บทที่ 821 ขุนพลนภา
จังหวะที่ร่างแยกของผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์คนนั้นตายไป ในแดนคิมหันต์เขตหกที่อยู่ห่างจากพื้นที่ต้องห้ามที่สวี่ชิงกับนายกองอยู่สามเขต เกิดการฆ่าฟันอย่างรุนแรงขึ้น กำลังดำเนินการถึงช่วงท้าย
คนที่ลงมือ คือผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์สองคน
ร่างของสองคนนี้สูงหลายจั้ง ผมทองตาทอง ทั้งร่างปะทุความศักดิ์สิทธิ์ ด้านบนของแต่ละคนล้วนมีภูเขาต้องห้ามที่แผ่ไอพลังประหลาดเข้มข้นลอยอยู่สามลูก
การปะทะกัน ทำให้เกิดสายลมอัสนีหวีดหวิว ไม่เพียงแต่เสียงที่ส่งลอดไปทั้งสี่ทิศ แต่ยังมีการปะทะกันของกฎเกณฑ์ และรอบๆ ยังมีผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์อีกไม่น้อยกำลังชมอยู่
เวลานี้ จากเสียงร้องเฮอะเสียงหนึ่ง ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์คนหนึ่งที่ต่อสู้ ร่างกายพังทลายลง กระจายเป็นชิ้นๆ ขณะที่เลือดสดสาดไปรอบๆ ศีรษะเขาก็ถูกอีกคนหนึ่งชูขึ้น วางไว้ด้านหน้า
“รู้ๆ อยู่ว่าที่นั่นคือพื้นที่ต้องห้ามที่ข้ากำหนดไว้ แต่ยังกล้ามาเอาภูเขาต้องห้ามไปอีกหรือ”
ผู้ที่สังหาร เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“อวิ๋นฝานจื่อ ร่างแยกนี้ข้ามอบให้เจ้าแล้ว แต่ว่าระหว่างที่ที่เจ้าตรงไปยังภูเขาเทพเจ้า ร่างจริงของข้าจะมาหาเจ้า หวังว่าเจ้าจะรักษาภูเขาต้องห้ามทั้งหมดนี้เอาไว้ให้ดี”
ศีรษะนั้นมองผู้สังหาร ส่งเสียงขรึมต่ำ
ผู้บำเพ็ญที่ถูกเรียกว่าอวิ๋นฝานจื่อสีหน้าเรียบเฉย โบกมือโยนศีรษะนี้ไปอยู่บนภูเขาต้องห้ามกลางอากาศ
จากเสียงครืนครันของตัวภูเขา ก่อเกิดอำนาจน่าเกรงขาม ศีรษะเน่าสลายอย่างรวดเร็ว ท้ายสุดกลายเป็นฝุ่นธุลี แต่ไม่ได้สลายหาย ทว่าแผ่การส่งข้ามออกมา จากนั้นจึงส่งข้ามไปพร้อมกับกายเนื้อที่เป็นชิ้นๆ บนพื้น
อวิ๋นฝานจื่อไม่สนใจ ยกมือขึ้นตะปบ ภูเขาต้องห้ามสามลูกของคนที่ตายไปก็ลอยเข้ามา วนรอบอยู่ด้านบนตัวเขา มองไกลๆ ไอพลังประหลาดที่ภูเขาใหญ่หกลูกสร้างขึ้น เข้มข้นไร้เทียมทาน ก่อตัวเป็นหมอกดำบนท้องฟ้า ดูขนพองสยองเกล้า
คนที่ชมอยู่รอบๆ แต่ละคนล้วนก้มหน้า สำหรับพวกเขาแล้ว การต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์ เผ่าใต้การปกครองไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วม
โดยเฉพาะในช่วงออกล่าครั้งใหญ่ก็เช่นเดียวกัน
และเผ่านภาคิมหันต์ พูดได้ว่าทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานทั้งสิ้น ไม่ว่าจะคนไหน ก็ล้วนมีวิชาที่น่าตกตะลึง นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำไมเผ่าใต้การปกครองหลายปีมานี้ หลังจากที่ก้มหน้าลงต่ำหลายต่อหลายครั้ง ในใจจึงเลือกที่จะยอมศิโรราบให้
ส่วนอวิ๋นฝานจื่อบนท้องฟ้า สายตากวาดมองไปยังแผ่นดินใหญ่
สำหรับเผ่าใต้ปกครองเหล่านั้น เขาไม่สนใจ หลังจากกวาดมอง กำลังจะออกไป แต่ตอนนี้เอง ร่างกายที่กำลังเดินหน้าของเขาจู่ๆ ก็ชะงักลง หันขวับมองไปยังทิศที่ห่างไกล
สีหน้าเขาเองก็เปลี่ยนไปด้วย เขาสัมผัสได้ ว่าร่างแยกของเขาที่ส่งไปยังพื้นที่ต้องห้ามเขตอื่น มีร่างหนึ่งสลายหายไป
ปกติแล้ว ในฐานะเผ่านภาคิมหันต์ ร่างแยกต่อให้ตายไป แต่พลังรากฐานจะถูกส่งกลับมา เหมือนคนที่เขาเพิ่งสังหารไปเมื่อครู่นี้ สุดท้ายเลือดเนื้อทั้งหมดก็จะส่งข้ามออกไป
นี่เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์เข้าใจกันและกันดี ปกติแล้ว นอกจากจะมีหนี้แค้นกันจริงๆ เผ่านี้จะไม่ไปลบพลังรากฐานของอีกฝ่าย อย่างมากก็สะกดข่ม สงวนไว้สำหรับการล่าในแผ่นดินเทวะตอนท้ายสุด จึงจะทุ่มกำลังทั้งหมดอย่างแท้จริง
ในขั้นตอนที่หนึ่ง การเกิดเรื่องอย่างพลังรากฐานร่างแยกสลายไปนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย
“ใครกัน”
อวิ๋นฝานจื่อสายตาเคร่งขรึม ร้องเชอะเย็นชาขึ้นมา ก้าวเดินไปยังทิศที่ร่างแยกตายไป
ขณะเดียวกัน ทิศทางที่เขาตรงไป บนท้องฟ้าที่ห่างออกไปหลายเขต สวี่ชิงกับนายกองกำลังเดินทางต่อ
ระหว่างทาง นายกองสีหน้าดูจะอิจฉาตาร้อน มองสวี่ชิงเป็นระยะ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
สวี่ชิงตอนแรกยังปกติดี แต่พอถูกมองนานๆ เข้า ก็เริ่มรู้สึกจนใจ หยิบส้มออกมาจากถุงเก็บของผลหนึ่งโยนออกไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ กินส้มไหม”
นายกองยกมือรับไปด้วยสัญชาตญาณ แต่พอได้ยินคำนี้ ความอิจฉาในใจก็ระงับไว้ไม่อยู่แล้ว พูดออกมาอย่างหนักแน่นตรงไปตรงมา
“อาชิงน้อย เป็นผู้ชายก็ต้องพึ่งพากำลังของตนเองสิ เอาแต่พึ่งพาหญิงสาวแล้วจะเป็นชายชาตรีได้อย่างไร หน้าตาดีหน่อยมันกินได้อย่างนั้นหรือ”
สวี่ชิงพอได้ยินก็แก้ไขให้ถูกต้อง
“องค์ท่านไม่ใช่หญิงสาว องค์ท่านเป็นเทพชั้นสูง”
นายกองสูดลมหายใจลึก เอ่ยขึ้นอย่างหยามหยัน
“เทพชั้นสูงนี่ยอดนักหรือไร ข้าเองก็เคยขึ้นเทพชั้นสูงด้วยซ้ำ มันก็เท่านั้นล่ะ”
สวี่ชิงพอได้ยินคำติดทะลึ่งนี้ จึงทำได้เพียงเงียบงัน
และอาการอิจฉาของนายกองก็ยังคงอยู่ ดังนั้นระหว่างทางหลังจากนี้ เขาก็ยังพูดคำพูดที่ตะลึงฟ้าสะเทือนดินบางส่วนออกมาอีก…
เป็นเช่นนี้ เวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
แดนในนภาคิมหันต์ ก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของสวี่ชิงและนายกอง
สาเหตุที่เร็วขนาดนี้ เพราะการส่งข้ามของระดับแดน การส่งข้ามเช่นนี้ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญธรรมดาจะใช้งานได้ จำเป็นต้องมีตัวตนฐานะที่พิเศษหน่อย อย่างเช่นคุณสมบัติการล่าครั้งใหญ่
เดิมที จากแผนของนายกอง จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่านี้จึงจะมาถึงแดนใน แต่สวี่ชิงหยิบป้ายตราออกมา…
นี่เป็นจุดเริ่มความอิจฉายิ่งกว่าในภายหลังของนายกอง
กระทั่งตอนนี้มองเห็นแดนในของนภาคิมหันต์แล้ว นายกองที่ร่างกายยังบวมเป่งตุ๊ต๊ะอยู่ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างฝืนๆ ล้วงลูกท้อออกมาผลหนึ่ง กัดลงไปแรงๆ พอจะอ้าปาก จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป มองไปยังท้องฟ้า
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นเช่นกัน สิ่งที่สายตามองเห็น ท้องฟ้าแดนในของเผ่านภาคิมหันต์ กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
แรงกดดันน่าเกรงขามที่น่ากลัว ก็แผ่ซ่านออกมาตามประกายแดง แผ่กว้างไปทั้งแปดทิศ เหมือนที่ปลายทางของสีแดงนี้ มีสิ่งที่ใหญ่โตมโหฬารกำลังเคลื่อนไหวหวีดหวิวบนท้องฟ้า
ครู่ต่อมาสิ่งใหญ่โตมโหฬารนี้ ก็ค่อยๆ สะท้อนยังดวงตาของสวี่ชิงและนายกอง
นั่นเป็นศีรษะของต่างเผ่าลูกหนึ่ง
ผิวหนังสีน้ำตา มีสองเขา ทรงกลมรี บนจมูกมีห่วงคล้องอยู่ห่วงหนึ่ง
ใบหน้ามีเจ็ดตา ในดวงตาที่ดูแห้งแล้ง ยังมองเห็นร่างของผู้บำเพ็ญนั่งขัดสมาธิอยู่
ทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์ พลังน่าตกตะลึง
และความใหญ่โตของศีรษะนี้ ก็ราวกับเป็นเมืองหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้อยู่ไกลมากก็ยังมองเห็น ประกายแดงรอบๆ กำลังแผ่ออกมาจากในศีรษะลูกนี้

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา