บทที่ 953 การตื่นขึ้นของวิถีสวรรค์เผ่ามนุษย์
ภัยพิบัติแห่งความมืดมิดได้มาเยือนแดนใหญ่กลืนนภา ก่อความทุกข์เข็ญให้แก่สรรพชีวิต
ขณะนี้ แสงแห่งอรุณรุ่งกำลังสาดส่องท้องฟ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ลงมายังผืนโลก
ขณะนี้ แสงสว่างและความมืด ปรากฏชัดเป็นพิเศษในภาพกว้างของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
เพียงแต่ในความมืดก็ยังมีการดิ้นรน และในแสงอรุณยังมีอุปสรรคขัดขวาง
ในเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ บนดาราจักรพรรดิโบราณ เมื่อดวงชะตาที่ถูกดึงดูดจากแดนศักดิ์สิทธิ์กลับมาสู่แดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง จักรพรรดินีก็ได้สวมชุดจักรพรรดิและมงกุฎอีกครั้ง และไฟเทวะลุกโชนขึ้นบนดาราจักรพรรดิโบราณ
เปลวไฟนี้ ส่องแสงสีทองอร่ามขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งนี้เกิดขึ้นกับซากศพของอดีตจักรพรรดิทั้งห้าในกระแสวนรอบๆ เช่นกัน ในเปลวเพลิงสีทองที่สว่างไสว รูปลักษณ์ของพวกเขาก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ร่างเหือดแห้งของพวกเขาแสดงสัญญาณของการฟื้นคืนชีพ
กลิ่นอายเทพเจ้าค่อยๆ ปรากฏขึ้น
สิ่งที่น่าตกใจที่สุด คือตัวจักรพรรดินีเอง
กลิ่นอายของนางในขณะนี้ช่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อยืนตระหง่านอยู่ที่นั่น ดูเหมือนเป็นเจ้าแห่งฟ้าดิน
ราวกับว่านางได้สำเร็จเทพในโลกแห่งนี้ ทรงภูมิรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง มอบความรู้สึกยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตให้กับผู้คน
โดยเฉพาะแสงสีทองที่ส่องประกายจากกายนาง
เมื่อมองจากระยะไกล เหมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า!
พลังของนางสะเทือนสวรรค์ได้ ความคิดของนางสามารถทะลุผ่านความว่างเปล่า และจิตวิญญาณข้ามผ่านกาลเวลาได้
สิ่งที่ปะทุพร้อมกับพลังของนางคือ ดวงชะตาของเผ่ามนุษย์
ดวงชะตาพุ่งพล่านเป็นระลอกคลื่นก่อให้เมฆปกคลุมไร้จุดจบและสัญญาณมงคลนับไม่ถ้วน
ในขณะนี้ ในเผ่ามนุษย์ไม่มีใครคัดค้านการสำเร็จเทพอีกต่อไป
พลังของเทพเจ้าจักรพรรดิมนุษย์ในอดีตระเบิดออกมา สะท้านผนฟ้า สะเทือนแดนดิน รวมเข้ากับพลังของจักรพรรดินี กลายเป็นตะเกียงเทพเจ้าที่สว่างจ้า
แสงสว่างส่องไปทั่วดินแดนต้องประสงค์
เผ่าพันธุ์แข็งแกร่งมากมายต่างรับรู้ เทพเจ้าทั้งหลายต่างรู้สึกตัว จึงมีจิตเทพนับไม่ถ้วนจากทั่วทุกสารทิศมารวมกันที่เมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์
เพราะกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากกายจักรพรรดินีนั้นช่างน่าตกตะลึงเหลือคณา
พลังของนางนั้นกล้าแกร่งเกินไป
จิตใจของนางทำให้ทุกฝ่ายหวาดผวา
และเจ้าเหนือหัวขั้นสูงสุดนั้นแต่เดิมเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเทียบเท่าเทพชั้นสูง แม้จะไม่ใช่ระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ก็ใกล้เคียงมาก
ในประวัติศาสตร์นั้น เป็นเรื่องยากมากที่ตัวตนหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงวิถีทางกลายเป็นเทพเจ้า
เมื่อสำเร็จแล้ว…ด้วยพลังที่ปล่อยออกมาหลังจากไฟเทวะถูกจุดขึ้น อย่างเลวร้ายที่สุดก็อยู่ในระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!
และอาจจะมีโอกาสน้อยนิด ที่จะก้าวข้ามระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไปสู่…แท่นเทวะ!
ซึ่งก็คือระดับเตรียมสู่มหาจักรพรรดิเซียนในระบบเซียนคิมหันต์!
จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนั้น ยังบอกแน่ชัดไม่ได้
แต่ที่แน่ใจก็คือ แม้จะมีโอกาสเพียงเศษเสี้ยว แต่ก็ยังมีอยู่!
หลี่จื้อหวาเป็นตัวอย่าง!
ดังนั้น ทุกฝ่ายในดินแดนต้องประสงค์จึงตกตะลึง
แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย แต่เหล่าเทพเจ้าในดินแดนต้องประสงค์ก็ไม่ยอมให้มีเทพเจ้าดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
เผ่าพันธุ์ผู้แข็งแกร่งในดินแดนต้องประสงค์ก็ไม่ต้องการให้มีเผ่าพันธุ์อื่นเรืองอนาจขึ้นมาอีก ในขณะเผ่านภาคิมหันต์กุมอำนาจ
ดังนั้นการที่จักรพรรดินีจะสำเร็จเทพในครั้งนี้ จึงมีอุปสรรคมากกว่าการที่สามเทพจะสำเร็จเทพในครั้งก่อนมาก
นอกเหนือจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีสาเหตุอีกประการหนึ่งคือ เนื่องจากนภาคิมหันต์เองก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง และทั้งหมดล้วนเป็นเทพเจ้าชั้นสูง ดังนั้นจึงถือว่ามีคุณสมบัติที่จะบรรลุระดับสมบูรณ์แบบไร้ที่ติได้ในระดับหนึ่ง แต่เผ่ามนุษย์ไม่มีคุณสมบัติข้อนี้
และในอดีต นภาคิมหันต์เคยมีเพียงอุปราชไอศวรรย์ผู้เดียวที่สำเร็จเทพ แต่เผ่ามนุษย์…หากรวมจักรพรรดินีด้วยแล้ว มีผู้ที่สำเร็จเทพแล้วถึงหกคน!
ที่สำคัญกว่านั้น คือนภาคิมหันต์ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่เผ่ามนุษย์ไม่เหมือนกัน
พูดให้ถูกต้องก็คือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แดนศักดิ์สิทธิ์ได้ควบคุมเผ่ามนุษย์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นตงเซิ่งหรือเซิ่งเทียน ต่างก็ต้องก้มหัวให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าที่เต้าซื่อจะมีความตั้งใจที่จะแยกตัวออกมา แต่การที่สามารถลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิองค์หนึ่งได้ และทำให้กลายเป็นคดีปริศนาที่ไขไม่มได้มาช้านาน แสดงให้เห็นถึงขอบเขตการควบคุมของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อเผ่ามนุษย์ในดินแดนต้องประสงค์
และการที่จักรพรรดินีเลือกที่จะสำเร็จเทพ ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระของเผ่ามนุษย์ในดินแดนต้องประสงค์ และแสดงให้เห็นว่าจากนี้ไปเผ่ามนุษย์ไม่อาจควบคุมได้อีก ดังนั้นแม้จะไม่มีเสียงคำรามของดวงตะวันแสงอรุณสี่สิบเก้าดวง ดินแดนศักดิสิทธิ์เสวียนโยวก็จะไม่ยอมรับเช่นกัน!
มิฉะนั้นแล้ว คงไม่สัญญากับเผ่ากลืนนภาในตอนแรก ที่ให้จักรพรรดิของตนเป็นคมดาบ ทดสอบพลังของจักรพรรดินี
ดังนั้น สำหรับเผ่ามนุษย์ในเวลาแล้วพลังที่ขวางกั้นอาจรวมทั้งเทพเจ้า เผ่าพันธุ์แข็งแกร่ง และแดนศักดิ์สิทธิ์!
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่กล่าวว่านี่เป็นการต่อต้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ดังนั้นจึงมีการกระทำในอดีตที่แดนศักดิ์สิทธิ์ใช้พระราชโองการในการกำหนดและดึงดูดดวงชะตามา
และนั่นเป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น
ในขณะนี้ การตอบโต้ขั้นนที่สองของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงแล้ว
แดนศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือท้องฟ้า จึงไม่อาจลงมาได้ง่ายๆ ดังนั้นวิธีการของพวกเขาจึงมีข้อจำกัด ไม่สามารถแทรกแซงได้โดยตรง แต่ลำพังอาศัยสิ่งที่หลงเหลือจากอดีต ก็ยังทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
ทันใดนั้น บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ก็เกิดความปั่นป่วน เสียงฟ้าร้องดังครืนครัน จากนั้นก็มีเงาร่างยักษ์ก็บินผ่านความว่างเปล่า เข้ามาแทนที่ผืนเผ่ามนุษย์
นั่นคือสัตว์ร้ายที่มีหัวเป็นมนุษย์และลำตัวเป็นมังกร
ร่างกายอันใหญ่โตบดบังท้องฟ้า เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น ผู้บำเพ็ญทุกคนต่างตกตะลึง
ความรู้สึกเคารพบูชาคล้ายจะผุดขึ้นจากจิตวิญญาณของพวเขา ทำให้การแสดงออกของคนส่วนใหญ่เปลี่ยนไป
ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวนี้มาถึง และกำลังผชิญหน้ากับจักรพรรดินีบนท้องฟ้า ดวงตาเย็นชา ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆ
ใบหน้าของมันไม่บ่งบอกเพศ ลำตัวแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา เกล็ดแต่ละเกล็ดบรรจุกฎเกณฑ์ สามารถสั่นคลอนรากฐานการฝึกบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญทุกคนได้
มันคือวิถีสวรรค์
หนึ่งในวิถีสวรรค์บรรพกาลเก้าสิบเก้าตนของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์!
และไม่ใช่แค่หนึ่งเท่านั้น!
ในทันใดนั้น วิถีสวรรค์ตนที่สองก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือท้องฟ้า
วิถีสวรรค์ตนที่สองนี้เป็นสิงโตเก้าเศียร เดินทางมาจากระยะไกล นำมาซึ่งพายุฝนฟ้าคะนอง สร้างพลังกดดันอันรุนแรง ฉีกทึ้งทำลายทุกสรรพสิ่ง
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ในพริบตา รูปปั้นโบราณสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า พลังแห่งการผนึกพวยพุ่งขึ้นจากรูปปั้นดังกล่าว
ต่อมา ก็เป็นนกกระเรียนสีขาวบริสุทธิ์ ส่งเสียงร้องดังกังวาน บินมาจากขอบฟ้า และวนเวียนเหนือเผ่ามนุษย์
นี่ก็เป็นวิถีสวรรค์เช่นกัน
วิถีสวรรค์ตนสุดท้ายที่ปรากฏขึ้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นตราประทับขนาดใหญ่!
ตราประทับนี้เก่าแก่อย่างยิ่ง มันแผ่รัศมีแห่งกาลเวลา บนตราประทับสลักภาพทิวทัศน์ของดินแดนต้องประสงค์ และสลักภาพเผ่ามนุษย์จำนวนมาก ในสัญลักษณ์นั้นมองเห็นเผ่ามนุษย์เหล่านั้นกำลังต่อสู้กับเทพเจ้า
นี่คือ…ตราประทับเผ่ามนุษย์!
เป็นตราประทับของจักรพรรดิโบราณองค์แรกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในอดีตกาล และต่อมาถูกส่งขึ้นสู่ฟากฟ้า กลายเป็นหนึ่งในวิถีสวรรค์บรรพกาลของดินแดนต้องประสงค์
ในขณะนี้ มีวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้งหมดห้าตนรวมถึงตราประทับนี้ด้วย ลอยลงมาจากท้องนภาเผ่ามนุษย์
นี่คือมรดกที่แดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนโยวหลงเหลือไว้ในดินแดนต้องประสงค์ และบัดนี้ถูกนำมาใช้เพื่อหยุดยั้งจักรพรรดินี
ในทันใดนั้น ฟ้าดินก็พลันเปลี่ยนสี ลมพายุพัดกระหน่ำ พลังแห่งวิถีสวรรค์มหาศาล ก่อให้เกิดกฎเกณฑ์กดทับผู้คน
แผ่นดินสั่นสะเทือน ห้วงสูญตาแตกสลาย ตราประทับนับไม่ถ้วนห่อหุ้มร่างจักรพรรดินี
ชาวเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา ผู้บำเพ็ญ หรือขุนนาง ต่างก็แสดงสีหน้าสับสน งุนงง ยกเว้นเพียงไม่กี่คนที่ยังคงสีหน้าเป็นปกติ
จักรพรรดินีเป็นหนึ่งในนั้น
นางยืนอยู่กลางอากาศ พลังของนางไม่ได้ลดน้อยถอนลงแต่อย่างใด แต่กลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้นภายใต้แรงกดดันจากวิถีสวรรค์
ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดขัดขวางความมุ่งมั่นของนางได้
ไม่มีพลังใดที่จะโค่นล้มนางได้

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา