ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 148

“เธออย่ามายุ่งนะ เทียนเอินยังเรียนไม่จบเลย และอีกอย่างเขาก็จำอดีตตัวเองไม่ได้ ไม่แน่เขาอาจจะมีแฟนแล้วก็ได้”

ตามความเข้าใจของเซิ่งอันหรานและสไตล์ที่สอดคล้องกันของถานซูจิ้ง เมื่อเธอเริ่มให้ความสนใจกับชายหนุ่มแล้ว นั่นหมายความว่ากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เกาจ้านเป็นผู้ชายที่แย่ ถ้าต้องการจะคุยจริงๆ เธอกับเกาจ้านก็เหมาะสมกันที่สุดแล้ว

“ทำไมเธอถึงเหมือนแม่ของเธอแบบนี้นะ ?” ถานซูจิ้งจ้องมองเธอ “ฉันเพิ่งถามเธอว่าทำไมเธอถึงทำตัวเหมือนมีคนแย่งผู้ชายของเธอ ”

“คนโง่”

“ด่าใครโง่กัน ? เธอสิโง่” “ถานซูจิ้งโยนหมอนลองอย่างโกรธเคือง ฉันเห็นแล้วไม่เข้าใจเลย ? เกิดอะไรขึ้นกับหนุ่มน้อยของฉัน ?”

“คุณลืมมันไปเถอะ ฉันยังไม่รู้จักคุณเลย และอีกอย่างก็ดังแค่สามนาที ดูละครเกาหลีพี่น้องรักกันอะไรพวกนี้ใช่ไหม ตัดใจเถอะ ฉันว่าเกาจ้านก็ดีกับคุณนะ เชื่อฟังคำด้วย”

“เขาเชื่อฟังคำพูดของผู้หญิง”

เมื่อพูดถึงเกาจ้าน ถานซูจิ้งก็รีบราวกับกำลังเบี่ยงเบนความสนใจ เธอละสายตาที่มองไปยังห้องครัวอย่างเกียจคร้าน “สันดานดิบแก้ไม่ได้หรอก”

“ทำไม ? ยั่วผู้หญิงอีกแล้วเหรอ ? ช่วงนี้พวกคุณสองคนไม่ได้มีความสุขกันเหรอ ?”

“เขาไม่ยั่วก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนเข้ามาเริ่ม เขาไม่เหมือนอวี้หนานเฉิงของเธอที่บริสุทธิ์อยู่บ้านตลอด คนยังไม่ดัง คุณหวังจะให้เขาอยู่บ้านไม่ออกไปไหนนะเหรอ ? ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ถ้าอยากจะมีชีวิตอย่างสงบสุข ทุกคนก็สามารถแสร้งทำเป็นปิดหูปิดตาได้หมดแหละ”

เมื่อเห็นท่าทางถานซูจิ้งที่ดูมีสติและไม่สนใจอะไรเลย ทันใดนั้นเซิ่งอันหรานก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ซูจิ้ง อันที่จริงบางครั้งเรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันจบไป คนเราต้องมองไปข้างหน้า คุณอย่ากลัวที่จะมองอนาคต แล้วแบกรับอะไรไว้คนเดียว และแสร้งทำเป็นเหมือนอะไรก็ไม่รู้ไม่สนใจ อย่างไรซะเรื่องในอดีตพวกนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นอีก”

ถานซูจิ้งกำหมัดแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “ฉันไม่ได้สนใจเรื่องอดีต ในตอนนั้นที่เธอเจอฉัน อนาคตของคนอื่นอยู่ในมือของตัวเอง แต่กลับฉันไม่ใช่ ดังนั้นฉันเลยไม่คาดหวัง และไม่อยากจะคาดหวังกับคนอื่นมากเกินไป ตอนนี้มีความสุขมันก็ดีแล้ว”

“บางทีมันก็อาจจะไม่กลับไปซ้ำรอยแล้วก็ได้นะ ? นี่มันก็สามปีแล้วไม่ใช่เหรอที่ไม่เกิดเรื่องซ้ำแบบเดิม ?”

เซิ่งอันหรานรีบจับมือของเขา มือเธอเย็นเฉียบ ราวกับว่าไม่มีอุณหภูมิเลย

“เธอก็พูดแล้วนี่ มันก็แค่บางที”

สีหน้าของถานซูจิ้งเรียบเฉย ในสายตาที่เจ้าเล่ห์คู่นั้นมีเรื่องราวอยู่มากมาย ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้อดีตของเธอ อดีตที่น่าอับอายพวกนั้น มันส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของเธอ

หลังจากเงียบไปนาน เซิ่งอันหรานก็ได้ยินเสียงของเกาจ้านที่กำลังเลือกจานในครัวอย่างระมัดระวัง เธอจึงหันศีรษะไปถามถานซูจิ้น

“งั้นคุณตั้งใจจะบอกเขาไหม ?”

ถานซูจิ้งส่ายศีรษะ กะพริบตา

“บอกเขาทำไม ไม่แน่พวกเราสองคนทานข้าวมื้อนี้เสร็จอาจจะเลิกกันก็ได้ ?”

เซิ่งอันหรานถอนหายใจอีกครั้ง คิ้วของเธอไม่สามารถขยับได้แล้ว

หม้อไฟใกล้จะเตรียมพร้อมแล้ว

วันซานฝู เครื่องปรับอากาศในห้องก็เย็นมาก และในหม้อก็ร้อนจัดจนควันขึ้นเช่นกัน

เสี่ยวซิงซิงเริ่มกินของที่ต้องหลีกเลี่ยงตั้งแต่สามขวบ ดังนั้นการกินเผ็ดจึงไม่เป็นอะไร แต่จิ่นซี แค่ชิมเนื้อวัวที่ปรุงในหม้อไฟไปคำเดียว ก็น้ำตาไหลออกมาแล้ว

“แค่กแค่ก แค่กแค่ก”

เด็กชายตัวเล็กไอ เซิ่งอันหรานรีบเอาน้ำให้เขาดื่ม กว่าจะหายไปได้ไม่ง่ายเลย เด็กน้อยปฏิเสธที่จะนั่งอยู่บนโต๊ะต่อ เขาถือกล่องช็อกโกแลตเดินกลับห้องไป เสี่ยวซิงซิงกินอีกสองสามคำก็เดินตามเข้าไป

“เด็กคนนี้กินเผ็ดได้เหมือนพ่อของเขา” เกาจ้านทำหน้าเคร่งขรึม

ตอนที่พี่เฉิงยังเด็กเขาก็มักจะทำสีหน้าเหมือนคนชรา และยังชอบไม่สนใจผมอีก มีปีหนึ่งในวันโกหกเพื่อนๆมาเล่นด้วยกันและได้ทำขนมปังกรอบซอสเผ็ดให้เขากิน เห็นได้ชัดว่าเขาเผ็ดจะตายอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงอดทน ในที่สุดโชคดีที่ผมพบแล้วพาไปส่งห้องฉุกเฉินได้ทันเวลา

ถานซูจิ้งมองเขา

“ทำไมถึงต้องเป็นคุณที่รู้ตลอดเลย ?”

“ก็......เกาจ้านแตะจมูกตัวเอง พรหมลิขิตมั้ง”

“จริงเหรอ ?” เซิ่งอันหรานถามอย่างไม่เกรงใจว่า “แต่ฉันได้ยินมาว่าในตอนที่หนานเฉิงเป็นเด็กเพราะว่าเรื่องนี้เขาต้องนอนโรงพยาบาลสองวัน และคุณร้องไห้อยู่บนหัวเตียงเขาทุกวัน นี่คงไม่ใช่เพราะความเป็นพี่น้องกันหรอกมั้ง”

“ทำไมแม้แต่เรื่องนี้พี่เฉิงก็บอกคุณด้วย ?”

แววตาของเกาจ้านร้อนรน

นั่นสิทำไมกันนะ ? ถานซูจิ้งถามต่อ

“ไม่ต้องพูด”

สายเกินไปที่เกาจ้านจะหยุดแล้ว

เซิ่งอันหรานพูดความจริงต่อหน้าทุกคน “เพราะว่าป้ายซอสเผ็ดนั้นให้เขา ต่อมาหนานเฉิงเลยเข้าโรงพยาบาล เกาจ้านถูกพ่อเขาตีจนต้องวิ่งไปขอโทษที่โรงพยาบาล ตราบใดที่หนานเฉิงไม่ยอมพูดให้อภัย เขาก็จะโดนตีทุกวัน หลังจากพูดขอโทษมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ แต่หนานเฉิงก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดกับเขาสักคำ”

“โหดร้ายมาก” ถานซูจิ้งหัวเราะ

“อะไรเนี่ย !” เกาจ้านไม่สบอารมณ์ “นั่นเป็นเพราะว่าพี่เฉิงเผ็ดมากจนทำให้พูดไม่ได้เป็นสัปดาห์ !ต่อมาเมื่อพูดได้แล้ว เขาก็รีบให้อภัยผมทันทีเลย”

“ไม่ใช่เจ้าชายนิทราสักหน่อย พูดไม่ได้แล้วยังไงล่ะ ?” ถานซูจิ้งพูดเสริม “คุณดูจิ่นซีสิ เขาพูดไม่ได้มีผลกระทบต่อการแสดงออกกับคนอื่นด้วยเหรอ ?”

ทันใดนั้นเกาจ้านก็สูบบุหรี่

หลังจากทุกคนพูดล้อเลียนกันอยู่พักหนึ่ง เทียนเอินก็เริ่มถามเรื่องที่จิ่นซีไม่สามารถพูดได้

“จิ่นซีไม่ใช่เกิดมาแล้วพูดไม่ได้เลยเหรอ ?”

“ไม่ใช่ ”เซิ่งอันหรานส่ายศีรษะ “เห็นบอกว่าตอนยังเด็กเขาเคยมีไข้ขึ้นสูง และหลังจากนั้นก็ไม่ยอมพูด แต่รายละเอียกเป็นอย่างไรนั้นฉันเองก็ไม่ค่อยรู้”

เมื่อเกาจ้านได้ยินว่ามีโอกาสกู้หน้าคืน เขาจึงรีบพูดต่อว่า

“น่าจะเมื่อตอนจิ่นซีอายุสามขวบ ในตอนนั้นจิ่นซียังอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณปู่ ผมเพิ่งไปถามคุณปู่เรื่องนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าคุณปู่จะไม่อยู่บ้าน ผมแค่อยากจะไปดูหลานชายของผม แต่เมื่อเข้าไปดู ก็เห็นว่าพี่เลี้ยงไม่อยู่ และจิ่นซีก็ถูกขังอยู่ในห้อง เขานั่งร้องไห้อยู่บนเตียงคนเดียว”

“พี่เลี้ยงไม่อยู่เหรอ ? เด็กร้องดังขนาดนี้ยังไม่มีใครสนใจอีก ?”

เทียนเอินถามต่อ

“คุณไม่เคยไปบ้านเก่าของตระกูลอวี้ ดังนั้นเลยไม่ค่อยรู้ เกาจ้านเหลือบมองเขา บ้านเก่าใหญ่มาก จิ่นซีและคุณปู่ไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะผมตั้งใจไปหาก็คงจะไม่รู้เรื่องนี้”

หัวใจของเซิ่งอันหรานรู้สึกบีบตัว

ถ้าไม่ใช่เพราะเกาจ้านอยากไปเยี่ยม เกรงว่าวันนี้เธอก็คงไม่ได้เจอจิ่นซีแล้ว

“ตระกูลอวี้ไม่ใส่ใจจิ่นซีเลยเหรอ ? พี่เลี้ยงเด็กทำไมถึงไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้ ?”

ดูเหมือนว่าเทียนเอินจะจับพิรุจอะไรได้ จึงถามเรื่องพี่เลี้ยงเด็กต่อไป

เมื่อสติของเซิ่งอันหรานกลับมา เธอก็เริ่มสงสัยขึ้นมา

เธอเพิ่งไปบ้านเก่าของตระกูลอวี้มา บ้านทั้งหลังมีคนรับใช้อยู่ทั่วทุกมุม แม้แต่ลูกสาวบุญธรรมของคุณปู่คนนั้น——ยังมีคนรับใช้คอยตามไม่ห่างกายอยู่ตั้งสองคน ด้วยความรักและความใส่ใจของคุณปู่ที่มีต่อจิ่นซีแล้วไม่มีทางที่จะไม่มีพี่เลี้ยงให้กับจิ่นซี

เรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ เทียนเอินพูดเตือนทำให้ใจของเธอเย็นชาขึ้นมา

ถ้าเป็นฝีมือของคน ถ้าอย่างนั้นคนคนนี้ก็ต้องมีความคุ้นเคยกับระบบคนรับใช้ในตระกูลอวี้เป็นอย่างดี ตอนไหนมีคน ตอนไหนที่คนน้อย จนส่งผลกระทบให้เกิดสถานการณ์ความประมาณแบบนี้ออกมาได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะคิดได้

คนคนนี้คุ้นเคยกับบ้านเก่ามาก บางทีอาจจะเป็นคนของตระกูลอวี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน