บทที่ 794 ถามระฆัง มิสู้ถามกระบี่
“แต่ฟ้าดินมีวิญญาณ สรรพสิ่งมีเทพ ในเมื่อเทพเจ้ามาเยือนเป็นเรื่องจริง หลอมรวมกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มาเป็นเวลาช้านาน กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มพลังของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เราควรปรับตัวตามสถานการณ์ มองฟ้าดินและสรรพสิ่งที่ถูกเทพเจ้าโจมตีเป็นวัตถุเทพ
“เช่นเดียวกับยาลูกกลอน ผสานวัตถุเทพนี้กับร่างกายตน แทนทุกตำแหน่งทั่วร่าง สร้างกายที่มีคุณสมบัติเทพ ร่างนี้ปรับไปตามยุคสมัย เหมาะกับสภาพแวดล้อม จากนี้ไอพลังประหลาดจะไม่ใช่พิษร้ายอีกต่อไป แต่เป็นตัวช่วยในการฝึกบำเพ็ญเหมือนไอวิญญาณ สายผสานเทพขอวข้าเรียกสิ่งนี้ว่าพลังงานเทพ
“ฝึกบำเพ็ญด้วยวิธีนี้ เผ่ามนุษย์เราจะต้องเกรียงไกรไร้ใดเปรียบแน่นอน ถึงตอนนั้นแม้วิถีเซียนจะถึงทางตัน เหตุใดยังต้องฝืนต่อไป เราได้เดินมาบนวิถีแห่งหลักมหามรรคาของเราแล้ว! แนวคิดและเป้าหมายของสายผสานเทพของข้าคือเผ่ามนุษย์ทุกคนเป็นเทพเจ้า”
เสียงเจ้าสายผสานเทพไม่ทรงพลัง แต่ความหมายแฝงกลับกลายเป็นพายุ ดังกึกก้องครั่นครืนในใจผู้ร่ำเรียนในวังศึกษา
โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของเจ้าสายผสานเทพ ‘ทุกคนเป็นเทพเจ้า’ ทำให้ผู้ร่ำเรียนผสานเทพพากันฮึกเหิม เกิดการเห็นพ้องอย่างชัดเจน
นี่คือแก่นแท้ของสายผสานเทพ และก็เป็นสาเหตุที่สายผสานเทพยิ่งใหญ่เช่นนี้
ยามนี้เจ้าสายผสานเทพเป็นคนกล่าวออกมา น่าเชื่อถือเป็นที่สุด
“เหลวไหล!”
เจ้าสายเซียนต่างวิถีหัวเราะเยาะ เสียงดังไปทั่วสารทิศ
“นับแต่โบราณ เผ่ามนุษย์เราเคยรุ่งโรจน์และเคยตกต่ำ เคยมีอารยธรรมงดงามและเคยประสบเคราะห์จนเกือบล่มสลาย แต่ไม่ว่าอย่างไร เรายืนหยัดเรื่อยมา เรายังคงเป็นเผ่ามนุษย์ คงไว้ซึ่งสายโลหิตสีแดงฉาน
“เจ้าพูดเองกับปากว่าทำเพื่อเผ่ามนุษย์ แต่เส้นทางที่เดินกลับละทิ้งร่างกายของเผ่ามนุษย์ ละทิ้งศักดิ์ศรีของเผ่ามนุษย์ สุดท้ายกลายเป็นตัวประหลาดหัวมังกุท้ายมังกร แทนที่จะบอกว่าทุกคนเป็นเทพ ไม่สู้บอกว่ากลายเป็นบริวารของเทพเจ้าเสียเลยเล่า
“วิธีนี้ของเจ้าคือวิธีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทุกคนเป็นเทพ ทุกคนไม่ใช่มนุษย์”
เจ้าสายเซียนต่างวิถีไม่กลัวการโต้แย้งกับแนวคิดสายอื่นแม้แต่น้อย นี่เป็นความคิดของเขาอยู่แล้ว ยามนี้คำพูดยิ่งยกระดับสูงขึ้น เปี่ยมความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน ทำให้ผู้ร่ำเรียนในวังศึกษาที่เป็นกลางเริ่มหวั่นไหว
กระทั่งสวี่ชิงยังมองเจ้าสายเซียนต่างวิถีหลายครั้ง เขานึกไม่ถึงว่าถ้อยคำของอีกฝ่ายจะเฉียบคมปานนี้
เจ้าสายผสานเทพไม่ได้เอ่ยปาก แต่มองไปทางองค์ชายเจ็ดที่ด้านข้าง
องค์ชายเจ็ดเลิกคิ้ว กล่าวออกมาราบเรียบ
“วิธีของสายเซียนต่างวิถีเจ้าโบราณเกินไป ยึดติดคร่ำครึ ทึ่มทื่อดื้อดึง กอดความรุ่งโรจน์ในอดีตไม่ยอมปล่อย ต่อต้านวิถีใหม่ๆ ทุกอย่าง มีอคติโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายผสานเทพข้า แต่ความเป็นจริงผู้ร่ำเรียนในวังศึกษาต่างรู้แจ้งแก่ใจ พวกเขาตัดสินได้ด้วยตัวเอง
“นี่คือเหตุผลที่ข้าเลือกสายผสานเทพ และก็เป็นเหตุผลที่ผู้ร่ำเรียนผสานเทพทุกคนเลือกสายผสานเทพ”
เมื่อเข้ากล่าวออกมา ผู้ร่ำเรียนสายผสานเทพในวังศึกษาต่างเห็นด้วย พวกเขาคือคนรุ่นใหม่ แม้จะให้ความเคารพวิถีโบราณกับขนบดั้งเดิม แต่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงมากกว่า
ยามนี้กระทั่งผู้ร่ำเรียนคนอื่นที่เป็นกลางยังหดหู่ใจเล็กน้อย แต่ฐานะขององค์ชายเจ็ดทำให้คำพูดเขาเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ เพียงชั่วขณะแสงสว่างของสายผสานเทพจึงเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง
เจ้าสายผสานเทพมองเจ้าสายเซียนต่างวิถี เอ่ยออกมาเรียบๆ
“เจ้าเห็นหรือไม่ นี่ก็คือสาเหตุที่สายเซียนต่างวิถีเจ้าตกต่ำ ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว”
เจ้าสายเซียนต่างวิถีถอนใจหายแผ่วเบา ได้แต่นิ่งเงียบ
หัวข้อแรกของการอภิปราย สายเซียนต่างวิถีไร้ซึ่งขอได้เปรียบใด
เนิ่นนาน เจ้าวังศึกษาที่อยู่กลางอากาศกล่าวหัวข้อที่สอง
“สิ่งใดคือวิถีแห่งเผ่า”
ครั้งนี้คนที่กล่าวก่อนคือฝั่งสายผสานเทพ คนพูดคือศิษย์ตัวแทนสาย
“แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ หมื่นเผ่าเรียงราย มีมากกว่าล้านล้านชีวิต เผ่ามนุษย์เราต้องมองภาพรวม มองทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ผสานวิถีหมื่นเผ่าเป็นวิถีของทั้งเผ่ามนุษย์เรา เอาจุดแข็งแต่ละเผ่ามาขัดเกลาตนเอง รับจุดแข็งทดจุดด้อย จะประสบผลสำเร็จอย่างไม่ธรรมดา
“ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ไม่อาจจมอยู่แต่กับอดีต ในเมื่อต้องเปลี่ยน เช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนให้ถึงที่สุด เช่นนี้จึงจะสามารถรับช่วงบุกเบิกเส้นทางและสร้างสิ่งใหม่บนรากฐานเดิมได้อย่างแท้จริง
“แล้วทุกคนเป็นเทพเจ้าไม่ดีตรงไหน เราจะเป็นเผ่าอันดับหนึ่งในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เราโอบรับทุกสิ่ง เราหลอมรวมทุกอย่าง เมื่อถึงตอนนั้น เราเรียกตัวเองว่าเผ่าเทพได้ด้วยซ้ำ การรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นปึกแผ่นอีกครั้งก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ และสิ่งที่เสี้ยวหน้าบนฟ้านำมาก็จะไม่ใช่ภัยพิบัติอีกต่อไป หากเป็นวาสนากรุณาธิคุณ!
“พวกเจ้าเคยคิดหรือไม่ การมาเยือนของเสี้ยวหน้าเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง แต่เหตุใดจนบัดนี้แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วนี่คือโอกาส หากเราคว้าไว้ เสี้ยวหน้าก็คืออาวุธของเรา”
คำพูดนี้ถ่ายทอดออกมา สั่นสะเทือนจิตใจเหล่าผู้ร่ำเรียนประหนึ่งสายฟ้าตัดผ่านฟ้าดิน
แต่ต้องบอกว่าแม้ผิดไปจากบรรทัดฐานเล็กน้อย แต่ถ้อยคำที่กล่าวนี้ก็ดูสมเหตุสมผลและเปี่ยมด้วยหลักการ ชั่วขณะหนึ่ง ผู้ร่ำเรียนในวังศึกษาต่างตรึกตรอง
ขั้วอำนาจต่างๆ บ้างก็เหยียดหยาม บ้างก็ขบคิด
ด้านจักรพรรดิมนุษย์ จ้องมองสายผสานเทพ นัยน์ตาฉายแววลึกล้ำ
เจ้าสายผสานเทพเงยหน้าขึ้น สบตากับจักรพรรดิมนุษย์ที่ขอบฟ้า คล้ายคำพูดที่ออกจากปากศิษย์ตัวแทนสายผสานเทพโดยอาศัยเสวนาเต๋าครั้งนี้ สำหรับเจ้าสายผสานเทพ ผู้ฟังที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ร่ำเรียน ทั้งไม่ใช่สายเซียนต่างวิถี แต่เป็นคนที่สายตาจับจ้องอยู่ตอนนี้
สวี่ชิงเห็นดังนั้น คล้ายครุ่นคิดบางอย่าง
ส่วนเจ้าสายเซียนต่างวิถี ได้ยินแล้วหัวเราะด้วยโมโห
“เจ้าเด็กโง่ เจ้าคิดว่าวิถีแห่งเผ่าเป็นแค่วิถีของเผ่าเดียวง่ายๆ เช่นนั้นรึ
“ไม่ใช่เลย!”
“วิถีแห่งเผ่าที่ว่าเกิดจากจิตวิญญาณของเผ่าหนึ่ง การสืบสานของเผ่าหนึ่ง แนวคิดของเผ่าหนึ่ง อารยธรรมและเจตจำนงของเผ่าหนึ่งหลอมรวมเข้าด้วยกัน”
พูดถึงตรงนี้ เจ้าสายเซียนต่างวิถีก็ยอมเสี่ยง เขาลุกขึ้นยกมือชี้จักรพรรดิมนุษย์ที่ขอบฟ้า สายตาอยู่ที่ตัวผู้ร่ำเรียนด้านล่าง ตะโกนลั่นด้วยโทสะ
“พวกเจ้าบอกข้าสิ เหตุใดเรียกจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นว่าจักรพรรดิมนุษย์
“จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวในตอนนั้นเป็นจักรพรรดิของหมื่นเผ่า แต่แล้วเหตุใดสมัญญาของพระองค์ก็มีคำว่าจักรพรรดิมนุษย์เหมือนกัน
“เพราะเราคือเผ่ามนุษย์!
“ไม่ว่าในอดีตหรืออนาคต เราล้วนเป็นเผ่ามนุษย์ นี่คือจิตวิญญาณ นี่คือการสืบสาน นี่คือแนวคิด นี่คืออารยธรรม นี่คือเจตจำนง นี่คือการสืบทอดแต่เก่าก่อน
“แต่เสี้ยวหน้าบนฟ้านำความทุกข์ยากไร้ที่สิ้นสุดมาให้เราเผ่ามนุษย์ เป็นศัตรูชั่วชีวิตของเรา หากไปออมชอม จะไม่ผิดต่อชาวเผ่ามากมายที่ตายเพราะกลายพันธุ์ตลอดหลายปีเหล่านั้นได้อย่างไร
“นี่ไม่ใช่วิถีที่ถูกต้อง นี่มันผิดครรลองคลองธรรม!”
น้ำเสียงเขาเจือแววเจ็บแค้นสุดขีด เสียงดังลั่นในวังศึกษา ทำให้เกิดคลื่นในใจผู้ร่ำเรียน โดยเฉพาะสองคำถามเรื่องจักรพรรดิมนุษย์ยิ่งทำให้คนต้องตรึกตรองอย่างตั้งใจ
ทั้งวังศึกษาเงียบสงัดลงมาก
จักรพรรดิมนุษย์หลับตา
เจ้าสายผสานเทพขมวดคิ้วใต้หน้ากาก สายตาหยุดอยู่ที่เจ้าสายเซียนต่างวิถี เขารู้สึกถึงจุดที่รับมือยากของคนต่ำต้อยซึ่งเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาผู้นี้อีกครั้ง
เนิ่นนาน เจ้าวังศึกษาที่อยู่กลางอากาศกล่าวถึงหัวข้อที่สาม
“สิ่งใดคือครรลองคลองธรรม”
ครั้งนี้ฝั่งผสานเทพกำลังจะมีคนเอ่ยปาก แต่เจ้าสายผสานเทพยกมือขึ้น เขามองเจ้าสายเซียนต่างวิถีแล้วเอ่ยเสียงสงบนิ่ง
“ครรลองคลองธรรม คือวิถีดั้งเดิม และเป็นวิถีแห่งความเป็นธรรม
“สายผสานเทพข้าไม่ผิดต่อฟ้าดิน ไม่ผิดต่อเผ่ามนุษย์ แม้ผสานวัตถุเทพ แต่ปฏิบัติตามครรลองคลองธรรมอย่างเคร่งครัด แต่สายเซียนต่างวิถีเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ทำร้ายเผ่าเดียวกัน ดูดวิญญาณฝึกบำเพ็ญ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้
“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน เผ่ามนุษย์ทุกประโยค จิตวิญญาณมนุษย์ทุกคำ ยามนี้ดูแล้วแสร้งจิตใจดีงามถึงที่สุด
“ครรลองคลองธรรม สายเซียนต่างวิถีไม่คู่ควร”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา