ใบหน้าของอีกฝ่ายตกตะลึง แต่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เพียงไม่นานก็สงบลง
“แต่กลับไม่เคยบอก”
คำขอโทษฉายออกมาทางสีหน้าแววตาของเซิ่งอันหราน “แม่ของฉันช่างเหลือเกินจริงๆ เรื่องแบบนี้ไม่พูดให้ชัดเจน ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป”
“ยังไงฉันก็ต้องขอโทษ คุณทนายเฉียวเป็นคนจิตใจดี ต้องเจอเรื่องแบบนี้ของฉันตอนที่มานัดบอดกับคุณ คุณคงไม่มีอะไรจะพูด ฉันเข้าใจค่ะ”
“ก็ดีนะครับ”
ท่าทางนิ่งสงบของเฉียวเซินเกินความคาดหมายของเซิ่งอันหราน
‘ก็ดี’คำพูดคำนี้ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เธอ
มีใครที่ไหนคิดว่าการนัดดูตัวกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้วและยังมีลูกสองอย่างเธอเป็นเรื่องดีอยู่บ้าง?
เขาสวมหน้ากากอยู่งั้นเหรอ? เซิ่งอันหรานครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ระหว่างที่รอบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ เธอแอบมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามตั้งแต่หัวจรดเท้า มองหาข้อบกพร่องในบุคลิกแสนเป็นสุภาพบุรุษของเขา
“คุณหมอฟ่านทำงานที่โรงพยาบาล ปกติก็ยุ่งมากอยู่แล้ว การดูแลเด็กๆ คงเป็นงานที่หนักเอาการเลยสินะครับ”
หลังจากพนักงานเสิร์ฟออกไป อีกฝ่ายก็เริ่มพูดถึงเรื่องเด็กๆ
เซิ่งอันหรานยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้ยากเกินไป แต่ฉันก็ไม่มีแพลนที่จะมีลูกอีกในอนาคตนะคะ แค่พวกเขาสองคนก็เพียงพอแล้ว”
ผู้ชายโดยส่วนใหญ่บนโลกใบนี้อยากมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองกันทั้งนั้น เธอไม่เชื่อว่าเฉียวเซินคนนี้เมื่อได้ฟังแบบนี้แล้วจะไม่โกรธ
อีกฝ่ายค่อยๆ หั่นสเต๊กที่วางอยู่ตรงหน้าช้าๆ แม้จะได้ยินไปขนาดนั้นสีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยน
“พูดแบบนี้ ก็ดีนะครับ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ผมก็ไม่อยากมีลูก”
“ห๊ะ?” เซิ่งอันหรานชะงักงัน
“ผมคิดว่าผมคงไม่สามารถอบรมสั่งสอนลูกได้ตามแบบที่ตัวเองคาดหวังไว้ ผมคิดเสมอว่าการมีชีวิตที่ผ่านวันเวลาดีๆ นับเป็นโชคดีอย่างมาก แต่จุดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะเกิดความรู้สึกร่วมกันได้ พูดตามตรง ก่อนที่จะมา ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับคุณหมอฟ่านมากนัก แต่เมื่อได้ยินที่คุณพูดเมื่อสักครู่ ผมคิดว่าเราเหมาะสมที่จะแต่งงานกันนะครับ”
“ห๊ะ?” สีหน้าของเซิ่งอันหรานเปลี่ยนไปทันใด “คุณล้อเล่นใช่ไหม?”
“ผมไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรล้อเล่นหรอกนะครับ” เฉียวแนะนำซินวางชิ้นเนื้อสเต๊กที่หั่นแล้วไว้ในจานตรงหน้าเซิ่งอันหราน “ลองชิมดูครับ สเต๊กเวลลิงทันของที่นี่ทำได้ตามแบบดั้งเดิมมาก”
เซิ่งอันหรานกัดชิมไปหนึ่งคำ สมองครุ่นคิดถึงเพียงคำพูดที่เขาเพิ่งพูดไปเมื่อครู่
“คุณหมอฟ่านคงยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผม ถามได้ตามสบายเลยครับ ผมไม่สูบบุหรี่ไม่ดื่มเหล้า ไม่มีประวัติไม่ดี นอกจากออกไปทำงานนอกสถานที่ในบางครั้ง ก็เป็นคนที่ดูแลบ้านช่องดีพอสมควร หลังจากแต่งงานไม่ต้องไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ชีวิตของผมค่อนข้างน่าเบื่อ ยกเว้นว่ามีบางครั้งที่ออกไปปีนเขาเล่นบ้าง นอกนั้นก็อ่านหนังสืออยู่บ้าน...”
ท่าทีเฉียวเซินดูเหมือนว่าจะชอบเธอจริงๆ เขาพูดแนะนำตัวเสียยืดยาว
เซิ่งอันหรานที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับตึงเครียดขึ้นมาทันที ผ่านไปสักพักก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกัดฟันพูดออกไป พร้อมฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร
“แบบนี้เองสินะ? เราสองคนเติมเต็มซึ่งกันและกัน ฉันชอบออกไปเที่ยวเล่น โดยเฉพาะที่ไนต์คลับในตอนกลางคืน หลังจากนี้ถ้ามีโอกาสฉันจะพาคุณไปด้วย และอีกอย่างเหล้าและบุหรี่ฉันคงต้องห่างไปสักระยะ ถ้าคุณรังเกียจ ฉันจะลองดูนะคะ”
เซิ่งอันหรานจ้องมองสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างออกนอกหน้าด้วยความตื่นเต้น
“ใช่สิ คุณเคยเล่นไพ่นกกระจอกไหมคะ? ที่บ้านฉันเราชอบเล่นนกกระจอกกันมากๆ อย่ามองว่าลูกสาวคนเล็กฉันเป็นแค่เด็กอายุสิบสองนะคะ ทักษะการเล่นไพ่นกกระจอกของเธอ ไล่ตามฉันมาติดๆ เลยล่ะค่ะ”
เที่ยวไนต์คลับ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นไพ่ แต่งงานแล้ว และยังมีลูกสอง ทุกอย่างที่กล่าวมาในการนัดดูตัวครั้งนี้ตกเป็นเบี้ยล่างได้อย่างแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายไม่ถือสาแม้การแต่งงานแล้วและมีลูกสองของเธอ คงไม่จำเป็นต้องพูดกันถึงขนาดนี้
พูดไปเนิ่นนาน อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไรแม้คำเดียว แต่สีหน้าของเขากลับลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงของเซิ่งอันหรานค่อยๆ แผ่วลง รู้สึกวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“คุณหมอทำงานยุ่งขนาดนี้ การใช้ชีวิตของคุณหมอฟ่านคงสุดๆ ไปเลยใช่ไหมครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน