ตอนพิเศษ 2 ปฏิเสธโชคชะตาที่ต้องเป็นเครื่องสังเวย เพลิดเพลินไปกับชีวิตแห่งการอ่านหนังสือ (2)
กร๊อบ!
เสียงแตกร้าวที่ดังตามมา เกราะสีทองแตกร้าวโดยสมบูรณ์ ยันต์คุ้มครองในมือโหยวหลิงจื่อกลายเป็นเถ้าธุลี ดีที่ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้ามือเร็วตาเร็ว ในขณะที่ซัดฝ่ามือโจมตีวิญญาณทมิฬล่าถอย ก็กระตุ้นยันต์คุ้มครองในมืออีกครั้ง
เช่นนี้เอง โหยวหลิงจื่อรับผิดชอบข้างหน้า ชายหนุ่มชุดสีฟ้ารับผิดชอบข้างหลัง สองคนสลับกันกระตุ้นยันต์คุ้มครอง หลังจากใช้ยันต์แผ่นที่เก้า ในที่สุดก็มาถึงบริเวณใจกลางพื้นที่รกร้าง
ที่นี่มีเจดีย์สูงสีขาวตั้งตระหง่านอยู่หอหนึ่ง พื้นผิวเป็นมันแวววาว เหมือนทำขึ้นจากหยกขาวทั้งก้อนสลัก และที่ยอดเจดีย์ก็มีอัญมณีสีขาวหมองหม่นก้อนหนึ่งแผ่ประกายแสงสีขาวอ่อนแรง เหมือนผ้าโปร่งบางสีขาวปกคลุมรอบๆ เจดีย์สูงสีขาว
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้โหยวหลิงจื่อแปลกประหลาดใจคือ ในระยะร้อยจั้งที่ประกายแสงปกคลุมโดยมีเจดีย์ขาวเป็นศูนย์กลาง วิญญาณกลับไม่สามารถก้าวเข้ามาได้แม้เพียงครึ่งก้าว
“ท่าทางพวกเราจะปลอดภัยชั่วขณะแล้ว” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าเอ่ยอย่างอ่อนล้า เดิมเขาก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว รวมกับขับเคลื่อนยันต์ตลอดทาง ทำให้เขาเสียพลังไปอย่างมหาศาล
“ยังไม่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ แต่ต้องรีบแล้ว” โหยวหลิงจื่อตอบ เพราะเขาค้นพบได้อย่างชัดเจน วิญญาณที่แต่เดิมตามอยู่ข้างหลังมากมายมหาศาลกำลังพุ่งไปทิศทางอื่น นี่เป็นการบ่งบอกอย่างคร่าวๆ ว่ามีคนอื่นเข้ามาในซากโบราณสถาน
และคนคนนี้ก็เป็นไปได้สูงมากว่าเป็น…หลินเทียนหาว!
ไม่กล้าหยุดแม้เพียงเสี้ยวขณะละแวกเจดีย์ขาวมีผึ้งประหลาดอยู่หลายตัว โหยวหลิงจื่อบีบยันต์คุ้มครองด้วยมือเดียว ก็เข้าไปข้างในเจดีย์ขาวอย่างลองหยั่งเชิง
จากการที่โหยวหลิงจื่อลึกเข้าไปยังภายในเจดีย์ขาว โหยวหลิงจื่อและชายชุดคลุมยาวสีฟ้าค้นพบอย่างตื่นตะลึง เจดีย์ขาวทั้งเจดีย์ก็คือเจดีย์เก็บคัมภีร์ขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง บันไดมหึมาเวียนวนขึ้นไป บนกำแพงรอบๆ ล้วนเป็นตำราต่างๆ มากมายละลานตา
อีกทั้งสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือไม่ได้โดนรุกรานจากไอพลังประหลาดเท่าใดนัก
จากประสบการณ์ที่สำรวจพื้นที่ต้องห้ามมาเป็นเวลานาน โหยวหลิงจื่อรู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่า ของดีทุกอย่างไม่มีทางอยู่ที่ชั้นล่างของเจดีย์ขาว ดังนั้นจึงกระตุ้นเกราะป้องกันสองชั้นทันที ทั้งยังใช้ยันต์โบยบิน พุ่งตรงไปยังยอดเจดีย์
เวลาไม่กี่อึดใจ โหยวหลิงจื่อพาชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้ามาถึงยังยอดเจดีย์อย่างราบรื่น
ทว่า ภาพที่ทั้งสองเห็นข้างหน้ากลับทำให้อึ้งตะลึงไปทั้งคู่ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาเป็นห้องเหมือนวังขนาดย่อมๆ ตรงกลางห้องเป็นรูปสลักมือข้างหนึ่ง ทำท่าเหมือนยกอยู่
ที่แปลกประหลาดคือมือทั้งสองเต็มไปด้วยใบหน้ามนุษย์ ทุกดวงล้วนสีหน้าแปลกประหลาด บ้างหัวเราะอย่างมีความสุข บ้างเจ็บปวด บ้างสงสารเวทนา ดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
และตอนนี้สิ่งที่มือทั้งสองยกเอาไว้เป็นตำราเก่าโทรมเล่มหนึ่ง
เห็นวัตถุชิ้นนี้ ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าตาวาวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ คิดจะพุ่งขึ้นไปจากพื้นดินตามสัญชาตญาณ พุ่งตรงไปช่วงชิง ทว่าในเสี้ยวขณะนี้ ความมีเหตุผลก็ยังเอาชนะความละโมบ เขารู้ดี ตอนนี้โหยวหลิงจื่อไม่ได้ฆ่าปิดปากเขา ฮุบของวิเศษที่นี่เอาไว้คนเดียว ก็นับว่ามีคุณธรรมสุดๆ แล้ว
หากตัวเองยังมีความคิดละโมบอีกโหยวหลิงจื่อจะต้องตบเขาตายในฝ่ามือเดียวอย่างแน่นอน
โหยวหลิงจื่อเหมือนจะมองความคิดในใจชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าออกตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงเอ่ยราบเรียบ
“จากประสบการณ์การวิจัยค้นคว้านิยาย ตำราโบราณมานับไม่ถ้วน ตัวละครที่ละทิ้งคุณธรรมความไว้ใจ ละโมบไม่สิ้นสุด สุดท้ายแล้วล้วนไม่มีจุดจบดีทั้งนั้น ดังนั้น ข้าไม่มีทางฆ่าปิดปากเจ้า แต่ทุกอย่างที่นี่ ข้าจะเอาส่วนแบ่งเป็นส่วนมาก เจ้าและข้าแบ่งกันสามต่อเจ็ดส่วนเป็นอย่างไร”
“ไม่มีปัญหาๆ” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้ารีบตอบตกลง
ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงยังหน้ารูปสลักแปลกประหลาดอย่างระมัดระวังรอบคอบ
จากการหยิบตำราบนรูปสลักแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างรอบคอบของโหยวหลิงจื่อ เขาพบว่า ตำรานี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวตำราเท่านั้น กระทั่งว่าแม้แต่ชื่อก็ยังรางเลือนมองไม่ชัด
และเนื้อหาที่แนะนำในนั้นก็คือวิธีสังเวยตัวเองให้เป็นเหมือนกับวิญญาณศัสตรา อีกทั้งอัตราความล้มเหลวสูงมาก หากล้มเหลวก็จะวิญญานดับสลาย
ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าก็ยื่นหน้ามาเช่นกัน อ่านอย่างละเอียด หลังจากที่อ่านเนื้อหาข้างในอย่างละเอียดแล้ว ก็เบ้หน้าอย่างอดไม่ได้ สีหน้ารังเกียจ
“สังเวยตัวเองให้กลายเป็นวิญญาณศัสตราอย่างนั้นหรือ นี่มันเศษเสี้ยวตำราไร้สาระอะไรกัน”
แต่หลิงโหยวจื่อที่ถือเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศัสตราฉบับนี้ อ่านเนื้อหาบนนั้นกลับดวงตาเป็นประกาย ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเขา นี่เป็นเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศัสตราอะไรที่ไหนกัน นี่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกชีวิตหนึ่งชัดๆ!
หลิงโหยวจื่อที่รอบคอบ ทำอะไรให้ปลอดภัยมั่นคงไว้ก่อนอยู่เสมอรู้เป็นอย่างดีว่าในโลกโลกาวินาศ พลังบำเพ็ญเพียงเล็กน้อยเท่านี้ของตนไม่นับเป็นอะไรเลย คนอย่างเขาง่ายมากที่จะหลายเป็นหินลับมีดของบุตรแห่งโชคชะตา เวลาตายน่าอนาถเวทนานัก
แต่มีเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศัสตรานี้ก็ต่างออกไปแล้ว เมื่อฝึกฝนจนสำเร็จ หากวันใดตัวเองถูกฆ่าตายจริงๆ ก็จะสามารถใช้วิธีนี้ให้กลายเป็นวิญญาณศัสตราของบุตรแห่งโชคชะตาได้ จะอย่างไรแล้ว ผู้บำเพ็ญส่วนมากแล้วล้วนให้ความสำคัญกับวิญญาณศัสตราเป็นอย่างมาก
จากนั้น โหยวหลิงจื่อก็เก็บเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศัสตรานี้เข้าไปในอกเสื้ออย่างระมัดระวัง ประดุจว่าเป็นของล้ำค่า เตรียมจะฮุบเอาไว้คนเดียว
จากนั้นโหยวหลิงจื่อและชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าก็เริ่มค้นทั่วทั้งห้องด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
สุดท้ายก็ต่างพบว่ามีเคล็ดวิชาลับที่มีราคาสิบกว่าเล่ม ลูกกลอนล้ำค่ายี่สิบกว่าเม็ด ในนั้น ลูกกลอนสร้างฐานที่ล้ำค่าเป็นที่สุดมีถึงสามเม็ด!
นอกจากนี้ยังมีถุงเก็บของสองถุง ถุงมือสีทองที่เทียบได้กระทั่งอาวุธเวท ส่องแสงเจิดจ้าพร่างพราย และมันยังมีประโยชน์เป็นอย่างมาก มันสามารถเพิ่มพลังเวทของตัวเองได้ เป็นสุดยอดของล้ำค่าที่แท้จริง!
“มีของพวกนี้มากพอจะให้ข้าหาที่ร้างห่างไกลสักแห่ง สร้างสำนักเล็กๆ ขึ้นมาได้แล้ว ชื่อข้าก็คิดเอาไว้แล้ว ชื่อว่าสำนักวัชระ”
โหยวหลิงจื่อใส่ถุงมือสีทองเอาไว้ เอ่ยอย่างตื่นเต้น อีกทั้งมีการเพิ่มพลังจากถุงมือสีทองนี้ ด้านการยกระดับของเขาพูดได้ว่ามากมหาศาล
ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าที่อยู่ข้างๆ หลังจากได้ส่วนแบ่งเป็นลูกกลอนสร้างฐานหนึ่งเม็ด และเคล็ดวิชาล้ำค่าหลายเล่ม ก็ดีใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นมีวิชาหนึ่งที่สามารถช่วยเขาสร้างอาวุธเวทขาปลอมคู่หนึ่งได้
แต่ว่า ไม่นานนัก ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าก็สีหน้าเป็นกังวล
“ตอนนี้พวกเราต้องคิดว่าจะไปจากที่นี่อย่างไร ยันต์คุ้มครองของพวกเราเหลือไม่มากแล้ว หากพวกเราฝ่าออกไปจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน ง่ายที่จะถูกสมาชิกของกลุ่มมังกรร่ายรำพันคนอื่นๆ ฆ่า” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าขมวดคิ้ว
ทว่า ในตอนนี้เอง ภาพที่ทำให้ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าตื่นตะลึงก็ปรากฏขึ้น เห็นเพียงโหยวหลิงจื่อที่อยู่ไม่ไกลคลำไปในเกราะอ่อนแนบตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงยันต์คุ้มครองปึกหนึ่งออกมา มีมากถึงสิบกว่าแผ่น!
“นี่…เจ้า…” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าตื่นตะลึงจนถึงขั้นพูดไม่ออก แค่เข้ามาผจญภัยในพื้นที่ต้ามห้ามครั้งหนึ่งพกยันต์คุ้มครองยี่สิบกว่าแผ่นเชียวหรือ นี่จะต้องกลัวตายขนาดไหนกัน…ไม่ ต้องรอบคอบแค่ไหนกัน
“นี่เป็นสิ่งคุ้มครองชีวิตสุดท้ายของข้าแล้ว ดีที่ครั้งนี้เก็บเกี่ยวได้มหาศาล ไม่ขาดทุน” โหยวหลิงจื่อพูดแล้วก็เงยหน้า มองไปยังอัญมณีแปลกประหลาดก้อนนั้นที่ติดอยู่บนยอดเจดีย์

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา