บทที่ 985 ทะเลต้องห้ามท้องฟ้าปรวนแปร!
………………..
วิหคมาเยือนทะเลต้องห้าม สั่นสะเทือนทุกชีวิต
วันนี้หมู่เกาะที่มีกลุ่มเผ่าอยู่มากมายบนทะเลต้องห้ามล้วนถูกบดบังท้องฟ้าในพริบตานั้น!
รัศมีสีแดงเข้าแทนสีท้องฟ้า
พายุที่พัดไหลอยู่กลางอากาศเข้าแทนความว่างเปล่า
เปลวเพลิงที่กวาดม้วนผิวทะเลชิงสิทธิ์นั้นไปจากคลื่นทะเลต้องห้าม
พวกมันพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง กวาดซัดด้วยจิตสังหารและความโกรธเกรี้ยว!
“ปักษาสวรรค์ทักษิณออกสู่ทะเล!”
“นั่นคือวิหคเพลิงสวรรค์!”
“เกิดเรื่องอะไร ถึงกับทำให้วิหคเพลิงสวรรค์โมโหปานนี้!!”
เสียงเคารพยำเกรง เสียงหวาดหวั่นพรั่นพรึงอื้ออึงบนหมู่เกาะมากมายในทะเลต้องห้าม
สายตานับไม่ถ้วนพากันตกไปยังท้องฟ้า ตกไปยังเงาร่างใหญ่โตที่กลายเป็นพายุน่ากลัวกวาดม้วนฟ้าดิน
การคาดเดาต่างๆ ก็คืบขยายตามมา แต่ไม่ว่าอย่างไร ยามนี้…ทุกเผ่าที่เห็นฉากนี้ในทะเลต้องห้ามล้วนจิตใจเกิดคลื่นหมื่นจั้ง
จึงมองไปยังทิศทางที่พายุมุ่งหน้าพร้อมกันโดยสัญชาตญาณ
…
ทะเลต้องห้าม เหนือแดนต้องห้ามมรณะในอดีต แดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีตั้งตระหง่านอยู่ตรงนี้ดุจภูเขามหึมา
ภูเขานี้สูงใหญ่ยิ่ง เงยหน้ามองยากเห็นยอดเขา ยังกินบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล
มองไกลๆ มีรอยตราอักขระลึกลับมากมายปรากฏบนเขาเป็นระยะ พวกมันแหวกว่ายพร้อมเปล่งแสงเรืองรอง เวียนมาชนกันเองบ่อยครั้ง จะมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังเบาต่างกันทอดมาตามจำนวนที่รอยตรากระทบกัน
บางครั้งแผ่วเบาราวกระซิบ บางครั้งรุนแรงดุจอัสนี
นี่คือมหาค่ายกลคุ้มกันบรรพตของแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณี มหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดของเผ่าเป็นคนวางไว้ตอนนั้น
แดนศักดิ์สิทธิ์ถูกเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เพราะมีมหาจักรพรรดิ
ตอนจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวจากไป คนที่มีคุณสมบัติติดตามเขาไปย่อมเป็นเผ่าต่างๆ ที่มีมหาจักรพรรดิบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
เพียงแต่หลังจากเวลาไหลผ่าน หลังจากเกิดเหตุการณ์เหนือคาดที่ไม่อาจล่วงรู้ สุดท้ายยังมีวันสิ้นมหาจักรพรรดิ
ดังนั้นจึงมีการปรากฏของแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลือง
หลังมหาจักรพรรดิผู้บุกเบิกเผ่าแดนศักดิ์สิทธิ์สิ้นชีพก็ไม่มีมหาจักรพรรดิคนใหม่มาสืบทอด แดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้…ก็คือระดับเหลือง
แดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีก็เป็นสถานการณ์เดียวกัน แม้มหาจักรพรรดิเผ่านี้สิ้นชีพนานแล้ว แต่มหาค่ายกลคุ้มกันบรรพตที่วางไว้ยังคงปกป้องเผ่านี้มาหลายหมื่นปี
เพียงแต่ด้วยเวลาไหลผ่าน ไม่มีพลังมหาจักรพรรดิส่งเสริม อานุภาพของมันก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลง บัดนี้ไม่มีพลังขั้นสูงสุดอย่างเคย แต่ยังคงแข็งแกร่ง
ยามนี้ขณะรอยตราค่ายกลเปล่งแสง เกล็ดน้ำแข็งหลายพันลี้รอบด้านที่เกิดจากชั้นน้ำแข็งบนภูเขาละลายตกบนทะเลต้องห้ามก็สั่นไหวเล็กน้อย คล้ายกำลังสั่นพ้องกับค่ายกล
พื้นที่นี้เรือเข้าไม่ได้ อสูรทะเลไม่กล้าย่างกราย เกิดเป็นเกาะภูเขาบนทะเลต้องห้าม
บวกกับกลิ่นอายเอกภพที่แผ่จากเขาลูกนี้ ให้ความรู้สึกเก่าแก่คร่ำโลก ขณะเดียวกันก็มีความกดดันไร้ที่มาผสานกับความว่างเปล่าบนดินแดนต้องประสงค์ เกิดเป็นกลุ่มหมอกสีขาว
ไอหมอกกระจายทั่วทิศโดยมีเขาลูกนี้เป็นศูนย์กลาง เทียบกับทะเลต้องห้ามมืดมิดรอบด้าน สีตัดกันอย่างชัดเจน
ดังนั้นช่วงเวลานี้ เผ่าอื่นบนหมู่เกาะรอบด้านต่างมองว่าที่นี่เหมือนแดนสวรรค์
แต่วันนี้…นอกแดนสวรรค์มีลมปีศาจพัดเสียงมารทอดมา
ลมนี้เกิดจากเปลวเพลิง มุ่งมาจากทางใต้ พริบตาที่ปรากฏ สะท้อนเสียม่านฟ้าแดงฉานดุจย้อมด้วยเลือดสด คล้ายวันสิ้นโลกมาเยือน
เผาไหม้จนหมอกดำบนทะเลต้องห้ามพลิกม้วน ราวกับภูติผีปีศาจนับไม่ถ้วนกำลังดิ้นรนส่งเสียงกระซิบประหลาดอยู่ในนั้น
นี่คือส่วนหนึ่งของเสียงมาร
อีกส่วนหนึ่งกลับเป็นเสียงหวีดแหลมของสายลม
ยามนี้ฟ้าคำรนดินคำราม สรรพสิ่งทุกชีวิตล้วนกำลังส่งเสียงชวนเวทนา
รวมเข้าด้วยกันเกิดเป็นเสียงคำรามสนั่นหูสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
แดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีเป็นหนังหน้าไฟ
เกล็ดน้ำแข็งหลายพันลี้บนผิวทะเลพลันละลาย
หมอกขาวที่ปกคลุมที่แห่งนี้ถูกจุดไฟในพริบตา ส่วนที่กลายเป็นเปลวเพลิงยังม้วนกลับด้วยสายลมอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะที่เผยให้เห็นภูเขาใหญ่โตด้านใน…
สีแดงฉานปกคลุมม่านฟ้าโดยสิ้นเชิง เพลิงลุกไหม้แผ่คลุมทะเลต้องห้าม พายุและเสียงคำรามกลายเป็นทุกสิ่งในพื้นที่แห่งนี้ แปลงเป็นเงาร่างมหึมาดุจอินทรีดุจปักษาสวรรค์
พุ่งมายังแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีทันใด
พริบตาที่เข้าใกล้ เงาร่างน่าหวาดกลัวดุจอินทรีดุจปักษาสวรรค์นี้ยื่นกรงเล็บใหญ่ยักษ์ออกจากเมฆดำ
คว้ามายังเขาลูกนี้อย่างโหดเหี้ยมจากบนลงล่างพร้อมสายฟ้าแลบนับไม่ถ้วน!
คล้ายหมายจะดึงภูเขามหึมานี้ขึ้นจากทะเล!
กรงเล็บของวิหคเพลิงสวรรค์เคลื่อนลงจากฟ้าดุจมือเทพเจ้า ผ่านบริเวณใดความว่างเปล่าล้วนฉีกขาด ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น ทะเลต้องห้ามกำลังยุบลง
พลังกดดันน่าหวาดกลัวพร้อมความโกรธเกรี้ยวรุนแรงแผ่คลุมทั่วทิศในชั่วลมปราณ
เมื่อเคลื่อนลง เปลวเพลิงเทียมฟ้าแผดเผาน้ำทะเลรอบเขาลูกนี้ทั้งหมด เปลวเพลิงบนม่านฟ้าแผ่คลุมเขาลูกนี้ทุกพื้นที่
เสียงสนั่นหวั่นไหวพลันแหวกท้องฟ้าขึ้นมา สะท้านสะเทือนทะเลต้องห้าม
เขาบ่อเกิดกาลกิณีสั่นไหวรุนแรง
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงแค่นเย็นพลันทอดมาจากในเขา พริบตาต่อมารอยตราอักขระทั้งหมดของภูเขานี้ลอยขึ้นฟ้าพร้อมกัน รวมเป็นม่านแสงมหึมา
เป็นมหาค่ายกลคุ้มกันบรรพตของแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณีนั่นเอง
ยามนี้ค่ายกลปรากฏ แสงหมุนวนเกิดเป็นรัศมีเรืองรองสาดส่องทั่วทิศ ขณะเดียวกันรอยตรานับไม่ถ้วนในนั้นก็ต่างส่งพลังทรงอานุภาพออกมา
ทำให้การป้องกันของม่านแสงนี้บรรลุถึงขีดสุด ต่อต้านกรงเล็บของวิหคเพลิงสวรรค์ที่คว้าเข้ามาทันใด
เสียงสนั่นหวั่นไหวกระเทือนท้องฟ้า
มากพอให้สะเทือนครึ่งหนึ่งของคลื่นทะเลต้องห้ามจนระเบิดกระจายในฉับพลัน
น้ำทะเลรอบด้านซัดคลื่นใหญ่สูงเทียมฟ้าม้วนทั่วทิศ
กรงเล็บวิหคเพลิงสวรรค์สุดท้ายก็ไม่อาจเคลื่อนลง คว้าอยู่บนค่ายกลนั้น
ในค่ายกล ชาวเผ่าทั้งหมดในแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อเกิดกาลกิณียามนี้แต่ละคนล้วนจิตใจปั่นป่วน พวกเขาพากันเงยหน้ามองวิหคเพลิงสวรรค์ที่บดบังนภาอยู่นอกค่ายกล
ขณะทุกคนเกิดคลื่นในใจ เงาร่างผู้เฒ่าคนหนึ่งปรากฏบนยอดเขา
เป็นบรรพจารย์ที่มีพลังบำเพ็ญเจ้าเหนือหัวขั้นสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์นี้นั่นเอง
เขาเงยหน้ามองโลกภายนอกผ่านม่านแสง
เขารู้จักวิหคเพลิงสวรรค์ และรู้ฐานะของอีกฝ่ายในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ
ยังคาดพลังและสภาวะของเขาได้ด้วย
แต่ตอนนี้ดูแล้ว พลังของวิหคเพลิงสวรรค์ที่เขาคิดไว้ยังถือว่าสอดคล้อง แต่สภาวะที่คิดไว้กลับต่างกันมากโข
‘ดินแดนต้องประสงค์หรือแม้กระทั่งเอกภพล้วนหาสิ่งประหลาดได้ยาก พลังต้นกำเนิดเทพของมันน่าสะพรึงกลัว บนตัวกลับไม่มีผลกรรมของซ่างฮวงแม้แต่น้อย…’


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา