“วางใจได้ ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ว่าอวี้ฉีเฟิงจะทำอะไร หรือต้องการจะทำอะไร หากเรื่องยาเสพติดได้ถูกตีข่าวลงหนังสือพิมพ์สักครั้ง ถึงเขาจะคิดอย่างไรก็เปล่าประโยชน์”
น้ำเสียงของกู้เทียนเอินบ่งบอกถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
อวี้หนานเฉิงพยักหน้าครุ่นคิด
“งั้นนายระวังตัวด้วยแล้วกัน”
“คุณไม่ต้องห่วง จะเกิดอะไรขึ้นได้ ในเมื่อรอบตัวผมมีกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียนเราอยู่นะครับ ครั้งนี้จะต้องกำจัดได้สิ้นซากแน่”
หลังจากวางสายไปแล้ว อวี้หนานเฉิงก็มองไปยังกองเอกสารหนาทึบบนโต๊ะด้วยท่าทางเย็นชา
หลายปีมานี้ แม้อวี้ฉีเฟิงจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ ในเซิ่งถังกรุป แต่เรื่องที่เขากระทำการอย่างลับๆ อยู่ที่นี่ก็มีไม่น้อย
“คุณชาย” คนรับใช้เคาะประตู “คุณเซิ่งและคนในบ้านมาถึงแล้วค่ะ พวกเขากำลังพูดคุยกับคุณท่านอยู่ที่ลานหน้าบ้าน คุณชายจะทานอาหารเย็นเวลานี้หรือจะรออีกสักครู่ค่อยทานดีคะ”
อวี้หนานเฉิงพยักหน้า
“ไปจัดเตรียมเลยแล้วกัน”
พูดเสร็จเขาก็ลุกเดินจากห้องครัวไปทางลานหน้าบ้าน ยังไม่ถึงประตูออกไปลานบ้านก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังเข้ามาแล้ว
“อันหรานอยู่ตระกูลซูมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงค่อยมาอยู่กับตระกูลเซิ่ง แต่ในสายตาของผมกับน้าสะใภ้ของเขาเธอก็เหมือนเป็นลูกของพวกเราครับ"
คนที่พูดชื่อซูเจี่ยน เป็นน้าชายของเซิ่งอันหราน
เมื่อครั้งที่อวี้หนานเฉิงได้พูดคุยอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมากับเซิ่งอันหราน เธอถึงเก็บเรื่องในอนาคตนี่เอาไว้ในใจอย่างจริงจัง ดังนั้นเมื่อชายชราขอพบญาติของเธอ จึงตอบตกลงโดยไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไป
เนื่องจากสถานะพิเศษของน้าซูเจี่ยนจึงไม่สะดวกปรากฏตัวในที่สาธารณะ ครั้นแล้วจึงจัดให้ไปทานอาหารในบ้านเก่าของตระกูลอวี้แทน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการปรึกษาหารือและตกลงกันระหว่างน้าชายและน้าสะใภ้
น้ำเสียงของชายชราเบิกบานใจเป็นอย่างมาก
“งั้นเด็กสองคนนี้ก็ผ่านประสบการณ์ในวัยเด็กมาไม่ต่างกันเลยสิ หนานเฉิงโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อแม่ดูแล เป็นฉันที่คอยอยู่เคียงข้างเขาจนเติบใหญ่ ถึงมีนิสัยเก็บตัวอยู่บ้าง หลายปีมานี้ฉันไม่เคยเห็นเขาถูกใจสาวคนไหนมาก่อนเลย ก็มีแต่อันหรานนี่ล่ะที่เขาชอบ ฉันเห็นแล้วก็ถูกชะตา อย่างนี้ไม่ใช่ว่าได้ลิขิตไว้ให้ตระกูลอวี้ของเราแล้วหรอกหรือ?”
เซิ่งอันหรานนั่งข้างๆ น้าสะใภ้ของเธอ เวลานี้เธอยังไม่มีสิทธิ์พูด จึงได้แต่มองดูคนทั้งสามคือ น้าชาย น้าสะใภ้และคุณท่านกำลังทักทายปราศรัยอย่างสุภาพผสมการหยั่งเชิงไปในตัว
น้าสะใภ้ไม่ค่อยพอใจตระกูลอวี้อย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอทำหน้าเย็นชามาตั้งแต่แรกๆ ที่เดินเข้ามา ทั้งยังมีท่าทีไม่สนใจชายชราอีกด้วย
ไม่ต่างอะไรกับการนั่งอยู่บนกองไฟ พอเซิ่งอันหรานเห็นร่างอันคุ้นเคยที่หน้าประตูก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“หนานเฉิง”
และแล้วสายตาของทุกคนก็จ้องไปที่หน้าประตู
“หนานเฉิงมานี่ มา” ชายชรากวักมือเรียกเขา พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่พอใจนัก “ทำไมเพิ่งจะมาเอาป่านนี้ หนูอันหราน น้าชายและน้าสะใภ้ของอันหรานมาได้สักพักนึงแล้วนะ”
อวี้หนานเฉิงไม่อธิบาย เขาเดินไปนั่งข้างชายชราในตำแหน่งที่ตรงกับเซิ่งอันหรานพอดี โดยมีโต๊ะรับแขกทรงยาวทำจากไม้หวงฮวาหลีคั่นกลางระหว่างคนทั้งสอง
เมื่อเห็นเซิ่งอันหรานขยิบตาให้อย่างเต็มที่ เขาก็ขมวดคิ้ว
“ห้องครัวกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ครับ อีกสักพักก็ทานได้แล้ว จะให้เรียกเด็กๆ ลงมาก่อนเลยไหมครับ?”
เดิมทีเขาก็ไม่ถนัดในการขัดจังหวะที่น่าอึดอัดอยู่แล้ว คำพูดนี้ของเขาเรียกได้ว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
น้าสะใภ้เหลือบมองเขาพลางพูดอย่างเย็นชาว่า
“ไม่ต้องรีบหรอก แค่ดูก็รู้แล้วว่าคุณชายอวี้ไม่รู้วิธีจัดการกับเด็ก หากเรียกเด็กสองคนลงมาตอนห้องครัวยังเตรียมอาหารไม่เสร็จ เด็กๆ ทนรอไม่ได้อยู่แล้ว พอถึงเวลากินข้าวจริงๆ จะยิ่งซุกซนกว่านี้อีก”
อวี้หนานเฉิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
จู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมา
เซิ่งอันหรานไอแห้งๆ ออกมา "คุณน้า ซิงซิงน้อยและจิ่งซีเป็นเด็กดีมาก ไม่ใช่เด็กที่ชอบซุกซนแบบนั้นเลยนะคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน