บทที่ 86 อย่ามาหาเรื่องข้า
สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดไม้ ปรายตามองบริเวณที่ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดอยู่บริเวณนั้นแวบหนึ่งจากที่ไกลๆ ในใจระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกันก็มีจิตสังหารปรากฏขึ้นในใจ อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่มีชื่ออยู่บนแผ่นไม้ไผ่ของเขา เพียงแต่สวี่ชิงไม่ค่อยมีความมั่นใจมาตลอด ดังนั้นจนแล้วจนรอดจึงยังไม่ไปที่ถนนทองผุด
แต่ตอนนี้ถ้าได้พบเจอ…สวี่ชิงหรี่ตา
แต่ต้องคำนึงถึงว่าครั้งนี้ตนคิดถึงผลเก็บเกี่ยวเป็นหลัก อีกฝั่งไม่ได้ถูกฆ่าได้ง่ายๆ เช่นนั้น ดังนั้นจึงสะกดจิตสังหารลงไป หันมองรอบๆ
ทุกคนทั้งหลายที่นี่ล้วนไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพวกที่เดินทางเพียงลำพังพวกนั้น มีหลายคนที่ทำให้สวี่ชิงรู้สึกอันตรายอยู่รางๆ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมเขาถึงท้าทาย สังหารโจรสลัดทันที
เขาที่เติบโตมาจากถ้ำยาจกตั้งแต่เล็กๆ รู้ถึงเรื่องอย่างการเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บพวกนี้เป็นอย่างดี มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และหลายครั้งที่เก็บงำไว้มาก็อาจจะนำความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นมาให้ได้
ดังนั้นจึงใช้กำลังรวดเร็ว ลงมืออย่างเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ใช้ความเหี้ยมโหดอำมหิตสยบกำราบคนทั้งหลายจึงเป็นความคิดในใจหลังจากที่สวี่ชิงมาถึง และเป็นวิธีที่เขาเคยใช้ดิ้นรนที่ถ้ำยาจก
ในเวลาที่เหมาะสมจะต้องเผยคมเขี้ยวของตัวเองออกมาเตือนทุกคน
อย่ามาหาเรื่องข้า!
และเหตุที่ตัดหัว ด้านหนึ่งก็เพื่อสยบกำราบ อีกด้านหนึ่งก็เพราะ…หัวของพวกเขามีราคา
สวี่ชิงเก็บสายตากลับมา มือขวาดีดออกไปเบาๆ ผงพิษก็ฟุ้งกระจายรอบๆ ตัวเขาทันที
ทำทุกอย่างหมดนี้ เขาก็หลับตาลง นั่งสมาธิเงียบๆ รอการมาเยือนของกิ้งก่าทะเล
ส่วนการลงมือของสวี่ชิงเมื่อครู่ก็บรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการแล้วจริงๆ ผู้คนรอบๆ ตอนนี้ล้วนหวาดระแวงเขาอย่างสุดขีด ในขณะเดียวกับที่ยอมรับคุณสมบัติของเขาก็ต่างระแวงระวังซึ่งกันและกัน นี่ทำให้ที่นี่กลับสู่สมดุลอีกครั้ง
เวลาก็ค่อยๆ ไหลผ่านไปในความสมดุลที่แปลกประหลาดแห่งนี้เช่นนี้เอง คืนหนึ่งผ่านไป เมื่อแสงอรุณของวันที่สองสาดส่อง สวี่ชิงก็พลันลืมตาขึ้นมา มองไปข้างล่างภูเขา
แทบจะในขณะเดียวกับที่เขามองไป ก็มีสายตาอีกเจ็ดแปดคู่มองไปเกือบจะพร้อมกันเช่นกัน
บริเวณที่สายตาของทุกคนจับจ้องไป ข้างล่างภูเขาก็มีเสียงดังครืนครัน เหมือนว่ามีสัตว์ตัวมหึมาสักชนิดกำลังเดินมาอย่างยากลำบาก และเสียงการเคลื่อนไหวนี้ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่ระแวดระวังตัวมีจำนวนมากขึ้น จิตสังหารแผ่ตลบอวลมาอย่างรวดเร็วในเสี้ยวขณะนี้
ไม่นานในสายตาของสวี่ชิงก็เห็นในป่ามีกิ้งก่าตัวขนาดเจ็ดแปดจั้งตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมา
กิ้งก่าตัวนี้สีดำทั้งตัว หนังของมันกำลังลอกออกมาทีละนิดๆ บนหนังที่เหมือนเปลือกไม้แก่ๆ ของมันเผยร่องรอยของวันเวลาออกมาให้เห็น สะท้อนประกายแสงสีดำออกมาใต้แสงอาทิตย์เหมือนว่ามีช่องว่างระหว่างตัวของมัน
กรงเล็บทั้งสี่ของมันยิ่งแฝงความรู้สึกคมกริบมาด้วย ตอนนี้มันคลานมาด้วยลมหายใจถี่กระชั้น เหมือนว่าทุกก้าวนำความเจ็บปวดมาให้นิดๆ แต่มันก็ไม่หยุดแม้แต่น้อย
แม้กลิ่นอายจะฉายความอ่อนล้า แต่ระลอกคลื่นพลังที่เทียบได้กระทั่งผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณขั้นแปด ก็ยังทำให้ทุกคนลมหายใจหยุดชะงักไปเล็กน้อย และกิ้งก่าทะเลตัวนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีทางที่มันจะไม่รู้สึกตัวว่าที่นี่มีคน แต่มันก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
ยามที่มันคลานไปยังยอดเขาอย่างยากลำบาก เสียงครืนครันสนั่นหวั่นไหวข้างหลังของมันก็ไม่ได้หยุดดัง ระหว่างที่เห็นต้นไม้ล้มลงทีละต้นๆ ก็มีตัวที่สอง ตัวที่สาม ตัวที่สี่…
กิ้งก่าทะเลทั้งหมดหกตัวทยอยปรากฏตัวออกมา
‘คราบกิ้งก่าทะเลระดับรวมปราณขั้นแปดหกชิ้น!’ ลมหายใจของสวี่ชิงถี่กระชั้นขึ้นนิดๆ เขารู้ดีว่าราคาของคราบประเภทนี้ที่ท่าเรือเจ็ดเนตรโลหิตสูงถึงห้าร้อยหกร้อยก้อนหินวิญญาณเลยทีเดียว
ตอนนี้เขามองไปที่กิ้งก่าพวกนี้ในดวงตามีประกายแสงฉายแวววาว เหมือนสิ่งที่เห็นไม่ใช่อสูรกลายพันธุ์แต่เป็นหินวิญญาณ
แต่คนอื่นๆ ล้วนไม่วู่วามบุ่มบ่าม สวี่ชิงเองก็รอคอยอย่างเงียบๆ เช่นกัน
จนเมื่อเสียงสนั่นหวั่นไหวนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กิ้งก่าทะเลหกตัวนี้ก็ค่อยๆ คลานมาถึงยอดเขาอย่างยากลำบาก หลังจากมาถึงยังพื้นที่แอ่งกระทะที่พวกเขาอยู่ พวกมันก็เมินผู้บำเพ็ญทุกคน เหยียบย่างเข้าไปในพื้นที่แอ่งกระทะภายใต้การจับจ้องจากสายตาทุกคู่
กิ้งก่าหกตัวนี้เมื่อย่างก้าวเข้ามาในพื้นที่แอ่งกระทะแล้ว แต่ละตัวก็ส่งเสียงคำรามออกมาทันที ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรง เหมือนว่ากำลังใช้กำลังทั้งหมดที่มีลอกคราบ
เสียงคำรามของมันดังก้องไปทั่วสารทิศ ทำให้ผู้บำเพ็ญที่จับจ้องดูอยู่ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน
สายตาของสวี่ชิงยิ่งเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นขณะที่กิ้งก่าทะเลเหล่านี้กำลังดิ้นรน หนังบนร่างกายที่แต่เดิมก็มีช่องว่างในระดับที่ต่างกันอยู่แล้วกำลังหลุดลอกเร็วยิ่งขึ้น
ตลอดทั้งกระบวนการดำเนินไปครึ่งชั่วยาม
กิ้งก่าทะเลตัวแรกลอกคราบสำเร็จ กลิ่นอายฟื้นฟูกลับคืนก็เยื้องย่างจากไป ไม่ได้มองผู้บำเพ็ญทั้งหลายรอบๆ เลยแม้แต่แวบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
คราบกิ้งก่าที่ตกอยู่ในพื้นที่แอ่งกระทะไม่เป็นสีดำอีกต่อไป แต่ฉายประกายแสงสีคราม ยังเห็นลวดลายบนนั้นได้อย่างชัดเจน กระทั่งว่าฉายประกายแวววาวนิดๆ อยู่ตรงนั้นเหมือนแสงอัญมณีส่องประกายด้วย มองแล้วเหมือนกิ้งก่าทะเลที่มีขนาดเท่ากันตัวหนึ่ง
แต่ก็ยังคงไม่มีใครลงมือ
ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงหรี่ลง ไม่ขยับเช่นกัน
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง จวบจนกิ้งก่าตัวที่สอง ตัวที่สาม ตัวที่สี่ ทยอยลอกคราบเสร็จจากไป ในเสี้ยวพริบตาที่คราบของกิ้งก่าตัวสุดท้ายหลุดร่วง ก็มีคนเคลื่อนไหวแล้ว
คนที่ลงมือก็คือตาแก่ถนนทองผุด ความเร็วของเขาทั้งร่างราวกับลูกธนูที่พุ่งจากสาย ทะยานไปยังพื้นที่แอ่งกระทะอย่างรวดเร็ว
จากนั้นผู้บำเพ็ญคนอื่นที่อยู่รอบๆ ก็พุ่งออกไปทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างแผ่จิตสังหารยิ่งระเบิดปะทุขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้
ร่างของสวี่ชิงก็กะพริบวูบไปเช่นกัน ทิ้งภาพคงค้างเอาไว้บนยอดไม้ ความเร็วของเขาเกิดเป็นเสียงพุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปในพื้นที่แอ่งกระทะน่าตกใจนัก
เพียงเสี้ยวพริบตา ผู้บำเพ็ญที่เข้าไปในพื้นที่แอ่งกระทะก็มีถึงสามสิบกว่าคน เป้าหมายก็คือคราบกิ้งก่าหกชิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็เกิดการแย่งชิงและการสังหารซึ่งกันและกันอย่างโหดเหี้ยมขึ้นในทันควัน
เสียงตูมๆ ดังอึกทึกสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้า ร่างสวี่ชิงปานกระบี่ที่พุ่งออกจากฝัก เผยประกายคมกริบแกร่งกล้า หลังจากที่เข้าไปใกล้แล้วก็คว้าคราบกิ้งก่าชิ้นหนึ่ง ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าในชุดฟางที่อยู่ข้างๆ เขาประกายเยียบเย็นปะทุขึ้นในดวงตา ลงมือขัดขวาง
“ไสหัวไป!” ระหว่างที่พูด ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าคนนี้ก็สะบัดมือ ทันใดนั้นพลังวิญญาณระดับรวมปราณขั้นเก้ากลุ่มหนึ่งก็แผ่มาจากร่างของเขาทันที ก่อนจะก่อเป็นอานุภาพกดดันสยบสวี่ชิง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา