บทที่ 833 ข้ารอเขามาลากรถ
หลายวันหลังจากนั้น
ดินแดนภายในที่ห้าเผ่านภาคิมหันต์ ดวงอาทิตย์ร้อนแรงแผดเผา
แสงแดดเจิดจ้าสาดทอมาบนทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ที่นี่กว้างใหญ่แต่ไกลกันดาร เนินทรายทอดตัวสลับซับซ้อนเป็นทิวแถว เม็ดทรายประดุจคลื่นทอดตัวไปจนถึงปลายขอบฟ้า ประดุจสันหลังของมังกรยักษ์ที่หลับไหล
คลื่นความร้อนพวยพุ่งแผ่ลามไปทั่วทุกทิศ แผดเผาทุกสิ่งร้อนระอุ อากาศตลบอวลไปด้วยไอความร้อน ทำให้คนหายใจไม่ออก
ที่ไกลพายุทะเลทรายขอบม้วนที่ปลายขอบฟ้า ลมพายุคลั่งพัดอื้ออึง สุดปลายสายตาคล้ายว่าเป็นภาพมายาอันเป็นนิรันดร์ ซ่อนความหวังที่ยากจะจับต้องเอาไว้ แต่ที่มีมากกว่านั้น…คือความตาย
เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ ในพายุที่ปลายขอบฟ้า คนที่ไร้ซึ่งชีวิต
ราชรถที่มีขนาดถึงพันจั้งคันหนึ่ง เป็นสีแดงไปทั้งคัน พุ่งทะยานออกมาจากในพายุทะเลทราย
ราชรถคันนี้คล้ายหัวมังกรขนาดมหึมาหัวหนึ่ง และยังมีกระดูกสันหลังที่เชื่อมติดกับส่วนหัว ราวมังกรยมโลกกำลังลอยล่อง
นี่เป็นพาหนะที่สร้างขึ้นจากกระดูกมังกรตัวหนึ่งจริงๆ กระดูกทุกชุ่น ล้วนสลักตราประทับเอาไว้ถี่ยิบมากมาย เกิดเป็นกลิ่นอายน่าหวาดกลัว
และบนราชรถมังกรก็มีภูเขาต้องห้ามสามร้อยกว่าลูกลอยอยู่ ยิ่งใหญ่อลังการ รัศมีอำนาจน่าครั่นคร้าม
ส่วนในกระดูก ท่ามกลางการตบแต่งอย่างหรูหรามีคนนอนตะแคงคนหนึ่ง
นั่นเป็นเด็กหนุ่มเผ่านภาคิมหันต์คนหนึ่ง
สวมชุดคลุมยาวสีขาวทั้งร่างปักไว้ด้วยลวดลายสีทอง แผ่กลิ่นอายสูงส่ง แต่ทุกอย่างเมื่อเทียบกับตัวของเด็กหนุ่มแล้วคล้ายว่าจะเป็นเพียงแค่สิ่งขับเน้นเท่านั้น
ใบหน้าที่งดงามล้ำเลิศ ดวงตาทั้งสองราวดวงดารา ทั้งยังมีสันจมูกที่สูงโด่ง ตลอดจนกลิ่นอายที่แถมมาจากทั่วทั้งร่าง ล้วนแสดงออกมาถึงความสูงส่งของฐานะเด็กหนุ่มคนนี้
คล้ายว่าในที่ที่เขาอยู่ ไม่ใช่แค่เผ่าที่สวามิภักดิ์ เท่านั้นที่ต้องคุกเข่า แม้แต่ผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์จำนวนมากเองก็ต้องก้มศีรษะเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเผ่าอื่นๆ นอกจากเผ่านภาคิมหันต์พวกนั้นเลย
และตอนนี้สีหน้าของเขาผ่อนคลายสบายๆ ยันศีรษะด้วยมือข้างเดียว ในมือถือแผ่นหยกแผ่นหนึ่งเล่น มุมปากยกโค้งเป็นวง ในดวงตาฉายประกายสนอกสนใจกลุ่มหนึ่งออกมา
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า เอ่ยเสียงราบเรียบ
“ความเร็วช้าไปหน่อยแล้ว”
ข้างหน้าราชรถมังกรคันนี้เป็นโซ่เหล็กสีดำหลายร้อยเส้น มีเปลวไฟเผาไหม้วิญญาณและกายเนื้อลุกไหม้อยู่บนโซ่ อีกทั้งทุกเส้นล้วนถูกดึงจนเป็นเส้นตรง
สุดปลายโซ่…เป็นผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์หลายร้อยคน!
ผู้บำเพ็ญเหล่านี้แต่ละคนล้วนเสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าตาผอมซูบ ในดวงตาแฝงไว้ด้วยรอยความรู้สึกอัปยศ แต่กลับทำได้แค่อดกลั้น ไปลากราชรถมังกรที่อยู่ข้างหลัง
ในกลุ่มคนคนที่อยู่ข้างหน้าสุด ร่างสูงใหญ่กว่าคนอื่น ชุดคลุมยาวสีเหลืองแต่เดิมตอนนี้ขาดวิ่น มุมปากมีรอยเลือด แต่สายตากลับฉายแววยืนหยัด กัดฟันลากโซ่ที่อยู่บนร่าง ให้ขยับเคลื่อนไปข้างหน้าภายใต้การลากของพวกเขา ราชรถมังกรก็พุ่งออกมาจากในพายุ อยู่ในฟ้าดินแห่งนี้ ภายใต้เปลวเพลิงร้อนแรงนี้ เคลื่อนไปข้างหน้าในฟ้าดิน
หากมีขุนนางในเมืองหลวงเผ่ามนุษย์อยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็จะจำได้ทันทีว่า เผ่ามนุษย์ที่ลากรถเหล่านี้เป็นกลุ่มคณะทูตเผ่ามนุษย์ที่เดินทางมาในเผ่านภาคิมหันต์ครั้งนี้
คนที่ร่างสูงใหญ่ อยู่ข้างหน้าสุด ก็คือ…องค์ชายใหญ่เผ่ามนุษย์นั่นเอง
“กู่เยวี่ยจงฮุย ความเร็วของเจ้าช้าไปนิดแล้ว”
เด็กหนุ่มในกระดูกมังกรเสียงดังก็ ไม่รีบไม่ร้อน แต่กลับฉายความเย็นชาออกมา
“ความเร็วเช่นนี้เจ้าจะลากรถของข้าไปถึงภูเขาเทพได้เมื่อใดกัน”
“แม้ข้าจะรับปากเจ้าเรื่องที่เกี่ยวกับเผ่ามนุษย์ ขอเพียงพวกเจ้าลากรถของข้าไปตลอดทางจนถึงภูเขาเทพ เช่นนั้นข้าก็จะขอให้เสด็จพ่อของข้าออกเสียงให้พวกเจ้า ช่วยพวกเจ้าพูดสักหน่อย”
“แต่ความเร็วระดับนี้ ข้าไม่พอใจ”
เผ่ามนุษย์หลายร้อยคนที่ลากรถอยู่ข้างหน้าแต่ละคนล้วนก้มศีรษะ ความอัปยศ และความรู้สึกจนปัญญาในใจยิ่งรุนแรง ส่วนองค์ชายใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าสุด เขาไม่ได้พูดอะไร
หลังจากเงียบไปหลายอึดใจ องค์ชายใหญ่ก็พลันทะยานไปข้างหน้า ปล่อยให้โซ่เหล็กที่อยู่บนไหล่รัดเข้าไปในเลือดเนื้อ ยกระดับความเร็วขึ้นอีกครั้ง
คนอื่นๆ ก็ต่างกัดฟัน ออกแรงไปพร้อมกัน ดังนั้นความเร็วของราชรถมังกรจึงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
แต่เห็นได้ชัดว่าความทรมานที่โซ่นำมาและพลังกดดันจากราชรถมังกร ทำให้ยิ่งเร็วการทำร้ายก็ยิ่งมีมาก แต่พวกเขาที่ลากรถ ไม่มีอำนาจในการเลือก
จากที่ไกลๆ ราชรถมังกรพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ทะลุผ่านทะเลทราย
ความร้อนยิ่งระอุรุนแรง อุณหภูมิสูงแผดเผาบนล่างของพวกองค์ชายใหญ่ คล้ายว่าเผาไหม้ ศักดิ์ศรีทั้งหมดได้
“นี่สิถึงจะถูก”
เด็กหนุ่มยิ้ม
“เจ้าต้องรู้เอาไว้ นับจากที่เจ้าทิ้งฐานะเผ่ามนุษย์ในพริบตานั้น เผ่ามารดาของเจ้าก็ทอดทิ้งเจ้าแล้ว ทั่วทั้งในเผ่านภาคิมหันต์ ก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่สนใจในตัวเจ้า ถึงได้ให้โอกาสนี้กับเจ้า”
“ดังนั้น กู่เยวี่ยจงฮุย เจ้าจะต้องรักษาโอกาสนี้ไว้ให้ดี”
เผ่ามนุษย์เงียบนิ่ง องค์ชายใหญ่เงียบนิ่ง
เด็กหนุ่มพูดพลางหมุนแผ่นหยกที่อยู่ในมือไปรอบระหว่างนิ้วรอบหนึ่ง
“นอกจากนี้ได้ยินมาว่าเผ่ามนุษย์ของเจ้ามีคนผู้หนึ่ง ในพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งของดินแดนภายในที่แปด ได้สังหารผู้เข้าร่วมไปไม่น้อย วิธีการเหมือนจะโหดเหี้ยมมาก”
“ในนั้นมีหลายคนเป็นคนของข้า”
องค์ชายใหญ่อึ้งตะลึง คนอื่นก็อึ้งตะลึงไปด้วย พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้
บนใบหน้าของเด็กหนุ่มฉายรอยยิ้ม ยกมือขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นโซ่ข้างหน้าราชรถมังกร ก็ปรากฏขึ้นมาอีกหลายร้อยเส้น ประดุจแส้ต่างทำการโบกสะบัดและฟาดลงมาเอง
เสียงกรีดหวีดดังขึ้น โซ่เหล็กเหล่านั้นต่างฟาดไปบนร่างของเผ่ามนุษย์ที่ลากรถ คนจำนวนไม่น้อยกระอักเลือดออกมา องค์ชายใหญ่ทางนั้นแบกรับมากที่สุด
“ไม่เป็นไรคนๆ นี้ฆ่าไปเท่าไหร่ ข้าก็ฟาดพวกเจ้าพันเท่า”
“แบบนี้สิถึงจะสนุก”
เสียงแส้สะบัดฟาดดังก้อง ส่วนราชรถมังกรก็ยังเคลื่อนหน้าต่อไป พุ่งทะลวงไปตลอดทางเช่นนี้เอง หลังจากที่ออกมาจากทะเลทรายแห่งนี้แล้ว จากพื้นที่สีเขียวที่ฉายเข้ามาในดวงตา ก็มีเงาร่างผู้บำเพ็ญจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า
จากที่ไกลๆ หลังจากที่เห็นราชรถมังกรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเผ่าที่สวามิภักดิ์ หรือจะเป็นเผ่านภาคิมหันต์เองต่างสังเกตเห็นภาพฉากนี้ หากไม่คุกเข่าหมอบคารวะ ก็ก้มศีรษะโค้งตัว
รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าเด็กหนุ่มเช่นเดิม ปล่อยให้ราชรถมังกรพุ่งผ่านไปข้างหน้าผู้ที่เคารพคารวะเหล่านั้นไป ปากก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
“กู่เยวี่ยจงฮุย เจ้าว่าเผ่ามนุษย์คนนั้นของพวกเจ้าหลังจากที่รู้ว่าเจ้าลากรถให้ข้า จะมาหาเจ้าหรือไม่”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา