เรื่องที่อวี้จิ่งซีพูดไม่ได้เป็นความเจ็บปวดในใจของหญิงชรามาโดยตลอด ยังไงปีนั้นอวี้หนานเฉิงก็ฝากเด็กคนนี้ไว้กับเขา และเกิดเรื่องขึ้น ทำให้เขารู้สึกผิดมานานนับหลายปี โดยมักจะรู้สึกว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ตอนนั้นไม่ให้คนดูแลเด็กน้อยไว้ให้ดี
เมื่อเซิ่งอันหรานเตือนเรื่องนั้นอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกว่าอุบัติเหตุในครั้งนั้นผิดปกติจริงๆ
หลังอาหารเย็น พ่อบ้านเหล่าโจวส่งเซิ่งอันหรานและทุกคนไปที่ประตูบ้าน แล้วพูดผ่านประตูรถ
“คุณเซิ่ง ไม่ต้องกังวลนะครับ แม้ว่าพี่เลี้ยงในตอนนั้นจะถูกไล่ออกไปแล้ว แต่ก็มีบันทึกเอกสารอยู่ คืนนี้ผมจะตรวจสอบและแจ้งให้คุณทราบในทันทีหากพบเบาะแสครับ”
“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
เซิ่งอันหรานขอบคุณเขา
ระหว่างทางกลับ เด็กสองคนผล็อยหลับที่เบาะหลัง เทียนเอินมองเห็นเซิ่งอันหรานมีท่าทีคิดมากในกระจกมองหลังและถามว่า "ต่อให้ได้รับเบาะแสก็ไม่มีกะจิตจะใจตรวจสอบใช่ไหม? "
เซิ่งอันหรานได้สติและพยักหน้ารับ "นายเป็นหมอดูเหรอ? ถึงรู้ว่าคนอื่นเขาคิดอะไรอยู่น่ะ"
“ผมแค่อยากหาอะไรทำเฉยๆต่างหาก ถ้าพี่ไว้ใจผม ปล่อยให้ผมจัดการเรื่องนี้เถอะ"
“นายเหรอ?” เซิ่งอันหรานประหลาดใจ “นายจะทำยังไง?”
“ก่อนอื่นต้องหาข้อมูลของพี่เลี้ยงทุกคนที่ดูแลจิ่งซีในตอนนั้น ค้นหาทุกคนที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และค้นหาสภาพความเป็นอยู่ปัจจุบันของพวกเขาและการเคลื่อนไหวในบัญชีธนาคารทั้งก่อนและหลังอุบัติเหตุของจิ่งซี ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ที่เหลือพี่ก็คงเดาออกนะ”
ชัดเจนและตรรกะสมเหตุสมผล
เหลือข้อสงสัยประการเดียว "เทียนเอิน นายคิดอะไรได้แล้วใช่ไหม?"
“นิดหน่อยครับ ดูเหมือนว่าอาชีพที่ผมทำจะเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้” เทียนเอินยิ้มและพูดติดตลก “บางทีผมอาจจะเคยเป็นตำรวจมาก่อนก็ได้”
“จะเป็นไปได้ยังไง” เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “อย่างมากเธออายุแค่ 20 ปีเท่านั้นแหละ ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะฝึกงานเลยด้วยซ้ำ ยังเรียนไม่จบแน่ๆ”
เทียนเอินไม่แน่ใจ ในความมืดมิดยามค่ำคืน...สายตาลึกลับได้ปรากฏขึ้น
วันรุ่งขึ้นเซิ่งอันหรานไม่ได้ไปทำงาน และได้รับโทรศัพท์จากเส้าซือในตอนเช้าเกี่ยวกับบริษัทที่เขาเซ็นสัญญา เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับข่าวที่เผยแพร่ออกไป
“พี่ ผมทำให้พี่ลำบากอีกแล้ว” เมื่อเส้าซือเห็นเซิ่งอันหราน เขาก็รู้สึกผิด “ผมว่านะนักข่าวพวกนี้บ้าไปแล้ว พวกเขาเขียนอะไรแบบนี้ได้ยังไง”
เซิ่งอันหรานตบไหล่เขาและขอให้ผู้จัดการของเส้าซือพาอวี้จิ่งซีและเซิ่งเสี่ยวซิงออกไปเล่นข้างนอก
“ข่าวนั้นมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่เมื่อเช้ามีข่าวใหม่ออกมาอีกแล้ว” ผู้จัดการของเส้าซือถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าสร้อย
“เซิ่งอันเหยา” เซิ่งอันหรานรับช่วงต่อ “ฉันเห็นข่าวระหว่างทางมาที่นี่ และเธอกล้าที่จะทำมันจริงๆ”
ในช่วงเช้าตรู่มีคนบนอินเทอร์เน็ตอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทของแฟนสาวเส้าซือ พวกเขาเปิดเผยว่าเส้าซือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนสาวของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาถูกเซิ่งอันหรานตามตื๊อ ด้วยความกตัญญูและอำนาจของเซิ่งอันหราน ทำให้เส้าซือต้องจำยอม
เนื้อหาของการเปิดเผยค่อนข้างแตกต่างจากข้อเท็จจริง แต่ชาวเน็ตโพสต์ซ้ำบนอินเทอร์เน็ตอย่างบ้าคลั่ง
“จดหมายของทนายถูกส่งไปแล้ว แต่ต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่จะถูกฟ้องร้องเรื่องการละเมิดชื่อเสียง หากเราไม่ดำเนินการใดๆ อาจทำให้การงานของเส้าซือเริ่มต้นด้วยความคลอนแคลนและแย่ลง"
“แย่ลงก็แย่ลงสิ” เส้าซือพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ผมไม่ทำอาชีพนี้แล้วก็ได้ และไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแก้ปัญหาของพวกคุณด้วย”
“วิธีแก้ปัญหาเหรอ?” เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “พวกคุณจะแก้ไขปัญหายังไง?”
เส้าซือมองไปที่เหลยจวิ้น "พี่สาวของผมอยู่นี่ คุณกล้าบอกเธอไหมล่ะ?"
เหลยจวิ้นมองไปที่ใบหน้าของเซิ่งอันหรานอย่างระมัดระวัง
“พวกเราแค่คิดว่าอาจจะลองเล่นตามน้ำดู ก็ยอมรับไปเลยว่าเส้าซือกับเซิ่งอันเหยาเป็นแฟนกัน แล้วทางเราก็ติดต่อกับเซิ่งอันเหยาไปแล้ว เธอยินดีที่จะช่วยยืนยันเรื่องรูปของพวกคุณ”
“ผมอยากจะบ้าจริงๆ” เส้าซือมองเหลยจวิ้นอย่างว่างเปล่า
เซิ่งอันหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งและยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า "คุณถามเซิ่งอันเหยาแล้วใช่ไหมว่าเธอจะช่วยจริงๆ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน