บทที่ 825 ครั้งนี้เป็นทูตเทวะของซิงเหยียน
ดินแดนภายในเผ่านภาคิมหันต์ ดินแดนที่แปด
มหกรรมล่าเหยื่อทุกครั้งล้วนเป็นมหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของเผ่านภาคิมหันต์ ไม่ใช่แค่เผ่าที่สวามิภักดิ์ทุกเผ่าเท่านั้นที่เข้าร่วม ผู้บำเพ็ญนอกดินแดนก็มีคนที่มีวาสนาโอกาสเหมาะพอดีได้รับสิทธิ์ เหมือนสวี่ชิงก็เป็นเช่นนี้
ดังนั้นจำนวนผู้เข้าร่วมโดยภาพรวมแล้วไม่แน่นอน
แต่จำนวนของภูเขาต้องห้ามมีจำกัด
ดังนั้นผู้บำเพ็ญมากมายขนาดนั้นเข้าร่วมก็จะทำให้ผู้บำเพ็ญส่วนมากที่อยากได้ภูเขาต้องห้าม ความยากในการผ่านด่านเพิ่มมากขึ้น ในเมื่ออย่างน้อยต้องได้สามภูเขาถึงจะนับว่าตรงกับเงื่อนไขที่เป็นพื้นฐาน
เช่นนี้แล้ว ผู้เข้าร่วมทั้งหมดทำได้แค่แย่งชิงกันเองไม่หยุดเท่านั้น ถึงจะเพิ่มจำนวนภูเขาต้องห้ามของตัวเองไปให้ถึงมาตรฐานพื้นฐานที่จะผ่านด่านได้
แต่มาตรฐานพื้นฐานไม่ใช่สิ่งที่เผ่านภาคิมหันต์อยากได้
สิ่งที่พวกเขาต้องการคือผู้แข็งแกร่ง ดังนั้น เพื่อให้การแย่งชิงเช่นนี้เปลี่ยนมายิ่งดุเดือดขึ้น ภายใต้แผนการการเลี้ยงกู่ของเผ่านภาคิมหันต์ ก็มีเรื่องอย่างที่สวี่ชิงและนายกองได้ยินมา
เปิดพื้นที่ต้องห้ามที่กำหนดให้บางแห่
ในการล่าเหยื่อของด่านแรก จะทยอยมีเผ่าสวามิภักดิ์บางเผ่าและผู้มีอำนาจที่อยู่ภายใต้อำนาจสามกระโจมแห่งอำนาจของเผ่านภาคิมหันต์ จะเปิดพื้นที่ต้องห้ามในดินแดนของตัวเองในเวลาที่กำหนด อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมทุกคนเข้าไป
อีกทั้งไม่สามารถก้าวก่ายการเข่นฆ่าแย่งยิ่งของผู้เข้าร่วมได้ มุ่งเน้นที่การส่งเสริมเป็นหลัก
และพื้นที่ต้องห้ามที่ถูกเปิดออกเหล่านี้เหมือนคลื่นวนเนื้อชุ่มเลือดลูกแล้วลูกเล่า ในดินแดนหลายๆ แห่งของเผ่านภาคิมหันต์ ปรากฏขึ้นไม่หยุด
ใช้เรื่องนี้มาผลักดันด่านแรกของมหกรรมล่าเหยื่ออยู่ตลอด จวบจนกระทั่งคัดเลือกอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะออกมาได้
แต่การเปิดพื้นที่ต้องห้ามเช่นนี้ เนื่องจากสถานที่และเวลาในการเปิดต่างกัน ดังนั้นจึงยากที่จะเกิดการทะลักเข้าไปหลังจากที่เปิดขึ้นของผู้เข้าร่วมทุกคน
ตอนนี้ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนที่แปดก็มีคลื่นวนเนื้อชุ่มเลือดเช่นนี้ ถูกผู้มีอำนาจเผ่านภาคิมหันต์ที่นี่ประกาศเปิดออก
ที่นี่แต่เดิมนั้นถูกผนึกเอาไว้ ภายนอกจะเห็นเกราะแสงทางหนึ่ง ปกคลุมทุกอย่าง ทำให้ที่นี่กลายเป็นดินแดนส่วนตัว
ความใหญ่ของพื้นที่ต้องห้ามที่นี่กินพื้นที่ไปถึงครึ่งมณฑล ไอพลังประหลาดหนาแน่นกลายเป็นหมอก
ในขณะที่พื้นที่กว้างใหญ่ ระดับขั้นของอสูรในนั้นก็สูงมาก อีกทั้งดูจากรูปร่างหน้าตาของมันแล้ว ทั้งพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้เหมือนว่าจะห่างจากขั้นที่ยกระดับเป็นดินแดนต้องห้ามอีกไม่ไกลแล้ว
มองไปไกลๆ พื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้มีป่ามากมาย มีแม่น้ำพิษเยอะแยะ มีหมู่บ้านสิ่งประหลาดเต็มไปหมด มีภูเขาต้องห้ามตั้งตระหง่านฟ้าอยู่ทั่วไป
บนยอดเขาที่สูงที่สุด กลางท้องฟ้า ยิ่งมีวังทองอร่ามพร่างพรายลอยอยู่
นอกวังมีรูปสลักสองรูปตั้งอยู่ บนบัลลังก์มหึมาที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดมีเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง มือข้างหนึ่งยันหน้าผากเอาไว้ กำลังพักผ่อน
คนคนนี้ดูแล้วเป็นชายกลางคน ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายแสงสีทองระยิบระยับ รัศมีอำนาจท่วมท้น ระลอกคลื่นพลังเตรียมสู่เทวะเห็นได้อย่างชัดเจน คล้ายว่าสามารถสยบโลกได้
เขาก็คือผู้ที่ครอบครองพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ หนึ่งในผู้มีอำนาจของเผ่านภาคิมหันต์
การเปิดครั้งนี้เขารับคำสั่งจากตำหนักเทพให้ เปิดพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลตน ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งในรอบนี้ เขาก็ค่อนข้างสนใจอยู่เหมือนกัน
ดังนั้นจึงมาเยือนด้วยตัวเอง คิดอยากจะดูสักหน่อยว่ามีต้นกล้าชั้นยอดมาปรากฏในพื้นที่ต้องห้ามของตนบ้างหรือไม่
นอกจากนี้ก็มีกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้พูดถึงที่ทุกฝ่ายต่างยอมรับบางอย่าง เขาติดที่ความสัมพันธ์ ก็ต้องมาจัดการสักหน่อย
ตอนนี้จากเวลาที่มาถึง ดวงตาทั้งสองของผู้มีอำนาจเผ่านภาคิมหันต์คนนี้ค่อยๆ ลืมขึ้น สูดลมหายใจเบาๆ
การสูดลมหายใจนี้ ฟ้าดินเปลี่ยนสีไปทันใด ลมเมฆหอบทะลัก เกราะแสงสีทองขนาดมหึมาที่ปกคลุมอยู่บนพื้นที่ต้องห้าม พังทลายทันที แตกเป็นเสี่ยงๆ
แล้วแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีทองพุ่งพล่าน พุ่งไปยังวังที่ผู้มีอำนาจเผ่านภาคิมหันต์คนนั้นอยู่จากทั่วทุกสารทิศ
หอบม้วนมาในพริบตา ทะลักเจ้าไปในวัง สูดเข้าไปในปากของเขา
“พื้นที่ต้องห้ามเปิดออกแล้ว เจ้าหนูทั้งหลาย แสดงให้ดีๆ”
ผู้มีอำนาจเผ่านภาคิมหันต์คนนี้เอ่ยราบเรียบ เสียงราวอัสนีสวรรค์ ดังก้องไปทั่วทุกสารทิศ
จากเสียงที่ดังก้อง เสี้ยวขณะต่อมา รอบๆ พื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ เงาร่างของอัจฉริยะเผ่าต่างๆ ในเผ่านภาคิมหันต์ก็ทยอยปรากฏขึ้น แต่ละคนต่างสำแดงความเร็วทั้งหมด พุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็ว
จากทิศทางที่ต่างกัน พุ่งเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม
เพียงพริบตา การแย่งชิงอันดุเดือด ในพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ก็เปิดฉากขึ้น
ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการเข่นฆ่า แย่งชิง ความตาย เรื่องราวต่างๆ นานา คนนอกล้วนไม่สามารถก้าวก่ายได้ ผู้มีอำนาจเผ่านภาคิมหันต์คนนั้นก็ทำได้แค่เหมือนดูละครอยู่ในวังเท่านั้น
และไม่นานนัก ก็มีความตายเกิดขึ้น
ในเมื่อไม่ใช่ทุกคนที่จะเลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังภูเขาต้องห้ามในทันที เพราะโจมตีสังหารซึ่งกันและกันก็สามารถได้ภูเขาต้องห้ามมาเช่นกัน และล่าคนอื่น ย่อมง่ายกว่าไปแย่งกับคนกลุ่มหนึ่ง
แต่ว่าระลอกคลื่นทั้งหมดล้วนซ่อนอยู่ในพื้นที่ต้องห้าม มองจากโลกภายนอกแล้ว พื้นที่ต้องห้ามเหมือนหลุมดำ กลืนกินทุกสิ่ง ไม่มีเสียงและระลอกคลื่นใดๆ แผ่ออกมาทั้งสิ้น
เงียบสงัดไปทั้งแถบ
เวลาหมุนผ่านไป ไม่นานนักก็ผ่านไปเจ็ดวัน ทุกวันล้วนมีผู้เข้าร่วมมหกรรมล่าเหยื่อเดินทางมา มีคนหายไปในพื้นที่ต้องห้าม และมีคนเลือกที่จะจากไป
แต่ว่าสิ่งที่แปลกประหลาดคือ จำนวนของภูเขาต้องห้ามในนั้นกลับไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงอะไร
“ค่อนข้างน่าเบื่อ”
ในวังพื้นที่ต้องห้าม ชนชั้นสูงที่ดูละครคนนั้นหาวขึ้นมา ส่ายหน้า
ในขณะเดียวกัน ทันทีที่ชนชั้นสูงเผ่านภาคิมหันต์คนนี้รู้สึกว่าละครไม่สนุุกเอาเสียเลย บนท้องฟ้าที่ห่างไปจากพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ร้อยลี้ เงาร่างของสวี่ชิงและนายกองกำลังพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาตลอดทางไม่หยุดพักเลย ในที่สุดเจ็ดวันให้หลัง ก็เข้าใกล้พื้นที่เป้าหมาย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา