บทที่ 9 ผลจากการคุกคามที่ตามมา
‘ในที่สุดก็ทะลวงขั้น’
สวี่ชิงลุกขึ้นยืน เมื่อซัดออกไปหนึ่งหมัดก็มีเสียงใสกังวานดังก้องสะท้อนอยู่ในอากาศ กระทั่งลมที่ถูกกระพือขึ้นยังพัดตัวเรือนจนสั่นไหว
ฉากนี้ ทำให้สวี่ชิงเบิกตากว้าง เขาสัมผัสได้ว่าตนเองเวลานี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อวานนี้มาก
ถ้าหากสภาพร่างกายตอนนี้ไปเผชิญหน้ากับงูเหลือมเขายักษ์ตัวนั้น สวี่ชิงเชื่อว่าหนึ่งหมัดของตนเองก็สามารถซัดเกล็ดท้องของมันจนระเบิดได้เลย
ไม่เพียงเท่านั้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขายังเฉียบคมยิ่งกว่าก่อนหน้า ไม่ใช่แค่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น การฟังเองก็ยังเฉียบคมขึ้นด้วย เสียงเคาะประตูที่ด้านนอกเรือนเวลานี้ก็ดังเข้ามาในหูของสวี่ชิง
สวี่ชิงงงงัน เดินไปข้างประตูใหญ่ หยิบยืมแสงจันทร์จากภายนอก เขามองเห็นเงาเด็กสาวคนนั้นยืนอยู่ด้านนอกประตูไม้ไผ่จากช่องลอด
อีกฝ่ายเหมือนบาดเจ็บอยู่ด้วย ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย
สวี่ชิงเลิกคิ้วขึ้น เดิมทีคิดจะไม่สนใจ แต่เด็กสาวคนนั้นก็ยังยืนหยัดเคาะประตูเบาๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งสวี่ชิงถึงผลักประตูเดินออกไป
หลังจากที่เห็นสวี่ชิง เด็กสาวก็ตึงเครียดขึ้นมาอย่างชัดเจน แต่ฝืนตัวไม่ถอยหลัง มองสวี่ชิงโดยมีบานประตูคั่นไว้
“มีธุระหรือ” สวี่ชิงเอ่ยปาก
“ข้า…ข้าเองก็ได้รับสิทธิ์อยู่อาศัยในฐานที่มั่นเช่นกัน แล้ว…แล้วก็ยังได้งานในฐานที่มั่นมางานหนึ่งอีกด้วย” เด็กสาวพูดออกมาอึกอักๆ
“รู้แล้ว” สวี่ชิงพยักหน้า และจะหันหลังกลับ
“รอก่อน…ขอบคุณเจ้ามาก ที่ข้ามาก็เพราะอยากขอบคุณเจ้า” เด็กสาวรีบร้อนเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร เพราะข้าอยากกินเนื้องู ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า” สวี่ชิงตอบ หันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือน
มองแผ่นหลังของสวี่ชิง เด็กสาวเม้มปาก จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นเสียงดังว่า
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ยังต้องขอบคุณเจ้า บุญคุณนี้…ข้าจะตอบแทนภายหลังแน่นอน” พูดจบ นางก็เดินขากะเผลก หายลับจากไปในค่ำคืนมืดมิด
สวี่ชิงหันไปมองผาดหนึ่ง ไม่ได้นำมาใส่ใจ หลังจากกลับมาถึงห้องเขาก็สูดลมหายใจลึก เมื่อสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง จึงยิ่งมั่นใจความคิดที่อยากจะมีชีวิตให้ดีขึ้นบ้างแล้ว
เพียงแต่ความเจ็บปวดรางๆ ที่มาจากแขนขวา ทำให้เขาเดาได้ว่าไอพลังประหลาดในร่างกายคงจะเข้มข้นมากขึ้นแล้ว ต่อให้เป็นดีงูก็ไม่ได้บรรเทาลงเท่าไรนัก
ขณะนี้เป็นกลางดึกเงียบสงัด ด้านนอกไม่มีเสียงสัตว์ร้ายคำราม สวี่ชิงเดินมาที่ข้างเตียง มองดูชุดเครื่องนอนที่สะอาดสะอ้าน จากนั้นจึงมองไปที่เสื้อผ้าสกปรกของตนเอง
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จัดการม้วนชุดเครื่องนอนที่สะอาดขึ้นวางไว้ข้างๆ จากนั้นจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
มือหยิบเหล็กแหลมสีดำออกมาด้วยสัญชาตญาณ คว้าไว้ในมือ เตรียมจะนอน
เหล็กแหลมนี้ เป็นคู่หูที่เขาไว้วางใจมากที่สุด
นับตั้งแต่ค้นเจอในกองขยะเมื่อหลายปีก่อน เพราะสังเกตเห็นถึงความแหลมคมและแข็งแรงของมัน ดังนั้นเขาจึงพกติดตัวเอาไว้ในฐานะอาวุธประจำกายตั้งแต่นั้นจนตอนนี้
“พรุ่งนี้ค่อยไปหาสถานที่ขายลูกกลอนขาวในฐานที่มั่น”
สวี่ชิ่งงึมงำเสียงต่ำ ลูบถุงหนังของตน ด้านในมีสิ่งที่เขาสะสมไว้ในช่วงหลายปีนี้ และยังมีอัญมณีมีค่าที่หามาได้จากในเมืองอีกหลายก้อน
เขาไม่กล้าพกอัญมณีไว้เยอะด้วยหลักการผิดเพราะถือครองหยก[1] ตอนเด็กๆ เขาเคยเห็นมานักต่อนัก
ความง่วงค่อยๆ ถาโถมเข้ามาในระหว่างความคิดนี้ ตาทั้งสองของสวี่ชิงก็ค่อยๆ ปิดลง
เพียงแต่ในมือยังกำเหล็กแหลมเอาไว้แน่น ไม่ผ่อนลงแม้แต่น้อย
ค่ำคืนที่สงบผ่านไปเพราะแสงตะวันสาดส่องลงมา
เช้าตรู่วันที่สอง สวี่ชิงที่ตื่นแต่เช้าออกมาจากเรือนเล็ก
ก่อนออกมาเขามองไปทางห้องของหัวหน้าเหลย เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ด้านในอาจออกไปด้านนอก สวี่ชิงจึงหันเหสายตากลับ เดินไปยังด้านในฐานที่มั่น
บางทีคงเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานที่เขาล้วงเอาดีงูออกมาทั้งเป็นช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึง สวี่ชิงที่เดินอยู่ในฐานที่มั่น ก็สัมผัสได้ถึงสายตาคนเก็บกวาดรอบด้านที่ต่างออกไปมองมายังตนเองอย่างชัดเจน
เพราะเห็นว่าภายนอกของเด็กหนุ่มดูน่ารังแก จึงไม่สามารถทำเรื่องชั่วตามสันดานมนุษย์ได้อีกต่อไป
ได้รับการยอมรับมากส่วนหนึ่ง มีความระแวดระวังขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันสายตาไร้ประกายของเหล่าคนอายุไล่เลี่ยกับเขาที่หลบอยู่ตามมุมเหล่านั้น ขณะที่มองมาทางเขาก็ปรากฏความอิจฉาด้วยเช่นกัน
เกียรติยศ เป็นสิ่งที่ต้องไขว้คว้ามาด้วยตนเอง
สวี่ชิงเอ่ยเงียบๆ ในใจ
ขณะที่ค้นหาร้านในฐานที่มั่น สวี่ชิงเองก็กำลังปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมไปด้วย
เขาพบสุนัขป่าที่คอยขู่ฟ่อแย่งอาหารกันในฐานที่มั่นอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะดูผอมแห้ง แต่ก็ยังดูแข็งแรงกว่าคนบางส่วนเสียอีก
หลังจากจับตาดูสุนัขป่าเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงก็สอดส่องฐานที่มั่นต่อ
จนกระทั่งวาดฐานที่มั่นในหัวออกมาได้ทั้งหมด เขาก็เดินตามแผนที่ในหัว หาร้านหนึ่งจนพบที่พื้นที่รอบใน
ร้านขนาดไม่เล็ก คนเข้าคนออกก็คึกคัก ราวกับไม่ว่าจะสิ่งของใด ด้านในก็มีขายหมด
สวี่ชิงมองจากด้านนอกอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นว่าเด็กสาวเมื่อวานคนนั้นแต่งตัวเป็นพนักงานอยู่ด้านในร้าน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังทำงานอยู่ที่นี่ วิ่งวุ่นไปทั่ว หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
จนกระทั่งตอนที่สวี่ชิงเดินเข้าไปในร้าน นางถึงสังเกตเห็นทางนี้ ขณะกำลังจะพูดอะไร คนเก็บกวาดคนหนึ่งเข้ามาสอบถามถึงสินค้า
สวี่ชิงไม่ได้สนใจของอย่างใดอย่างหนึ่งในร้านทันที แต่เดินเข้าไปดูของรอบๆ เช่นเดียวกับคนที่มาซื้อสินค้า
คนในร้านมีทั้งหมดเจ็ดคน บางคนก็ค้นหาสินค้า บางคนก็ก้มหน้าครุ่นคิด บางคนก็กำลังต่อรองราคา ในนี้มีสองคน หนึ่งอ้วนหนึ่งผอมเหมือนเป็นพวกเดียวกัน
คนอ้วนก็อ้วนกลม คนที่ผอมก็หน้าเหมือนม้า ท่าทางแข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด บนตัวมีคลื่นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย ในนี้คนหนึ่งกำลังตะคอกใส่เด็กสาว เหมือนว่าเด็กสาวจะให้คำตอบที่ไม่ค่อยน่าพอใจกับพวกเขาเท่าไรนัก
ระหว่างที่เด็กสาวกำลังขอโทษขอโพยอย่างร้อนรน สวี่ชิงก็มองไปยังสินค้าในร้าน
ที่นี่เป็นร้านขายของจิปาถะ ยาลูกกลอน อาวุธ เสื้อผ้า ของกินเป็นต้น มีหมดทุกสิ่งอย่าง ไม่ค่อยแตกต่างจากที่เขาพิจารณาไว้นัก
เขาจึงเบนสายตากลับมา เมื่อเดินถึงตู้สินค้า มองเจ้าของร้านที่ท่าทีไม่แยแสกำลังสูบยา เอ่ยถามเสียงเรียบว่า
“ลูกกลอนขายขายอย่างไรหรือ”
“ลูกกลอนขาวมีจำนวนจำกัด ขายเพียงวันละห้าเม็ดต่อวันเท่านั้น วันนี้ยังมีอีกสองเม็ด หนึ่งเม็ดราคาสิบเหรียญวิญญาณ”
เจ้าของร้านเหลือบตาขึ้น กวาดมองไปทางสวี่ชิงผาดหนึ่ง คงนึกออกว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ประลองกับสัตว์เมื่อวานนี้ ท่าทีจึงดีขึ้นมาหน่อย
แต่ตอนที่ได้ยินราคานี้ ต่อให้เตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่สวี่ชิงก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย
เหรียญวิญญาณที่เขาสะสมมาหลายปีมีเพียงยี่สิบสามเหรียญเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดของจุดกลายพันธุ์บนแขนทำให้เขาไม่ลังเล ล้วงเอาเหรียญวิญญาณยี่สิบเหรียญออกจากถุงหนังอย่างระมัดระวัง ยื่นให้เจ้าของร้าน
มือขวาเจ้าของร้านเก็บเหรียญวิญญาณลงไป หยิบถุงผ้าใบหนึ่งออกมาจากตู้สินค้า โยนส่งไปให้สวี่ชิง
สวี่ชิงรับไปเปิดออก มองเห็นในถุงผ้ามียาลูกกลอนสีขาวอยู่สองเม็ด คิ้วจึงเลิกขึ้นอีกครั้ง
ภายนอกของยาลูกกลอนสองเม็ดนี้ มีส่วนที่ดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าคุณสมบัติเปลี่ยนไปบ้างแล้ว ไม่ใช่ของที่สดใหม่ และไม่มีกลิ่นหอมของตัวยาลอยออกมาดูแล้วเป็นของคุณภาพต่ำ
“ลูกกลอนขาวในฐานที่มั่นล้วนเป็นเช่นนี้ หากคุณภาพดีหน่อยที่นี่ไม่มี ของสิ่งนี้ต่อให้เสียไปแล้วแต่ก็ยังมีประโยชน์อยู่ ทำใจให้สบายแล้วกินลงไปก็จบแล้ว”
เจ้าของร้านมองการลังเลของสวี่ชิงออก จึงเอ่ยมาประโยคหนึ่งหน้าตาย

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา