เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 839

บทที่ 839 เกียรติศักดิ์ศรีแลกสันติภาพมาไม่ได้

“เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย!”

สวี่ชิงในดวงตาฉายประกายเย็นเยือก การลงมือหลายครั้งของเขาก่อนหน้านี้ รัฐทายาทหมิงหนานอ๋องฟื้นคืนชีพครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขานึกถึงศีรษะและสิงโตหิน

ดังนั้นเขาจึงบีบคั้นไม่หยุด เป้าหมายก็เพื่อให้อีกฝ่ายหมดสิ้นหนทาง ปะทุพลังทั้งหมดในครั้งเดียว

เพราะ…คำอวยพรของเทพเจ้า ก็คือสาเหตุการตายและฟื้นคืนชีพของรัฐทายาทหมิงหนานอ๋อง!

ในมุมหนึ่งแล้วก็เหมือนกับนักโทษในติงหนึ่งสามสอง ภายใต้อิทธิพลของเทพเจ้าเป็นอมตะไม่ตายไม่สูญสลาย

และหากอยากจะฆ่ารัฐทายาทหมิงหนานอ๋องก็จะต้องทำลายการอวยพรเช่นนี้

“เทพชั้นสูงรื่อเหยียน”

นอกห้องขังติงหนึ่งสามสอง พวกองค์ชายใหญ่และเผ่ามนุษย์จำนวนหนึ่งต่างสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล ลมหายใจหอบถี่

นายกองทางนั้นในดวงตากลับฉายแววเกลียดชังและไม่เป็นมิตร หรี่ดวงตาทั้งสองลง จ้องดวงตายักษ์ที่ปรากฏออกมาตอนนี้บนท้องฟ้า

ท้องฟ้าแยกออกเป็นรอยแยกขนาดมหึมาทางหนึ่ง แสงทองมหาศาลสาดออกมาจากรอยแยกนั้น ลำแสงแต่ละทางสาดไปบนเมฆหมอก กระทบลงมาบนพื้นแผ่นดิน

เมฆหมอกแหลกสลายไปในทันที ไม่กล้าดำรงอยู่

หินหนืดบนผืนแผ่นดินแข็งตัวในทันที ไม่กล้าเดือดพล่าน

กฎเกณฑ์ทุกอย่างอยู่ที่นี่ล้วนถูกลบไปจนหมดสิ้น กฎเกณฑ์ทุกอย่างอยู่ที่นี่ล้วนกลายเป็นมายา

ต่อหน้าเทพเจ้าไม่มีกฎเกณฑ์

มีเพียงในรอยแยกที่ลืมขึ้นมาบนท้องฟ้า ในแสงทองที่ไม่อาจจ้องมองตรงนั้นมีดวงตาเย็นชาปรากฏออกมา ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ สงบนิ่ง อยู่สูงส่ง

เหมือนว่าทุกอย่างภายใต้สายตาคู่นี้ล้วนเป็นฝุ่นธุลีทั้งสิ้น

พลังไอพลังประหลาดล้นฟ้าดิน เวลาและมิติล้วนเกิดรอยสอดประสาน สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนคล้ายว่ากำลังก่อร่างขึ้นแล้วก็ดับสลายไปในทันที ความเป็นไปได้ทุกอย่างเหมือนว่าเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และสูญสลายไปในเสี้ยวพริบตา

ไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่มีการเริ่มขึ้นและไม่มีการดับลง

และภายใต้สายตานี้ พื้นที่ต้องห้าม…เริ่มปรากฏขึ้น

เถาวัลย์สีแดงที่ลุกไหม้แต่ละเส้น เติบโตขึ้นมาจากในหินหนืดที่แข็งตัว ขณะที่ส่ายไหวไปมา บนนั้นก็มีใบหน้าของคนทั้งหลายปรากฏขึ้น ส่งเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวด พื้นที่ขยายออกไปไม่หยุด

ยิ่งมีภูเขาแม่น้ำปรากฏขึ้นเป็นระลอกขึ้นลงในนั้น

ในระดับหนึ่งแล้วก็มีความคล้ายกับพลังของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า เพียงแต่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าแค่ลืมตาขึ้น พื้นที่ต้องห้ามจะต้องปรากฏออกมา นี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่อาจขัดขืน

และเทพชั้นสูงรื่อเหยียนในตอนนี้ ภายใต้การจ้องมองขององค์ท่าน พื้นที่ต้องห้ามแม้จะมีเค้าโครงขึ้นมา แต่กลับไม่มีรากฐาน คล้ายว่าเมื่อสายตาหายไป ก็จะสลายตามไปด้วย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การจ้องมาของสายตานี้สั่นคลอนซึ่งทุกสิ่ง และส่งอิทธิพลต่อทุกอย่าง

พวกองค์ชายใหญ่ในร่างเกิดการกลายพันธุ์ เสียงร้องครวญครางปะทุขึ้นในร่าง ความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏออกมาบนใบหน้าอย่างไม่อาจควบคุมได้

นายกองทางนั้นคล้ายว่ากำลังควบคุมอย่างสุดความสามารถ ปล่อยให้ร่างกายแสดงสัญญาณของการหลอมละลายออกมา

ร่างของสวี่ชิงก็ได้รับอิทธิพลเช่นกัน รางเลือนไปภายใต้สายตาของเทพเจ้า เลือดเนื้อทั้งหมดในร่างกายเขาล้วนแผ่ความเป็นอิสระออกมา คล้ายว่าจะแยกออกไป

ยิ่งมีติ่งเนื้อมหาศาลงอกออกมาจากร่างของสภาวะเทพของเขาแผ่ยืดออกไปข้างนอก

ติงหนึ่งสามสองก็พังทลายไปในสายตานี้เช่นกัน ถูกเถาวัลย์สีแดงเหล่านั้นพันรัด

นิ้วเทพเจ้าสั่นสะท้าน ห้องคุกทั้งห้องรางเลือนไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า รัฐทายาทหมิงหนานอ๋องที่อยู่ในนั้น วิชาเวทที่สวี่ชิงวางเอาไว้รอบๆ ล้วนเหมือนเวลาหยุดนิ่งแข็งค้างไปไหนฟ้าดิน

ส่วนร่างของเขาในที่สุดในเสี้ยวขณะนี้ก็หลอมรวมปรากฏขึ้นใหม่

เพียงแต่ครั้งนี้แม้รัฐทายาทหมิงหนานอ๋องจะดูเหมือนปกติ แต่บนร่างกลับไม่มีเอกลักษณ์พิเศษที่เป็นอมตะแบบนั้น ทั้งตัวไม่ดูสูงส่งเหนือกว่าคนอื่นอีกต่อไป สีหน้าก็ฉายแววบิดเบี้ยว ในดวงตาแฝงไว้ด้วยรอยรอดมาจากเคราะห์แฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง จ้องสวี่ชิงที่เกิดสัญญาณกลายพันธุ์เขม็ง

“ในตัวข้ามีคำอวยพรของเทพชั้นสูงรื่อเหยียน เผ่ามนุษย์…ภายใต้สายตาของเทพเจ้า เจ้าก็แค่มดปลวกเท่านั้น!”

สวี่ชิงไม่ไปสนใจรัฐทายาทหมิงหนานอ๋อง และไม่สนใจติ่งเนื้อเหล่านี้ที่งอกออกมาจากร่างกายตลอดทั้งความเป็นอิสระจากในเลือดเนื้อทั้งหมดเหล่านั้น

ความรู้สึกเช่นนี้ เขาไม่ได้สัมผัสเป็นครั้งแรก แม้พูดไม่ได้ว่าชินชา แต่ก็รู้ว่าขอเพียงแผ่พลังต้นกำเนิดออกไป เช่นนั้นภายใต้พิษต้องห้ามอย่างมากก็แค่ผลาญพลังชีวิตจำนวนหนึ่งก็เท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าจ้องมองดวงตายักษ์บนท้องฟ้า

ต่อให้เทพเจ้าไม่อาจจ้องมองตรงได้ แต่ดวงตามืดสนิททั้งสองข้างของสวี่ชิง พิษต้องห้ามอยู่ในนั้น ทำให้เขาในระดับหนึ่งแล้วสามารถจ้องมองได้

และจากการจ้องมองนี้ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ร่างสภาวะเทพคลายออกจากบนร่างของเขาทันที ไหมวิญญาณหลายล้านเส้น พุ่งออกมาจากนอกร่างของเขาหลอมรวมใหม่อีกครั้ง ก่อเป็นร่างใหม่

ร่างนี้เป็นจิ้งจอกดินเหนียวตนหนึ่ง!

สูงใหญ่น่าตะลึง เหมือนกันทุกประการ สมจริงมีชีวิตชีวา

เป็นเทพชั้นสูงซิงเหยียนนั่นเอง

ทันทีที่ปรากฏขึ้น มือขวาของสวี่ชิงยกขึ้น ป้ายที่จิ้งจอกดินเหนียวมอบให้ถูกเขายกขึ้นสูง

และภายใต้อิทธิพลจากสายตาของรื่อเหยียน ป้ายแผ่นนี้พลันสั่นสะเทือน เสี้ยวขณะต่อมาแสงดาวมหาศาลแห่ออก ในขณะที่ปกคลุมไปทั่วทุกด้าน ก็สาดมาบนร่างของสวี่ชิง

เหมือนแม่น้ำดาราไหลเอื่อย แสงดาวระยิบระยับรอบๆแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงสีชมพูพวยพุ่งขึ้น

พลังอำนาจของซิงเหยียน พุ่งขึ้นสะท้านฟ้า

ฟ้าดินสั่นสะเทือน เถาวัลย์สีแดงทั้งหมดต่างสงบนิ่ง ไอพลังประหลาดที่ตลบอวลในฟ้าดินปะปนไปด้วยพลังของซิงเหยียนทุกสิ่งทุกอย่างเกิดการต่อต้าน

คล้ายมีเสียงฟ้าผ่าดังสะท้อนในมิติ ฟาดผ่าลงมา

ภาพนี้ทำให้รัฐทายาทหมิงหนานอ๋องที่เห็นหน้าเปลี่ยนสี

“ทูตเทวะ…ซิงเหยียน!!”

สวี่ชิงที่อยู่ในการปกคลุมของแสงดาว ในเสี้ยวขณะนี้เหมือนกลายเป็นทูตเทวะซิงเหยียนจริงๆ อีกทั้งยังเป็นระดับขั้นที่สูงที่สุด

เขายืนอยู่ตรงนั้น เปลวเพลิงดาราเหมือนกลายเป็นคำอวยพร วนล้อมไม่หยุด ขยับหมุนไม่หยุด ก่อเป็นคลื่นวนมหึมาลูกหนึ่ง สั่นคลอนคลื่นคลานเลื่อนลั่นมิติ

สวี่ชิงกำลังวางเดิมพัน

เขาเดิมพันว่าเทพชั้นสูงที่อยู่สูงส่งไม่มีทางลืมตาเทพเจ้าขึ้นเพื่อผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตาคนหนึ่งจริงๆ ดวงตายักษ์ที่ปรากฏขึ้นครั้งนี้ก็เป็นแค่ปรากฏการณ์จากพลังคำอวยพรเท่านั้น

แม้จะประทานคำอวยพร แต่ในความคิดของเทพเจ้า ระดับหวนสู่อนัตตากับคนธรรมดาไม่มีอะไรต่างกัน

และในระดับหนึ่งแล้ว นี่ก็ไม่ใช่การวางเดิมพันเสียทั้งหมด สวี่ชิงเข้าใจในเทพเจ้ามากกว่าหลายๆ เผ่าพันธุ์

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา