เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 806

บทที่ 806 วังเซียนคิมหันต์

ฟ้าดินเงียบสงัดไปหมด

หน้าดวงจันทร์กระจ่างกลางท้องฟ้าสูง เมฆหมอกสามสี่กลุ่มคล้อยผ่าน ความรู้สึกโปร่งเบาเกิดขึ้นตามหมอกที่ขยับเคลื่อน

และถนนสายยาวใต้แสงจันทร์ สีม่วงแผ่ลาม ต้นกำเนิดของมันคือสวี่ชิง ตอนนี้หยุดฝีเท้าลง หันหลังมาจ้องมองผีเสื้อที่อยู่ข้างหลัง

วังเซียนคิมหันต์

สวี่ชิงไม่ได้ยินกลุ่มอำนาจนี้เพียงแค่ครั้งเดียว ครั้งแรกที่ได้ยินคือระหว่างทางมาเมืองหลวง องค์หญิงอันไห่เป็นคนกล่าวถึง

ได้บอกไว้ว่าวังนี้ไม่ได้มีอยู่แค่ในเผ่ามนุษย์เท่านั้น ในหลายๆ เผ่าพันธุ์ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ล้วนมีวังเซียนคิมหันต์ทั้งสิ้น

และความเก่าแก่โบราณของวังนี้ยิ่งสืบย้อนไปถึงในตอนแรกที่สร้างแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ได้

กระทั่งว่าวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้งเก้าสิบเก้าตนของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็เป็นผู้ก่อตั้งวังนี้ เป็นพวกเขาที่กำหนดกฎเกณฑ์ให้โลกใบนี้ ขีดเส้นแบ่งให้กับเทพเจ้า

และพวกเขามาจากสถานที่แห่งหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าพสุธาแดนดิน ซึ่งก็คือโลกเบื้องล่าง

สวี่ชิงสายตาล้ำลึก นานหลังจากนั้น ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างนาบเนิบ

“ทุกหนึ่งพันปีวังเซียนคิมหันต์เผ่ามนุษย์จะมีลูกศิษย์หนึ่งคนที่ท่องเที่ยวพเนจรไปในโลกภายนอก เช่นนั้นลูกศิษย์คนนั้นในยุคนี้เป็นเจ้าใช่หรือไม่”

ผีเสื้อขยับปีก แสงดาวพราวพร่างราวฝุ่นธุลีโปรยปรายออกมาจากร่าง แล้วหายไปในอากาศ เสียงก้องกังวานดังสะท้อนตามมา

“ข้าไม่บอกเจ้า หากเจ้าอยากรู้ล่ะก็ เจ้า…”

สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ ไหมวิญญาณในร่างพุ่งออกมา ซัดโหมไปในตัวผีเสื้อ

เสียงบึ้มดังขึ้น ผีเสื้อแหลกสลาย ทว่าไม่นานก็ก่อร่างขึ้นอีกครั้ง แต่เพียงพริบตาก็ถูกไหมวิญญาณทำลายอีก

หลังจากลงมือซ้ำๆ อยู่หลายสิบครั้ง สวี่ชิงถึงได้หยุดมือ

ผีเสื้อก่อร่างขึ้นอีกครั้ง ลวดลายที่ปีกเหมือนดวงตา คล้ายว่ามองอย่างโมโห จากนั้นก็ส่งเสียงจนปัญญาออกมา

“ยังไม่หายโมโหอีก เจ้าทำเกินไปแล้วนะ หยุดได้แล้ว!

“คำถามเจ้าข้าตอบก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ ข้าก็อยากเดินทางพเนจรข้างนอกเหมือนกัน แต่…เจ้าวังบอกว่าความสามารถของข้ายังไม่พอ เฮ้อ ก็มีเหตุผล ขนาดเจ้าข้ายังสู้ไม่ได้…”

เสียงในตัวผีเสื้อทอดถอนใจ

“เพราะฉะนั้นเจ้าจะไปหรือไม่ ถ้าเจ้าไม่ไปข้าก็จะตามเจ้าไปตลอดแบบนี้ ช่วยไม่ได้ เจ้าวังให้ข้ามาเชิญเจ้า หากข้าทำไม่สำเร็จ ก็ไปไม่ได้หรอก

“เจ้าก็อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก อีกทั้งเจ้ายังไม่รู้สึกอีกหรือ พวกเราสู้กันถึงตอนนี้ค่ายกลไม่เคลื่อนไหวเลย แล้วก็ไม่มีคนมาเหมือนกัน…เจ้าคงรู้ถึงเหตุผลกระมัง

“เพราะข้าเป็นตัวแทนวังเซียนคิมหันต์ และวังคิมหันต์…ไม่ว่าจะอยู่ในเผ่าพันธุ์ใดล้วนไม่เข้าร่วมเรื่องทางโลก พวกเราเป็นเพียงผู้บันทึกประวัติศาสตร์เท่านั้น พวกเราไม่เป็นศัตรูกับผู้อื่น

“ถึงแม้ว่าข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเจ้าวังถึงต้องเชิญเจ้าก็เถอะ

“เจ้าจะไปหรือไม่”

สวี่ชิงฟังแล้วรำคาญนัก เขาพบว่าหลังจากที่สตรีลึกลับผู้นี้แปลงเป็นผีเสื้อแล้ว คล้ายว่ากลายเป็นคนพูดมาก พูดประโยคแล้วประโยคเล่า ไม่รู้จักจบจักสิ้น

แต่ว่าสำหรับวังเซียนคิมหันต์ สวี่ชิงสนใจเป็นอย่างมาก

และในเมืองหลวง หลายฝ่ายจับตาดู สวี่ชิงไม่กังวลว่าไปวังเซียนคิมหันต์แล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต

ดังนั้นหลังจากเงียบนิ่งครู่หนึ่ง เขาก้มหน้ามองไปยังดวงอาทิตย์บรรพกาลที่ผูกไว้กับเอว ในใจยิ่งรู้สึกมั่นคงปลอดภัย

“นำทาง!”

สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ

ผีเสื้อร้องอย่างยินดี แล้วบินไปข้างหน้า เส้นทางสีสันพร่างพราย งดงามเป็นอย่างยิ่ง สร้างเส้นทางแห่งห้วงดาราขึ้นมาเส้นหนึ่ง

สวี่ชิงอยู่ข้างหลัง ก้าวขาตามไป

เดินไปด้านหน้าตลอดทาง มาถึงยังทางเหนือของเมืองหลวง

ขนาดของเมืองหลวงคือวงแหวนชั้นในของดาราจักรพรรดิโบราณ ดังนั้นจึงกว้างขวางมาก

แบ่งส่วนเมืองหลวง

พื้นที่ทางเหนือของเมืองหลวงเทียบกับทิศอื่นๆ ที่เหลือแล้วค่อนข้างเวิ้งว้าง สิ่งก่อสร้างน้อย ในเวลากลางคืนยิ่งทำให้คนรู้สึกเปล่าเปลี่ยว

จนกระทั่งหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผีเสื้อหยุดอยู่กลางท้องฟ้าเหนือที่ราบแห่งหนึ่ง แสงพร่างพรายรวมกับแสงจันทร์ สาดส่องที่นี่นับได้ว่าสว่างไสว

ในแสงมีศาลเจ้าแห่งหนึ่งปรากฏวูบวาบ

รอบๆ ไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่น ตั้งตระหง่านบนพื้นดินอย่างเดียวดาย

ศาลเจ้าเก้าโทรมมาก เต็มไปด้วยความเก่าแก่ตามกาลเวลา และวิธีที่มันดำรงอยู่ก็แปลกประหลาดนัก เหมือนว่าสร้างขึ้นอยู่ระหว่างความจริงกับภาพมายา

และที่ตำแหน่งนี้ สวี่ชิงเคยเดินทางผ่าน เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าที่นี่ไม่มีศาลเจ้า

‘เหมือนกับระฆังถามเซียนอย่างนั้นหรือ’

สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด

“ไม่ต้องเดาแล้ว วังเซียนคิมหันต์ของเผ่าพันธุ์ไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ทั้งมีอยู่และไม่มีอยู่ ในตอนที่เจ้าอยากตามหาก็หาไม่เจอหรอก

“มีเพียงเจ้าวังเซียนคิมหันต์เชื้อเชิญเท่านั้นจึงจะทำให้เจ้ามองเห็น”

ผีเสื้อที่อยู่กลางอากาศ หลังจากส่งเสียงมา ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งเข้าไปในศาลเจ้า ขณะทะลุผ่าน ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และจากการจากไปของมัน ประตูของศาลเจ้าก็ค่อยๆ เปิดออก

ประตูนี้กระดำกระด่าง ร่องรอยของกาลเวลายิ่งแจ่มชัด การผันผ่านห้วงเวลามาเนิ่นนานแผ่ออกมาจากศาลเจ้า มองมัน เหมือนเห็นประวัติศาสตร์

สวี่ชิงหลับตา นาฬิกาแดดในร่างค่อยๆ ขยับ ในยามที่ดวงตาทั้งสองลืมขึ้นมา เขาก็ยังคงเห็นแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายหนึ่งไหลอยู่นอกศาลเจ้า

ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้ยิ่งดูลึกลับ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วโค้งคารวะข้างนอกศาลเจ้า

จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในศาลเจ้า ไม่หยุดยั้งฝีเท้า เดินเข้าไปในศาลทันที

ทันทีที่เดินเข้าไป ศาลเจ้าที่ทรุดโทรมผุพังเหมือนด้านนอกแห่งหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาในดวงตาของสวี่ชิง

ศาลเจ้าแห่งนี้ธรรมดาทั่วไป รูปแบบเหมือนกับศาลเจ้าข้างนอก รอบๆ แผ่ระลอกคลื่น เงียบสงบมาก มีเพียงเสียงของเปลวเทียนที่ลุกไหม้ ดังสะท้อนอย่างแผ่วเบา

ต้นกำเนิดของเสียงคือแท่นบูชาข้างหน้า ตรงนั้นมีเทียนเก้าเล่มวางอยู่ สามเล่มดับไปแล้ว หกเล่มกำลังลุกไหม้ การเปิดออกของประตูทำให้เปลวเทียนไหววูบ แสงไฟทั้งโถงศาลเจ้าจึงมืดหม่นเล็กน้อย

ข้างล่างแท่นบูชามีเบาะรองนั่งที่ถักขึ้นจากหญ้าสามอัน บนนั้นมีรอยสึกกร่อน คล้ายมีคนนั่งขัดสมาธิกราบไหว้อยู่ตรงนั้นเป็นประจำ

ส่วนสิ่งที่บูชาในศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ใช่เทวรูป แต่เป็นภาพโบราณเก้าภาพ

บทที่ 806 วังเซียนคิมหันต์ 1

บทที่ 806 วังเซียนคิมหันต์ 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา