บทที่ 776 สหายเต๋าเจ้าหมาสอง เจ้าน่ากลัวเกินไปแล้ว
ระหว่างพูด เห็นได้ชัดว่านายกองสังเกตเห็นสภาวะของสวี่ชิงด้วยวิธีการบางอย่าง ประตูห้องลับที่สวี่ชิงอยู่จึงเปิดออกอย่างเงียบเชียบ
นายกองเดินเข้ามาด้วยสีหน้าภูมิใจ โบกมือขวา
“เป็นอย่างไร อาชิงน้อย วิชามือที่ข้าเปิดประตูห้องลับโดยมีผนึกต้องห้ามและค่ายกลกั้นไว้ มหัศจรรย์ใช่หรือไม่
“ข้าบอกเจ้าให้ ข้าได้กลยุทธ์นี้ตอนรู้จักสหายคนหนึ่งหลังข้ามาเมืองหลวงจักรพรรดิ นางสอนให้ข้า”
สวี่ชิงเงยหน้ามองนายกอง แล้วมองประตูห้องลับ ก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจ ต้องทราบว่านอกจากตัวผนึกต้องห้ามของห้องลับนี้ เขาก็เสริมพลังไปอีกหลายครั้ง
แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าไร้ช่องโหว่ แต่คิดจะเปิดอย่างง่ายดายและไร้สุ้มเสียงเช่นนี้ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
แต่นายกองกลับเปิดได้อย่างสบายๆ เช่นนี้
“นี่มันวิชามืออะไรหรือขอรับ” สวี่ชิงอดถามไม่ได้
ประโยคนี้ทำเอานายกองครึ้มใจ สบายอารมณ์อย่างยิ่ง
“ข้าศิษย์พี่ใหญ่เจ้ามาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิแล้วไม่ได้ออกไปสืบข่าวอย่างเดียว ข้าเปลี่ยนฐานะ คบค้าสหายมากมาย โดยเฉพาะคนนี้ ลึกลับอย่างยิ่ง
“แต่เจ้าก็รู้นิสัยข้า ข้าใช่คนที่รู้จักใครก็ได้เสียที่ไหน ข้าจึงปฏิเสธนาง นางร้อนใจเลยถ่ายทอดกลยุทธ์นี้ให้ข้าเพื่อคบข้าเป็นสหาย
“ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เจ้าฝึกบำเพ็ญเสร็จแล้วใช่หรือไม่ ไปกับข้า”
นายกองกล่าวพลางดึงแขนสวี่ชิงด้วยสีหน้าเปี่ยมความคาดหวัง
สวี่ชิงจนปัญญา ในโลกนี้มีแค่ไม่กี่คนที่เขาปฏิเสธไม่ได้ ศิษย์พี่ใหญ่คือหนึ่งในนั้น
“ท่านจะทำเรื่องใดอีก”
สวี่ชิงลุกขึ้น มองสีท้องฟ้าข้างนอก
“ไปขโมยของอย่างหนึ่งในสำนักยอดจักรพรรดิดารากับข้า” นายกองกล่าวเสียงค่อย ดึงสวี่ชิงทะยานออกไปด้านนอก
สวี่ชิงชะงักฝีเท้า ปฏิเสธ เขาไม่อยากรนหาที่
นายกองเห็นเช่นนี้ กระแอมไอทีหนึ่ง
“เป็นสำนักย่อย ไม่ใช่สำนักหลัก ไม่เป็นไรหรอก ในนั้นแข็งแกร่งที่สุดก็แค่หวนสู่อนัตตา ขอเพียงพวกเราไม่ทำเอิกเกริกดึงดูดความสนใจสำนักหลัก ไปเงียบๆ ไม่เป็นไรหรอก”
สวี่ชิงครุ่นคิด ถึงได้ตกลง
ฟ้าดินมืดมิด เสียงลมหวีดหวิว เงาร่างของสวี่ชิงกับนายกองวาบผ่านบนคลื่นผิวน้ำทะเลสาบนอกจวนหนิงเหยียน
“ข้านัดกับสหายลึกลับผู้นั้นแล้ว คืนนี้จะไปเอาของแดนต้องห้ามในสำนักย่อยของสำนักยอดจักรพรรดิดารา”
นายกองห้อตะบึงไปพลางส่งเสียง พร้อมหยิบหน้ากากอันหนึ่งโยนให้สวี่ชิง
“สวมไว้ นี่เป็นของที่ข้าขโมยจากห้องเก็บสมบัติของตาเฒ่าก่อนพวกเรามาเมืองหลวงจักรพรรดิ ใช้ปิดบังฐานะได้ เจ้าเก็บงำกลิ่นอายสักหน่อย จะไม่มีใครมองใบหน้าจริงของเราออกในเวลาสั้นๆ
“อย่างไรตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ที่มาของสหายผู้นั้นชัดเจน เป็นไปได้มากว่านางจะใช้ข้าปิดบังฐานะ ทั้งยังมีเป้าหมายอื่น แต่ข้าก็ต้องไปแดนต้องห้ามจักรพรรดิดาราสักครั้งเหมือนกัน
“ที่นั่นก็มีของอย่างหนึ่งที่ข้าอยากได้ เกี่ยวโยงกับการใหญ่ในภายหลัง
“แต่ข้าไม่ไว้ใจนาง แต่ข้ามั่นใจว่านางน่าจะเดาฐานะจริงข้าไม่ออก ข้าจึงเรียกอาชิงน้อยมาด้วย เจ้าเป็นกำลังหนุนดูต้นทางให้ข้าอยู่ข้างนอก ถ้าเกิดนางคิดร้ายกับข้า พวกเราก็ฆ่านางให้ตาย!
“อีกอย่าง หลังจากข้าเข้าไปกับนาง ถ้านางออกมาก่อนคนเดียว เจ้าก็ช่วยข้าขวางไว้ ข้ากลัวนางไปก่อนแล้วจะหันมาขายข้า”
ดวงตานายกองฉายแสงเย็น สวี่ชิงได้ยินแล้วพยักหน้า รับหน้ากากมาสวม
วัสดุของหน้ากากนี้พิเศษยิ่ง แนบบนหน้าแล้วไม่รู้สึกอึดอัด แนบเนียนเป็นหนึ่งเดียว
สวี่ชิงลูบหน้ากากบนหน้าแล้วเร่งเดิน กับการช่วยนายกองทำเรื่องเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้ทำครั้งแรก ยามนี้เดินตามไป ในใจพลางขบคิดวิชาสายเซียนต่างวิถี พร้อมกับลองถักทอรูปร่างต่างๆ อยู่ในหัว
‘ตามทฤษฎี ด้วยไหมวิญญาณต้นกำเนิดเทพของข้าตอนนี้ สามารถถักทอสภาวะที่สองได้…
‘แต่ข้ายังไม่อาจควบคุมไหมวิญญาณสายเซียนต่างวิถีได้ลงลึกทุกรายละเอียด เริ่มถักทอแล้วต้องใช้เวลาเล็กน้อย ยากก่อรูปร่างในช่วงสั้นๆ ต้องฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่าถึงจะควบคุมได้สมบูรณ์และปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา
‘แต่ว่า สภาวะแรกก็ง่ายกว่ากันเยอะ ไหมวิญญาณมากพอทำให้ข้าหลอมรวมมันได้ในพริบตา
‘อีกอย่าง ยังเปลี่ยนสภาวะได้ด้วย…’
‘นี่เหมาะให้ข้าปิดบังฐานะตอนทำการบางอย่างในเมืองหลวงจักรพรรดิยิ่งนัก’
สวี่ชิงตริตรอง ถักทอในทะเลความรู้สึกอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายก็เกิดการเปลี่ยนแปลง นายกองข้างๆ สังเกตได้ในทันที มองด้วยความแปลกใจผาดหนึ่ง แต่ยามนี้เขามีเรื่องสำคัญในใจ จึงไม่ได้ถามทันที
ทั้งสองมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยอาศัยรัตติกาลบดบังร่องรอยตลอดทางเช่นนี้ หนึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวงจักรพรรดิ
ที่นี่ไกลจากเขตเมือง เป็นที่ที่มีแต่เทือกเขา ท่ามกลางฟ้าดินมืดมิด ที่นี่ปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะ ขมุกขมัวไปหมด
แต่ท่ามกลางกลุ่มเขามียอดเขาแห่งหนึ่ง คล้ายดูดซับแสงดาวได้ สุกใสด้วยตัวเอง แจ่มชัดอย่างยิ่ง เกล็ดหิมะโดยรอบก็ถูกมันหักเหจนเกิดเป็นสีรุ้ง
ที่นี่ ก็คือทางเข้าสำนักย่อยแห่งหนึ่งของสำนักยอดจักรพรรดิดารา ข้างในต้องมีอีกหนึ่งฟ้าดิน มีมิติเป็นเอกเทศ และที่นี่คือประตูที่เข้าไปในนั้น
“ถึงแล้ว”
นายกองมองทอดไปยังภูเขาวาววามลูกนั้น พริบตาเดียวมาถึงบนตัวเขาทรงหงอนไก่แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง ยอบกายลงตรงนั้น เลียริมฝีปากแล้วหันมองสวี่ชิงด้านหลัง
สวี่ชิงหลับตา กำลังถักทอในทะเลความรู้สึก
กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างแปรเปลี่ยนไปต่อเนื่อง ต่างกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายบนกายสวี่ชิงอีกครั้ง ในที่สุดนายกองอดถามไม่ได้
“อาชิงน้อย เจ้านี่อย่างไร ข้าให้เจ้าเกบงกลิ่นอาย ไม่ได้ให้เจ้าไปเปลี่ยนเช่นนี้ เจ้าทำได้อย่างไร จู่ๆ กลิ่นอายในกายเปลี่ยนไปมากเพียงนี้ โดยเฉพาะตอนนี้เจ้ายังสวมหน้ากาก ทำให้ข้ารู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคย…”
“ช่วงนี้ข้าเรียนวิชาใหม่ขอรับ”
สวี่ชิงลืมตา ไม่ได้อธิบายมากนัก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา