั้นสูงเกือบร้อยจั้ง กว้างสิบจั้ง ไล่ขึ้นไปทีละขั้น จน

ขั้นที่เก้า มีบัลลังก์มังกรที่น่าเกรงขามอยู่

บนบัลลังก์มังกรนั้น ตอนนี้มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่

ทั้งร่างของคนผู้นี้พร่าเลือน มองไม่เห็นรายละเอียด เห็นเพียงว่าอยู่ในชุดคลุมจักรพรรดิสีทองทั้งตัว แผ่พลังอำนาจไร้เทียมทานออกมา

บนศีรษะสวมกวานจักรพรรดิ มีม่านมุกที่ใช้ด้ายเซียนห้าสีร้อยไข่มุกตะวันจันทราทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้านละสิบสองเส้น เป็นสัญลักษณ์ว่าจักรพรรดิเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าความรู้ความเข้าใจ

พระองค์นั่งอยู่ตรงนั้นกลางโถงตำหนัก และเป็นใจกลางแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ ยิ่งเป็นหัวใจสำคัญของมนุษย์ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือดวงชะตา

ดวงชะตาที่มาจากเผ่ามนุษย์ทั้งหมดรวมอยู่บนตัวจักรพรรดิมนุษย์ ด้วยการสนับสนุนนี้ สวี่ชิงมองเพียงผาดเดียว ก็รู้สึกเหมือนถูกพลังอำนาจไร้ที่สิ้นสุดระดับเคลื่อนภูเขาล่มมหาสมุทรสยบกำราบ

ดวงตาทั้งสองปวดร้าวอย่างยิ่ง ความรู้สึกเช่นนี้ ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเหล่ารัฐทายาทที่แดนใหญ่เซ่นจันทรา ก็ไม่ได้รุนแรงเท่า สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับพลังบำเพ็ญ แต่เป็นพลังดวงชะตา

ด้วยดวงชะตานี้ จักรพรรดิมนุษย์เพียงคิด ก็ทำลายล้างฟ้าดินได้

สวี่ชิงก้มหน้าลงเล็กน้อย ในสมองผุดภาพพิธีการเหล่านั้นที่จื่อเสวียนบอกเล่าไว้ก่อนที่จะมา

‘ดินแดนที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวรวมเป็นหนึ่ง นอกจากแผ่นดินของผู้มีชีวิต ยังมีแผ่นดินยมโลกด้วย จึงเลิกนั่งในทิศทางเหนือจรดใต้ เปลี่ยนเป็นนั่งในทิศทางตะวันตกจรดตะวันออก เพื่อบ่งบอกว่าชีวิตและความตายของทุกเผ่า ล้วนอยู่ในกำมือเผ่ามนุษย์

‘นับตั้งแต่นั้น จักรพรรดิมนุษย์จึงนั่งหันหน้าไปทางตะวันออกในการประชุมราชสำนักน้อยใหญ่

‘มหาจักรพรรดิ อ๋องสวรรค์ เจ้าวังทมิฬบนจะไม่เข้าร่วมการประชุมราชสำนักเล็กๆ แต่การประชุมราชสำนักครั้งใหญ่ต้องเข้าร่วม มหาจักรพรรดินั่งอยู่บนบันไดขั้นที่หก อ๋องสวรรค์นั่งอยู่บนบันไดขั้นที่สาม โหวนภานั่งบนบันไดขั้นที่หนึ่ง ส่วนสามอัครมหาเสนาบดีจะยืนโค้งคำนับอยู่ถัดจากบันไดขั้นที่หนึ่ง หันหน้าไปทางตะวันออกเช่นกัน ผู้แทนห้าวังทมิฬบนอยู่ทางทิศเหนือหันไปทางทิศตะวันตก ผู้แทนห้าวังทมิฬล่างอยู่ทางทิศใต้หันไปทางตะวันตก เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์อยู่ทางด้านขวา ข้ารับใช้คนสนิทรวมถึงข้ารับใช้ในวังอยู่ด้านซ้าย”

ขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิด ผู้บำเพ็ญอีกสิบกว่าคนในชุดพิธีการสีดำเหมือนกับเขาที่เข้ามาพร้อมก็ก้าวขึ้นไปอยู่บนบันไดขั้นที่หนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้น หันหน้าไปทางประตูตำหนัก

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ทะยานไปยังบันไดขั้นที่หนึ่งเช่นกัน

การมาถึงของเขา ดึงดูดสายตาของคนอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่เพียงแค่กวาดมอง ไม่นานนักสวี่ชิงก็ปรากฏตัวอยู่บนบันไดขั้นที่หนึ่ง อยู่ในตำแหน่งสุดท้าย

ทันทีที่เหยียบบันไดขั้นที่หนึ่ง ก็มีคนทยอยเข้ามาจากด้านนอกตำหนักใหญ่ ยืนอยู่ในตำแหน่งของตนเองตามขนบ

ทั้งตำหนักใหญ่เงียบสงัด

ส่วนสามอัครมหาเสนาบดีที่อยู่ถัดจากบันไดขั้นที่หนึ่ง สวี่ชิงเห็นแค่คนเดียว เป็นชายชราในชุดพิธีการสีแดง ผมขาวประบ่า ท่าทางผึ่งผาย น่าเกรงขาม ส่วนตำแหน่งของเขา สวี่ชิงไม่ทราบรายละเอียด แต่เดาว่าคนผู้นี้อาจเป็นราชเลขา

จากที่จื่อเสวียนบอก ปกติการประชุมราชสำนัก จะมีราชเลขาคอยกำกับ

ตอนนี้ จากการที่ทุกคนต่างเคร่งขรึมจริงจัง ชายชราในชุดพิธีการสีแดงคนนั้นกวาดตามองทุกคน สุดท้ายก็หันหน้าไปทางทุกคนรวมถึงสวี่ชิงที่บันไดขั้นที่หนึ่ง

ยามที่สายตาของเขามาหยุดอยู่ที่ร่างสวี่ชิงก็ชะงักไปเล็กน้อย หลักๆ ที่มองไม่ใช่รูปร่างหน้าตาของสวี่ชิง แต่เป็นรายละเอียดเครื่องแต่งกายของเขา สายตามีแววประหลาดใจพาดผ่าน

เขาสังเกตเห็นรายละเอียดเสื้อผ้าของสวี่ชิงที่แตกต่างไปจากปกติ ความโบราณและต้นตำรับที่แท้จริงนั้น คนทั่วไปอาจยากจะสังเกตเห็น แต่เขามองผาดเดียวก็เห็นสิ่งผิดปกติ

จากนั้นเขาก็ถอนสายตากลับมา หันไปหาจักรพรรดิมนุษย์บนบันไดขั้นที่เก้า ประสานมือคารวะ

“ฝ่าบาท ตำแหน่งในพิธีการพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ทุกคนในตำหนักใหญ่พากันก้มหน้า จากการประชุมราชสำนักเล็กที่ผ่านมา เวลานี้จักรพรรดิมนุษย์จะยืนขึ้นคำนับให้เหล่าขุนนางเพื่อเป็นการให้เกียรติ พร้อมกันทุกคน ก็นับว่าเสร็จพิธี

แต่ครั้งนี้ มีจุดที่แตกต่างเกิดขึ้น…

จักรพรรดิมนุษย์ค่อยๆ ลุกขึ้นจากบัลลังก์ แรงกดดันทั่วร่างแผ่ปกคลุมไปทั่วทิศ พลังดวงชะตาจากเผ่ามนุษย์ ยิ่งแผ่ซ่านไปในฟ้าดิน

เมฆหมอกด้านนอกปั่นป่วน ขณะที่มังกรทองส่งเสียงคำราม เขาไม่ได้คำนับให้เหล่าขุนนางอย่างที่ผ่านมา แต่หันหน้าไป มองลอดเส้นม่านมุกด้านหน้าไปที่สวี่ชิง พยักพระพักตร์เบาๆ สามครั้ง

“ผู้ครองดินแดนมีความดีความชอบ พระราชทานที่นั่ง!”

เสียงราชเลขาด้านล่างก้องกังวาน เอ่ยแทนจักรพรรดิมนุษย์

บทที่ 760 ความเห็นในราชสำนัก 1

บทที่ 760 ความเห็นในราชสำนัก 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา