บทที่ 888 ชิงมู่แห่งเป่ยซุ่ย
ในขณะเดียวกัน ในดาวเคราะห์ที่ตั้งของสุสานจักรพรรดิภายในแผ่นดินเทวะแห่งนี้ เมื่อเสียงคร่ำครวญของต้นไม้หน้าคนเหล่านั้นดังขึ้น เมื่อรูปปั้นนอกภูเขาสุสานจักรพรรดิฟื้นคืนชีพ เมื่อกระแสวนบนท้องฟ้าหมุนวน
พายุที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวและต่อเนื่องยิ่งกว่าที่เคยเป็น
ราวกับวันโลกาวินาศมาถึง ราวกับลงโทษจากสวรรค์ ดาวเคราะห์ทั้งดวงสั่นสะเทือน
เสียงหวีดหวิว เสียงสะอื้น โหมกระหน่ำไปทั่วฟ้าดิน
“บัดซบ ใครบังอาจแตะต้องแดนต้องห้ามเทพเจ้าที่นี่!!”
ในกระโจมหนังท่ามกลางพายุ มีคนนั่งขัดสมาธิอยู่
หนังกระโจมของคนผู้นี้แปลกประหลาด ไม่แน่ชัดว่าได้มาจากตัวอะไร แต่กลับยืนหยัดท่ามกลางพายุได้
เมื่อลมพัดมา มันยังเกาะติดพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ไว้แน่น
แต่กลับตรึงหัวใจของฝานซื่อซวงไว้ไม่ได้ เขาที่อยู่ในกระโจมกัดฟัน จ้องมองออกไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง
เป้าหมายที่เขามาแผ่นดินเทวะแห่งนี้ ทางหนึ่งเพื่อความสมบูรณ์ของแผ่นดินเทวะ อีกทางหนึ่งเพื่อล่าสิ่งมีชีวิตในแผ่นดินเทวะ และหัวใจสำคัญของทั้งหมดนี้คือสุสานจักรพรรดิบนดาวเคราะห์ดวงนี้
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลของเขาจึงเตรียมการมานาน ดังนั้นหลังจากที่เขาเข้ามาในแผ่นดินเทวะ เขาก็มุ่งตรงมาที่นี่โดยไม่หยุดพัก
แต่เขาไม่คิดว่าหลังจากมาถึง ตอนแรกยังปกติดี แต่ไม่นานดาวเคราะห์ดวงนี้ก็ปะทุ ราวกับฟื้นคืนชีพ
และวิธีการที่เขาจัดเตรียมไว้เพื่อเข้าไปในสุสานจักรพรรดินั้นยังขาดความสมบูรณ์แบบอยู่เล็กน้อย
“คงต้องเสี่ยงดูแล้ว!”
ฝานซื่อซวงกัดฟัน ก้มหน้าลงสองมือประสานปางมือต่อไป เพื่อใช้วิชาลับที่ตระกูลตระเตรียมไว้ให้กับเขา
ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่เขาที่นี่ที่เป็นเช่นนี้ ในขณะนี้บนดาวเคราะห์ดวงนี้ยังมีอีกสองคนที่กำลังทำสิ่งที่คล้ายกัน และยังสาปแช่งในใจถึงคนที่แตะต้องแดนต้องห้ามเทพเจ้า
เทียนม่อจื่อ ทั่วสือซาน
เมื่อรวมกับเหยียนเสวียนจื่อ เห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะห้าอันดับแรกของเผ่านภาคิมหันต์ ล้วนตั้งเป้าหมาย ณ ที่แห่งนี่
และวิธีการเข้าไปในสุสานจักรพรรดิของแต่ละคนนั้นล้วนแตกต่างกัน เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนเตรียมการแรมปีโดยกองกำลังเบื้องหลัง
เพียงแต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของดาวเคราะห์ดวงนี้ ทำให้วิธีการที่พวกเขาเข้าไปยากขึ้น ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนมากขึ้น เช่นเดียวกับอันตรายที่ต้องเผชิญ
และในขณะนี้ สวี่ชิงที่ถูกพวกเขาสามคนสาปแช่งอยู่ในใจ ด้วยความปรารถนาที่จะตามหาสมบัติเทพแห่งที่สอง จึงก้าวเข้าไปในกระแสวนที่เจ็ดของถ้ำ
ขณะที่ก้าวเข้าไป เปรียบเหมือนเดินผ่านชั้นเยื่อหุ้ม มาถึงความว่างเปล่า
นั่นคือความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุด มืดมิด เย็นเยียบ แปลกตา
การรับรู้ทั้งหมดจากภายนอก ราวกับถูกลอกออกในอนธการนี้ ไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้ซึ่งฟ้าดิน
แม้แต่สติสัมปชัญญะก็ดูเหมือนจะช้าลง สิ่งที่มองเห็นและรับรู้คือความมืดมิด
กฎเกณฑ์ใดๆ ล้วนแตกต่างจากภายนอก
ราวกับการหลับใหลและความเฉื่อยชาคือมหามรรคาในที่แห่งนี้ ทุกคนที่เข้ามาต้องปฏิบัติตามเจตจำนงของสถานที่แห่งนี้
สวี่ชิงก็เช่นกัน
ในความมืดมิดนี้ จิตเทพของเขาค่อยๆ สูญเสียความผันผวน ความคิดของเขาค่อยๆ หลับใหล มีเพียงความปรารถนาที่แผ่ออกมาจากสมบัติเทพแห่งที่สองในร่างกายของเขา ในความว่างเปล่าที่เงียบสงัดนี้ ที่ยังแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
ราวกับกองไฟที่ยิ่งเผาไหม้ก็ยิ่งรุนแรง ชี้นำการรับรู้ของสวี่ชิง
สวี่ชิงเดินไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณตามการรับรู้นี้ ในความว่างเปล่าอันมืดมิดนี้ ราวกับปลาที่ว่ายน้ำ
ไม่รู้ว่านานเพียงใด อาจนานเป็นศตวรรษ อาจนานเพียงชั่วอึดใจ เมื่อความปรารถนาจากสมบัติเทพแห่งที่สองแข็งแกร่งถึงขีดสุด ปลาก็พุ่งออกจากทะเล กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ
ก้าวข้ามความว่างเปล่า มาถึงท้องฟ้าที่ส่องประกายระยิบระยับ
ในขณะที่ภาพท้องฟ้าสะท้อนเข้าสู่ดวงตาของสวี่ชิง การรับรู้ที่เขาสูญเสียไปก็กลับคืนมาทั้งหมด จิตเทพไร้ความผันผวนก็กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ความคิดที่หลับใหลก็ฟื้นคืนชีพในทันที
จากนั้น เขาก็เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่อธิบายไม่ได้สองสิ่งห่างไกลออกไปในท้องฟ้า
นั่นคือต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของชีวิตและต้นกำเนิด และสัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของความน่ากลัวและความชั่วร้าย!
ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่มาก ครอบคลุมท้องฟ้าไปเกือบครึ่ง กิ่งก้านที่หนาและแข็งแรงที่เต็มไปด้วยลวดลายลึกลับ แผ่ออกไปทุกทิศทาง ทุกๆ ลวดลายดูเหมือนจะมีความหมายถึงกฎเกณฑ์ มีความหมายถึงมหามรรคา
ในขณะเดียวกันก็เห็นผลมรรคาบนต้นไม้ แต่ละลูกมีขนาดเท่าดาวเคราะห์ หรืออาจกล่าวได้ว่านั่นคือดาวเคราะห์
เมื่อมองจากระยะไกล ยอดไม้แผ่ขยายออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของเจตจำนงแห่งเจ้าเหนือหัว และรากที่หยั่งลึกลงไปในความว่างเปล่าของท้องฟ้า ราวกับค้ำจุนจักรวาล
เพียงแต่มันไม่ได้เขียวชอุ่ม กลับเหี่ยวเฉาไปมาก ไม่เพียงกิ่งก้านเท่านั้น ผลดาวเคราะห์ที่อยู่บนนั้นก็เหี่ยวแห้งเช่นกัน ราวกับชีวิตกำลังไหลผ่านไป
แต่ถึงแม้จะเหี่ยวเฉา กิ่งก้านแต่ละกิ่งก็ยังแผ่พลังน่ากลัวซึ่งอธิบายไม่ได้ออกมา สะเทือนท้องฟ้า ส่งผลกระทบต่อจักรวาล
ส่วนสัตว์ร้ายนั้นก็น่าทึ่งเช่นกัน ขนาดของมันถึงแม้จะไม่เท่าต้นไม้แห่งท้องฟ้า แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่าครึ่งหนึ่ง รูปร่างของมันเหมือนวัว มีหมอกพิษล้อมรอบ เมื่อมองผ่านๆ จะเห็นว่าขนแต่ละเส้นของมันผูกติดอยู่กับร่างของศพ สวมอยู่บนร่างกายราวกับเกราะศพ น่าสยดสยอง
กะโหลกของมันเป็นสีขาว นภาประดับดาราเป็นฉากหลัง น่ากลัวอย่างยิ่ง
ดวงตาเดียวครอบครองพื้นที่ใบหน้ากว่าครึ่งหนึ่ง ดวงตาแนวดิ่งแผ่ความชั่วร้ายออกมาไร้ที่สิ้นสุด และยังมีหางงู ราวกับงูเหลือมที่พันอยู่กับนทีแห่งดารา ส่งเสียงคำรามที่สามารถทำลายดาวเคราะห์ได้
ในขณะนี้ สัตว์ร้ายกำลังต่อสู้กับต้นไม้ลอยฟ้า ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย พลังของแต่ละฝ่ายอยู่ในระดับสูงสุด ทุกการเคลื่อนไหวทำให้ท้องฟ้าแห่งนี้ถล่มทลาย ตามมาด้วยความพินาศและวันโลกาวินาศ
สวี่ชิงมองดูฉากนี้จากระยะไกล ด้วยความตกตะลึงในใจ
ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ลอยฟ้าหรือสัตว์ร้ายน่าเกลียดน่ากลัว ในสายตาของเขาล้วนเหมือนเทพเจ้า ไม่อาจต้านทาน ไม่อาจสั่นคลอน
เขาไม่รู้ว่าพวกเขาต่อสู้กันด้วยเหตุผลกลใด แต่ความปรารถนาจากสมบัติเทพแห่งที่สองในกาย บอกสวี่ชิงอย่างชัดเจนว่า สัตว์ร้ายน่ากลัวนั้น…คือต้นกำเนิดของความปรารถนาของสมบัติเทพ!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา