บทที่ 843 รูปปั้นที่สี่ผู้ลบหลู่เทพเจ้า
บนผืนแผ่นดินกว้างขวาง กลุ่มทิวเขายิ่งใหญ่คดเคี้ยว คล้ายมีคนสาดหมึกกระจายลงกระดาษ เกิดเป็นภาพภูเขาลำนำใหญ่โตมโหฬาร
และในกลุ่มทิวเขาเหล่านี้ มียอดเขาแห่งหนึ่งเด่นล้ำเหนือใคร อานุภาพยิ่งใหญ่จนดูแคลนกลุ่มทิวเขา
นั่นคือยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่านภาคิมหันต์ เป็นเขาเทวะ!
มันเปรียบดั่งพู่กันหมึกกลางฟ้าดิน เสี้ยมคมและตั้งตรง ชี้ไปยังท้องฟ้า
เมฆขาวนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่เบื้องล่างมัน ประหนึ่งเกาะเซียนในจินตนาการลอยอยู่กลางอากาศ
ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง ก้อนหินและต้นไม้บนยอดเขาเปล่งประกายแวววาม ยิ่งแสดงให้เห็นความงดงามแพรวพรายของมัน
โดยเฉพาะเค้าโครงภูเขาที่ขับเน้นด้วยท้องฟ้ายิ่งแจ่มชัดอย่างที่สุด ไม่ว่ามองจากที่ไกลหรือดูอยู่ใกล้ๆ ล้วนทำให้คนสั่นสะท้านรุนแรง
ยังไม่ทันเข้าใกล้ พลังล้มภูเขาพลิกสมุทรที่สามารถทำให้ทุกสิ่งพินาศย่อยยับก็โถมเข้ามา
ทั้งที่เป็นแค่ภูเขาลูกหนึ่ง แต่มันตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น คล้ายว่าท้องฟ้าอยู่ตรงหน้ามันก็มืดทึม ราวกับถ้ามันต้องการ ก็สามารถกดทับม่านฟ้าให้อยู่เบื้องล่างมันได้
อานุภาพเช่นนี้ แม้สวี่ชิงเคยผ่านพื้นที่มากมาย แต่ก็ยังพบเห็นเป็นครั้งแรก
เป็นการขึ้นมาบนจุดสูงสุดของยอดเขา และความทะนงที่ตั้งตระหง่านเทียมฟ้า
ยังมีแสงทองกระจายจากเขาเทวะแห่งนี้ ไม่รู้มีอยู่ในตัวมันเองหรือแสงอาทิตย์อาบย้อม แผ่ขยายทั่วนภา ปกคลุมฟ้าดิน
สวี่ชิงสัมผัสเล็กน้อย สายตาลึกล้ำ
เขาสัมผัสได้ว่าในแสงสีทองแฝงพลังที่มาจากเทพเจ้า!
ในแง่หนึ่งพลังนี้ก็คือไอพลังประหลาด ทว่าควบคุมได้ เหมือนถูกฝึกฝนกระนั้น ลอยล่องอยู่ทั่วทิศกลับดูดซับได้ตามปกติ
สวี่ชิงสูดเข้าทีหนึ่ง ถึงกับกลายเป็นพลังฝึกบำเพ็ญในกาย
ฉากนี้ทำให้เขาแสดงอารมณ์บนสีหน้าเล็กน้อย
นายกองอยู่ข้างกายสวี่ชิง ทอดมองทั้งหมดนี้ สีหน้าฉายแววหวนคำนึงแล้วเกิดเป็นการทอดถอนใจ
“มาที่นี่อีกแล้ว…”
เขากล่าวพึมพำด้วยเสียงเบาค่อยที่สวี่ชิงได้ยินคนเดียว
“ไปสิ ศิษย์น้องน้อย เจ้าลองไปดูจุดสูงสุดของเผ่านภาคิมหันต์”
นายกองตบไหล่สวี่ชิง
สวี่ชิงข่มคลื่นในใจ เงยหน้ามองภูเขาต้องห้ามหนึ่งพันแปดร้อยกว่าลูกเหนือศีรษะของตน
ยิ่งเข้าใกล้เขาเทวะ ภูเขาต้องห้ามเหล่านี้เล็กลงอย่างรวดเร็ว ยามนี้แต่ละลูกหมุนวนบนศีรษะเขาเหมือนจุดสีดำ
แม้เล็กลงมาก แต่ความเยอะของจำนวนยังคงสะดุดตาสวี่ชิง
‘จำนวนเช่นนี้คงเป็นที่หนึ่งได้แล้วกระมัง’
สวี่ชิงพึมพำในใจ ร่างกลายเป็นสายรุ้งมุ่งหน้าไปยังกลุ่มทิวเขาโดยไม่ลดความเร็ว
ยิ่งเข้าใกล้ สวี่ชิงยิ่งเห็นเขาเทวะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายไม่เห็นปลายข้างบนแล้ว ความรู้สึกตัวเล็กจ้อยพลันเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
และใต้เขาเทวะ สร้างเมืองลอยฟ้าไว้สามแห่ง
ทุกแห่งล้วนยิ่งใหญ่อลังการ มีโซ่เหล็กสีทองเชื่อมโยงระหว่างกัน พืชพรรณจำนวนมากเติบโตอยู่ข้างใน แสดงถึงความผ่านร้อนผ่านหนาว
คูเมืองสามแห่งนี้เน้นสร้างเป็นวงกลม นี่คือรูปแบบสิ่งก่อสร้างของแต่ละเผ่าในยุคสมัยจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ปัจจุบันมีน้อยแล้ว แม้เป็นเผ่ามนุษย์ก็รักษาไว้ได้ไม่มาก
“ที่นี่ก็คือเมืองศักดิ์สิทธิ์ของเผ่านภาคิมหันต์ข้า ชื่อว่าเมืองเพลิงสวรรค์!”
ชิวเชวี่ยจื่อที่ติดตามอยู่ข้างหลังสวี่ชิงกับนายกองน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย ชัดว่าถึงจะเป็นเขา ในวันปกติก็ไม่มีสิทธิ์มาที่นี่
“มีเพียงมหกรรมออกล่ากับพิธีพิเศษ เมืองเพลิงสวรรค์ถึงจะเปิดและอนุญาตให้กลุ่มเผ่าทั้งหมดเข้ามา ข้าโชคดี เคยมาแล้วสามครั้ง ตอนนี้เป็นครั้งที่สี่”
“แต่ในเมืองเพลิงสวรรค์ไม่อนุญาตให้เหาะเหิน ผู้มาเยือนทุกคนล้วนต้องมีใจแสวงบุญ”
ชิวเชวี่ยจื่อกล่าวเสียงค่อย แนะนำเรื่องกฎเกณฑ์ของเมืองเพลิงสวรรค์แก่สวี่ชิงและนายกอง พร้อมกันนั้นเงาร่างของทั้งสามก็ค่อยๆ มุ่งหน้าไปสู่คูเมืองแห่งหนึ่ง
มองจากไกลๆ จะเห็นกลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญเดินขวักไขว่ในคูเมือง ตามคำอธิบายของชิวเชวี่ยจื่อ ส่วนใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นคนนอก ผู้ฝึกบำเพ็ญที่มีสิทธิ์อาศัยอยู่เมืองศักดิ์สิทธิ์โดยตลอดอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญของตำหนักเทพ
และการมาเยือนของพวกสวี่ชิงก็ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกบำเพ็ญมากมายในคูเมืองทันที
เผ่ามนุษย์อยู่ที่นี่…หาได้ยากโดยแท้
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงชื่อเสียงของสวี่ชิงตอนนี้ รวมถึงศึกปิดผนึกกับทั่วสือซานข้างนอก ทั้งหมดนี้ทำให้การมาเยือนของสวี่ชิงดึงดูดความสนใจเป็นธรรมดา
นอกจากนั้น ยอดเขาพันกว่าลูกเหนือศีรษะเขาก็เป็นจุดสำคัญที่ถูกคนจับตามอง
สวี่ชิงชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว เมื่อเงาร่างตกอยู่หน้าประตูเมือง นัยน์ตาเขาฉายประกาย หายใจเข้าลึก ก้าวเดินเข้าประตูใหญ่ข้างหน้า
แน่นอนว่าประตูคูเมืองไม่ได้ทำไว้เพื่อเผ่ามนุษย์ มันจึงสูงร้อยจั้ง และทุกสิ่งภายในคูเมืองก็เป็นเช่นนั้น เดินอยู่ที่นี่เหมือนเดินเข้าอาณาจักรยักษ์
ส่วนผู้ฝึกบำเพ็ญที่นี่…สวี่ชิงกวาดตามองผาดเดียวก็เห็นกลุ่มเผ่าต่างกันหลายร้อยเผ่า รูปร่างต่างกันไป พวกรูปร่างหน้าตาประหลาดก็มีทั่วทุกหัวระแหง
แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์ที่เจอข้างนอกค่อนข้างน้อย อยู่ที่นี่กลับเป็นกลุ่มหลัก
เงาร่างของพวกเขาส่วนใหญ่สวมชุดคลุมสีขาว ปรากฏตัวที่ไหนล้วนได้รับความเคารพจากรอบด้าน
ท่าทางสูงส่งเช่นนั้นไม่ต้องให้พวกเขาจงใจแสดงออก มันเป็นเช่นนั้นโดยธรรมชาติ
“ตอนนั้นข้าเกลียดท่าทีเช่นนี้นัก”
นายกองกล่าวพึมพำ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา