บทที่ 96 สิ่งประหลาดโรงเตี๊ยม
สายลมพัดในราตรีมืดมิด แสงจันทร์เย็นเยียบ
แสงราตรีเข้มข้นจนแยกไม่ออก ราวกับมีมือตัวแทนความตายข้างหนึ่ง หยิบพู่กันความเป็นตาย ระบายหมอกที่ดำราวน้ำหมึกจนทั่ว ดังนั้นราตรีที่แน่นหนักจึงกลายเป็นภาพวาดแห่งความตายขึ้นมา
ดำสลัวไปทั้งผืน
และคนในประกาศจับที่ถูกตรึงไว้กับกำแพง เลือดสีแดงสดแต่ละหยดที่ไหลออกมาจากบาดแผลบนคอ กลายเป็นสีสันสุดสยดสยองพองเกล้าในโลกดำสลัวแห่งนี้
จนกระทั่งมีร่างในชุดคลุมเต๋าสีเทาร่างหนึ่ง เดินเข้าไปในม้วนภาพพร้อมกับเสียงฝีเท้าคงที่ที่ดังก้อง เข้ามาแทนที่สีเลือดที่แยงตานั้น จนกลายเป็นความเย็นเยียบขั้นสุดด้านนอกโรงเตี๊ยมถนนทองผุด
ความเย็นเยียบนี้ราวกับทำให้เลือดสดที่ไหลหยดนั้นแข็งตัวไปครู่หนึ่ง และยิ่งทำให้ชายชราที่หน้าประตูโรงเตี๊ยมนั่น ม่านตาหดเล็กลง จ้องมองไปยังเงาที่เดินเข้ามา
ผมดำยาวประบ่า ร่างโปร่งสูงชะลูด ดวงตาเย็นชาเข้ากับใบหน้าที่ได้รูปคมชัดราวกับเป็นดาบคมที่ค่อยๆ ชักออกจากฝัก
สวี่ชิงนั่นเอง
เขาสีหน้าเรียบเฉย เดินทีละก้าวไปหยุดที่ข้างศพภายใต้การจับจ้องของชายชราถนนทองผุด ล้วงเอาถุงหนังของอีกฝ่าย ดึงกริชออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ตวัดปาดเบาๆ ศีรษะก็ลอยออกมาและถูกเขาคว้าไว้ ตอนศพร่วงลงมา เท้าขวาของเขาก็หวดเตะออกไป
และศพก็ร่วงไปอยู่ที่ใต้เท้าของชายชราพอดี
สีหน้าชายชราเคร่งขรึม ด้านหลังกลับมีเสียงลมลอดเข้ามา หัวของงูยักษ์ค่อยๆ ยื่นออกมา จังหวะที่เห็นสวี่ชิงในดวงตาของมันก็เผยประกาย
“ฟ่อฟ่อ”
“ข้าเลี้ยงเจ้า” สวี่ชิงมองงูยักษ์ผาดหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบ
งูยักษ์ดีใจมาก กลืนลงไปในคำเดียว พยักหน้าให้กับสวี่ชิง
“สวี่ชิง เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!” ชายชราถนนทองผุดจ้องสวี่ชิงเขม็ง เอ่ยอย่างเย็นชา
สวี่ชิงก็มองไปทางชายชรา มือขวาโบกสะบัด ฉับพลันกริชในมือก็พุ่งแหวกอากาศออกไป ส่งเสียงแหลมหวีดหวิว แทนที่เสียงกรีดร้อง เสียบเข้าไปยังหน้าผากของคนในประกาศจับที่กำลังพุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็วอีกคนหนึ่ง
กะโหลกของคนผู้นี้แตกละเอียดด้วยพลังมหาศาล สีแดงและสีขาวสาดกระจายออกมาพร้อมกัน ร่างของเขาก็ถูกแรงปะทะนี้ซัดจนถอยไปสองจั้ง เสียงปึงดังขึ้น กระแทกกับพื้นอย่างแรง
ภาพนี้ ชายชราถึงกับหว่างคิ้วกระตุก เขาสัมผัสได้ว่าสวี่ชิงตรงหน้าคนนี้ ดูจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่อยู่บนเกาะกิ้งก่าทะเลก่อนหน้าเสียอีก ในใจก็กลัดกลุ้มขึ้นมาทันที
“เจ้าจะทำอะไรกันแน่!” ชายชราจ้องสวี่ชิงอย่างขุ่นเคือง เอ็นบนใบหน้าปูดโปน ความรู้สึกอันตรายวูบหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนตัวเขา รอบด้านมีเชือกหลายสายห้อยลงมาจากอากาศ
และตอนที่พวกมันปรากฏตัว พลังความร้อนวูบหนึ่งก็ระเบิดฉับพลันบนตัวสวี่ชิง กลายเป็นอุณหภูมิสูงกวาดไปทั้งสี่ด้าน เชือกเหล่านั้นก็พากันม้วนขดทันที ไม่กล้าเข้าใกล้
ตอนนี้เอง เสียงกรีดร้องอีกเสียงก็ดังลอดมาจากอีกแห่งที่ไม่ไกลนัก
นั่นคือคนในประกาศจับคนที่สาม เพียงแค่เข้าใกล้สถานที่นี้ทั่วร่างก็ดำคล้ำติดพิษจนตาย
สวี่ชิงไม่สนใจคนในประกาศจับที่ตายไป มองไปยังคอของชายชรา ในใจชั่งน้ำหนักว่าควรสังหารดีหรือไม่ กลิ่นอายค่อยๆ เย็นเยียบขึ้น
ชายชราจ้องสวี่ชิงเขม็ง ในใจก็กลัดกลุ้ม เขารู้เป้าหมายที่อีกฝ่ายมาที่นี่ แต่การจะต้องจ่ายหินวิญญาณออกไปหลายพันก้อนมันก็น่าเจ็บปวด ดังนั้นเมื่อครู่ที่เจรจาสอบถาม เขาคิดจะใช้ถุงหนังที่เคยให้ไปเมื่อครั้งนั้นเป็นเหตุผลในการไม่จ่ายหินวิญญาณ
แต่สวี่ชิงก็ไม่พูดอะไร นี่ทำให้เขาเข้าใจว่าตนเองจะพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะจิตสังหารบนตัวอีกฝ่ายที่แผ่ออกมาแล้วเวลานี้ ทำให้ใจชายชราเต้นตึกตักขึ้นมา วิกฤตความเป็นตายรุนแรงหลั่งทะลัก
“สวี่ชิงเจ้าอย่าเพิ่งบุ่มบ่าม ข้ายังมีไม้ตายอยู่!! และไม้ตายก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้ มันแค่มีหน้าตาเป็นโรงเตี๊ยมเท่านั้น แต่อันที่คือสิ่งประหลาด ตอนนี้มันกำลังอยู่ในห้วงนิทรา แต่ถ้าตื่นขึ้นมา ยอดเขาลำดับหนึ่งก็ยังต้องตรงมาที่นี่เพื่อสะกดมันทันที ถึงตอนนั้นเจ้าก็จบเห่แน่!!”
ชายชราพูดจาเร็วรี่ พอพูดจบทั้งโรงเตี๊ยมก็สั่นสะเทือน คลื่นที่น่ากลัววูบหนึ่งก็แผ่ซ่านออกมาจากโต๊ะเก้าอี้รวมไปถึงก้อนอิฐ ราวกับว่าโรงเตี๊ยมจะกลายเป็นสิ่งประหลาดในเวลานี้ กำลังจะตื่นขึ้น
สวี่ชิงม่านตาหดลง เกิดความรู้สึกวิกฤตแรงกล้าขึ้นหาใดเปรียบในตอนนี้ ถอยฉากออกมาในพริบตา
ส่วนงูยักษ์ก็ขดตัวอยู่ห่างๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ จ้องมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่ออกตัวช่วยใครทั้งนั้น เหมือนเข้าใจว่าสองคนนี้ไม่น่าจะสู้กัน และไม่มีทางอันตรายจนถึงชีวิต มันก็เหมือนจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของโรงเตี๊ยม แต่สีหน้าเหมือนจะเผยความรู้สึกใกล้ชิดบางอย่างออกมา ศีรษะยันอยู่บนพื้น เหมือนกำลังทักทายโรงเตี๊ยม
แต่หลังจากสังเกตเห็นสวี่ชิงที่มองมายังตน มันก็รีบร้อนส่งเสียงฟ่อๆ ออกมา ทั้งยังพยักหน้าไม่หยุด เหมือนกำลังเตือนสวี่ชิงว่าที่ชายชราพูดมาน่ะถูกต้อง
“สวี่ชิง ข้าไม่ใช่มนุษย์ โรงเตี๊ยมนี่ก็ไม่ใช่โรงเตี๊ยมธรรมดา มันเป็นสิ่งประหลาดประเภทหนึ่ง และเผ่าข้าเองก็มีความสามารถอย่างหนึ่ง สามารถทำให้สิ่งประหลาดตกอยู่ในห้วงนิทราได้
“ดังนั้นหลายปีมานี้ข้าจึงพามันที่อยู่ในห้วงนิทรามายังเจ็ดเนตรโลหิต เตรียมจะขายให้กับยอดเขาลำดับหนึ่ง แต่ยอดเขาลำดับหนึ่งก็ไม่ให้เงินกับข้าทันที ให้ข้าปกป้องสิ่งประหลาดนี้เอาไว้สิบปีจึงจะจ่ายเงินให้ ไม่มีทางเลือก พวกเขารับปากว่าจะให้เงินก้อนใหญ่มหาศาล ดังนั้นข้าจึงตอบตกลง แต่ข้าก็ยากจนนะ ข้าเองก็ต้องฝึกบำเพ็ญเช่นกัน
“แล้วข้ากับหวงเหยียนก็เป็นเพื่อนรักกัน ข้าช่วยชีวิตจางซานไว้ นายกองหกกับข้าเองก็มีความสัมพันธ์ความเป็นความตายกันอยู่ สวี่ชิงเจ้าอย่าได้บุ่มบ่ามเชียว พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ก่อนหน้าข้าให้เบาะแสประกาศจับกับเจ้าไปก็เป็นเรื่องจริง ข้าไม่คิดจะทำร้ายเจ้า”
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม มองชายชราที่รีบอธิบาย จากนั้นก็มองไปที่โรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมในราตรีตอนนี้ในสายตาเขาราวกับกลายเป็นปากกว้างที่น่ากลัวและเงียบงันขนาดใหญ่ กลืนกินทุกสรรพสิ่งได้
เขารู้ว่าชายชราคนนี้ไม่ธรรมดา จะต้องมีวิธีการเอาตัวรอดอยู่แน่ ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงยังไม่ลงมือ แต่ก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าไม้ตายของเขาจะอยู่ที่ตัวโรงเตี๊ยม!
และคำพูดของอีกฝ่าย เรื่องขายให้กับยอดเขาลำดับหนึ่งอะไรนั่น สวี่ชิงไม่เชื่อ
แต่ความรู้สึกเมื่อครู่ก็เป็นของจริง การจะเสี่ยงเข้าไปสังหารในตอนนี้ สวี่ชิงรู้สึกว่าไม่คุ้ม
นิสัยระแวดระวังของเขา เวลานี้ตัดสินใจจะไม่ลงมือ คิดจะสอดส่องที่นี่อีกสักพัก จึงชำเลืองมองชายชรา เก็บจิตสังหารลง เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“เอาหินวิญญาณมาให้ข้า!”
เมื่อสัมผัสได้ว่าจิตสังหารสวี่ชิงสลายไปแล้ว ชายชราก็ล้วงเอาตั๋ววิญญาณสามใบออกมาจากหน้าอก ทั้งหมดสามพัน พอสะบัด ตั๋ววิญญาณสามใบนี้ก็พุ่งไปหาสวี่ชิง สวี่ชิงรับไปตรวจสอบพักหนึ่ง จากนั้นก็ตัดหัวของคนประกาศจับ ถือไว้ในมือ หันหลังเดินไปอย่างไม่ลังเล
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาพูดมาแค่สองประโยค
มองร่างสวี่ชิงที่เดินจากไป งูยักษ์ก็รีบยื่นหัวออกมา ส่งเสียงฟ่อฟ่อเรียก น้ำเสียงเหมือนจะมีความยินดีปรีดา
สวี่ชิงไม่หันกลับมา เดินห่างออกไปช้าๆ
“ไม่ต้องเรียกแล้ว งูตาขาวอย่างเจ้านี่นะ หินวิญญาณของพวกเราหมดเกลี้ยงแล้ว เจ้าไม่ใช่แค่ไม่เสียใจ แต่ยังไปเข้าข้างเขาอีก เมื่อครู่เขาจะสังหารข้าจริงๆ แล้วนะ โรงเตี๊ยมนี่เกือบจะตื่นขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ!” ชายชราเดือดดาล รีบล้วงเอายาแก้พิษออกมากิน
“ฟ่อ!”
“เจ้ายังมาบอกว่าสมน้ำหน้าอีก…” ชายชราพอได้ยินก็ยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม สะบัดชายเสื้อ นั่งลงตรงนั้นสูบยาสูบ ในใจรู้สึกพรั่นพรึงกับจิตสังหารที่สัมผัสได้เมื่อครู่นี้
“ปราณพิฆาตบนตัวเจ้าเด็กคนนี้ เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ไม่รู้ว่าบนเกาะกิ้งก่าทะเลเป็นอย่างไรบ้าง ต้องออกไปหาข่าวเสียหน่อยแล้ว!”
สวี่ชิงเดินไปด้านหน้าในราตรีอย่างเงียบเชียบ หัวสมองปรากฏภาพโรงเตี๊ยมก่อนหน้า ความมหัศจรรย์บนโลกนี้ ทำให้เขาไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายพูดออกมาได้ แต่ความรู้สึกอันตรายที่โรงเตี๊ยมนั้นแผ่ออกมาคือของจริง
ดังนั้นหลังจากเดินจากมาไกลแล้ว สวี่ชิงจึงหันหน้าไปมองถนนทองผุดที่ห่างออกไป ครู่ต่อมาจึงหลุบสายตาลง เก็บจิตสังหาร
เพราะเรือเวทยังยกระดับไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นสวี่ชิงจึงตัดสินใจว่าจะไปกรมปราบพิฆาต ด้านหนึ่งคือเพื่อรายงานตัวหลังจากที่ลาพักร้อน อีกด้านหนึ่งคือคิดจะไปพักที่นั่นสักคืน และด้านในกรมปราบพิฆาต สวี่ชิงก็เห็นนายกองที่เพิ่งจะเสร็จภารกิจและกำลังเดินออกมาพอดี
นายกองกินผิงกั่วพลางเดินออกมาด้านนอก หลังจากเห็นสวี่ชิงรวมถึงศีรษะทั้งสามในมือ เขาก็หรี่ตาลงยิ้มๆ โยนผิงกั่วมาให้ผลหนึ่ง
“ขยันเสียจริง เพิ่งกลับมาก็ออกไปจับผู้ร้ายเสียแล้ว ครั้งนี้ที่ออกไปเก็บเกี่ยวมาไม่เยอะพอหรือ”
สวี่ชิงรับมา จากนั้นจึงล้วงตั๋ววิญญาณหนึ่งร้อยหินวิญญาณใบหนึ่งยื่นไปให้
“ก็พอใช้ได้”
“ข้ากลับได้ยินมาว่า ใกล้ๆ หมู่เกาะปะการังตะวันตกมีเกาะอยู่เกาะหนึ่ง คนตายไปตั้งมากมาย เจ้าคงไม่ได้ไปที่นั่นหรอกกระมัง” นายกองรับตั๋ววิญญาณไป ดูดีใจมาก จึงนั่งลงบนม้าหินข้างๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน
สวี่ชิงมองนายกองผาดหนึ่ง ส่ายศีรษะ
นายกองกินผิงกั่วพลางยิ้มบาง ไม่พูดหัวข้อนี้ต่อ แต่จงใจแสร้งใช้เสียงต่ำเอ่ยขึ้นอย่างลึกลับ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา