ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 457

คำสารภาพสุดโรแมนติก

เป็นแผนการแรกที่โจวหลานเลือกออกมาจากแผนการทั้งหลาย และเป็นแผนหนึ่งที่มีอัตราความสำเร็จสูง นั่นก็คือให้อวี้หนานเฉิงสวมชุดตุ๊กตาพิคาชูไปเต้นที่ลานกลางแจ้ง ดึงดูดความสนใจของเซิ่งอันหราน แล้วหลังจากนั้นมอบดอกกุหลาบให้เธอ เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมก็ถอดหัวตุ๊กตาออก

ทันทีที่เขาถอดหัวตุ๊กตา ด้านหลังจะมีโชว์ร้องเพลงหม่านเฉิงเยียนฮวา แม้จะเป็นเพลงเก่า แต่ก็เป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จมานักต่อนัก ไม่มีผู้หญิงคนไหนต้านทานความโรแมนติกนี้ได้

แต่ไม่มีใครคิดว่า เมื่อมาถึงครึ่งทางเฉียวเซินจะปรากฏตัวออกมา ทำลายแผนการทั้งหมด

โจวหลานรับประกันความสำเร็จให้อวี้หนานเฉิง เพราะยังมีแผนการที่สอง และแผนการที่สองจะให้เฉียวเซินอยู่ในแผนการนี้ไม่ได้เด็ดขาด

เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความผิดพลาดซ้ำรอย ครั้งนี้ โจวหลานตั้งใจเลือกสถานที่เจอกับเซิ่งอันหรานเป็นที่ทำงานของเธอ และเลือกเป็นตอนเที่ยงของวันทำงานปกติ

เฉียวเซินเป็นคนบ้างานขนาดนั้น คงไม่อาจหนีงานออกมาในตอนเที่ยงได้

เที่ยงวันถัดมา ณ ที่จอดรถของโรงพยาบาลจินหลิง

ภายในรถ โจวหลานเตรียมการไว้อย่างดี

“ท่านประธานอวี้ คราวนี้ต้องไม่มีปัญหาแน่นอนครับ ผู้หญิงทุกคนล้วนไม่ลืมมิตรภาพเก่าๆ เพียงแค่คุณใช้ของที่เคยมีความรักต่อกันเหมือนเมื่อครั้งก่อนเก่ามอบให้เธอ เธอต้องประทับใจแน่นอนครับ ขอเพียงแต่เธอประทับใจ คุณก็จัดการได้เลย”

พูดจบ โจวหลานก็หันกลับมามอง “ว่าแต่คุณเตรียมอะไรมาครับ? ผมขอดูก่อนได้ไหม? ผมกลัวว่าจะเหยียบทุ่นระเบิดเข้า แล้วแผนเราจะล้มไม่เป็นท่าอีก”

อวี้หนานเฉิงมอบกล่องที่เตรียมไว้นานแล้วให้เขา

“ดูสิ”

กล่องสี่เหลี่ยมหนังกลับสีดำ ดูเหมือนกล่องเครื่องประดับที่เอาไว้ใส่สร้อยคอ แต่เมื่อโจวหลานเปิดออกดู ถึงกลับต้องสูดลมหายใจเข้าปอด

“ท่านประธานอวี้ นี่คืออะไรครับ?”

หลังจากเปิดกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ข้างในกล่องมีแหวนเพชรสิบวงวางอยู่เรียงราย ที่เล็กที่สุดก็ไม่น้อยกว่าห้ากะรัต เปล่งประกายระยิบระยับหลากสี จนทำเขาเกือบตาบอด

“แหวนแต่งงาน”

สีหน้าของอวี้หนานเฉิงนิ่งสงบ “ใช้มันตอนขอแต่งงานในปีนั้น แต่ไม่รู้ว่าเธอชอบแบบไหน เลยสั่งทำขึ้นมาให้แตกต่างกันสิบแบบ”

เมื่อพูดถึงเรื่องปีนั้น สีหน้าแววตาของเขาก็ค่อยๆ หมองลง

ถ้าไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นตามมา พวกเขาทั้งสองคงได้แต่งงานกันไปนานแล้ว ลูกสาวควรได้เติบใหญ่ของอยู่ข้างกายเขา ไม่ใช่กลายเป็นคนแปลกหน้าเมื่อเจอกัน ไร้ซึ่งความรู้สึกผูกพัน

“สั่งทำขึ้นสิบอัน...” โจวหลานพยายามสงบอารมณ์ของตัวให้เป็นปกติ จากนั้นปิดกล่องเครื่องประดับลงและส่งคืนอย่างระมัดระวัง “คุณรีบไปเถอะครับ”

ถ้าไม่โทรหาโจวฟังถามถึงประวัติของเซิ่งอันหรานล่วงหน้า เขาคงอ้าปากค้างไปแล้ว เพราะไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน อวี้หนานเฉิงคนที่เขารู้จัก เป็นไปไม่ได้ที่จะลุ่มหลงผู้หญิงคนหนึ่งได้มากมายขนาดนี้

ในทางกลับกัน มีผู้หญิงสักกี่คนบนโลกที่ไม่สะทกสะท้านต่อการจู่โจมเช่นนี้ ช่างแปลกคนจริงๆ

อวี้หนานเฉิงลงจากรถและเดินตรงเข้ามาทางประตูหลักของโรงพยาบาลจินหลิง รูปร่างแข็งแกร่งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงชนพลุกพล่าน ผู้คนมากมายที่อยู่รอบๆ จ้องมองมาที่เขา

เพราะเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง คนที่ห้องปฏิบัติการจึงน้อยกว่าที่อื่น อวี้หนานเฉิงออกมาจากลิฟต์ มองเห็นเซิ่งอันหรานออกมาจากแผนกและเดินอยู่ตรงทางเดินเข้าพอดี

เขาดีอกดีใจ รีบสาวเท้าก้าวเร็วขึ้น หลังจากที่ก้าวออกไปได้เพียงสองก้าวก็เห็นเซิ่งอันหรานรับกล่องเก็บความร้อนมาจากผู้ชายคนหนึ่ง เพราะยืนอยู่ไกล จึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองกำลังพูดคุยอะไรกัน เห็นเพียงแค่รอยยิ้มสดใสของเซิ่งอันหราน ซึ่งเขาเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก ในรอบห้าปีที่ผ่านมา

เขาบีบกล่องเครื่องประดับในมือแน่น จิตใต้สำนึกสั่งให้เดินเข้าไปถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะถามอะไรแบบนั้น เขายืนนิ่งอยู่สักพัก จึงตัดสินใจหันหลังกลับแล้วเดินจากไป

เวลานี้ เซิ่งอันหรานกำลังหิ้วกล่องเก็บความร้อนไว้ในมือ จ้องเห็นเฉียวเซินในชุดสูทเรียบไร้รอยยับตรงหน้า แล้วเอ่ยถาม

“ทนายเฉียว หายากนะคะ? ทำไมวันนี้คุณมาเองล่ะ? คุณป้าไปไหน?

“วันนี้คุณแม่มีธุระ และพอดีว่าผมจำเป็นต้องคุยกับเสี่ยวชวงสักหน่อย”

“แล้วทำไมคุณไปเอาไปส่งเองล่ะคะ”

“ผมกลัวว่าเธอจะไม่กินของที่ผมเอามาส่ง ต้องรบกวนคุณหมอเซิ่งเดินไปส่งให้หน่อยนะครับ รอให้เธอทานข้าวกลางวันเสร็จ ผมถึงจะไปคุยกับเธออีกครั้ง”

“ได้ค่ะ” เซิ่งอันหรานพูดหยอกเย้า “ทนายเฉียว ไม่ใช่ว่าเริ่มตั้งแต่วันนี้ ฉันคงไม่ต้องช่วยคุณปิดบังแบบนี้ต่อไปแล้วสินะคะ?”

เฉียวเซินยิ้มเล็กน้อย ความอบอุ่นฉายอยู่ในแววตาของเขา “อืม”

“......”

เซิ่งอันหรานนำกล่องเก็บความร้อนไปยังห้องหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้าไปก็เห็นฟ่านหลิงชวงกำลังจ้องมองโทรศัพท์ ประหนึ่งพระภิกษุเฒ่าเข้าฌาน ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ

“หัวหน้า ทำอะไรอยู่น่ะ?”

“คุณทำฉันตกอกตกใจหมด” ฟ่านหลิงชวงเงยหน้าขึ้นมาทันควัน เหลือบมองเซิ่งอันหราน “คุณป้าเขาเอามาส่งเหรอ?”

“ยกให้” เซิ่งอันหรานวางกล่องเก็บความร้อนไว้บนโต๊ะของเธอ “กินซะตอนที่มันยังร้อนๆ ฉันไปก่อนล่ะ”

“เดี๋ยวก่อน” ฟ่านหลิงชวงเรียกเธอให้หยุด

“ทำไมฉันรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง? ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ป้าของเฉียวเซินก็ยังเอาอาหารมาส่งให้ ตอนเที่ยงเธอไม่อยู่ที่โรงพยาบาล งั้นก็ไม่สบาย ไม่กินอันนั่น ไม่กินอันนี่ อาหารที่ครอบครัวเขาส่งมาให้ทั้งหมดก็ให้ฉันกิน?”

“ใช่” เซิงอันหรานกะพริบตาปริบๆ “นี่เป็นอาหารกลางวันที่ส่งมาให้คุณตั้งแต่แรก แต่ฉันกินไม่ไหวแล้ว คุณอย่าลืมนะ ครอบครัวของทนายเฉียวกำลังเล็งมาที่คุณ”

ฟ่านหลิงชวงถึงกลับสำลัก พูดอะไรไม่ออก ผ่านสักพักจึงเอ่ยขึ้น “แต่คนที่เจอกับเฉียวเซินมาตลอดก็คือคุณ”

“เราเจอกันแค่สองครั้ง” เซิ่งอันหรานยกนิ้วมือขึ้นสองนิ้วไขว้กันไว้ จากนั้นเหลือบมองไปที่โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะอย่างสนอกสนใจ “เพียงแค่สองครั้ง แต่คนที่กำลังคุยกับทนายเฉียวอยู่คือคุณต่างหากล่ะ”

ใบหน้าของฟ่านหลิงชวงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที “คุยอะไร ใครคุย ฉันไม่ได้คุยอะไรกับเขาสักหน่อย”

“ใช่ ไม่ได้คุยเลย” เซิ่งอันหรานพึมพำ “อย่างไรซะ หลังจากนี้ฉันไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเป็นคุณอีกแล้ว”

“คุณพูดว่าอะไรนะ?”

“ไม่มีอะไร ฉันจะกลับแล้ว”

ดูจากท่าทีสับสนของฟ่านหลิงชวงในตอนนี้ เกรงว่าคงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเฉียวเซินไปแล้ว แม้เธออยากรู้ว่า ท้ายที่สุดเฉียวเซินใช้วิธีอะไรที่เพียงแค่แชทคุยก็ได้รับความสนใจจากหัวหน้าฟ่าน คนที่สนิทกับพวกผู้ชายน้อยที่สุดในโรงพยาบาลนี้ได้ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไปอย่างโจ่งแจ้ง

คิดว่าเฉียวเซินคงสารภาพกับฟ่านหลินชวงหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เมื่อเรื่องทุกอย่างชัดเจน เธอจะได้ไม่ต้องเล่นละครต่อหน้าฟ่านหลิงชวงอีกต่อไป เซิ่งอันหรานจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

อีกด้าน โจวหลานที่กำลังฟังเล่นร็อกแอนด์โรลอยู่ภายในรถ จับพวงมาลัยด้วยความภาคภูมิใจ มองเห็นร่างร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาตัวเองแต่ไกลๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว จึงรีบปิดเสียงเพลงลงทันที

ตามหลังมาด้วยเสียงปิดประตูดัง “ปั้ง” ทำให้รถสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ท่านประธานอวี้ คุณ ทำไมคุณกลับมาเร็วขนาดนี้ละครับ?”

เมื่อมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นกล่องแหวนเพชรยังคงอยู่ในมืออวี้หนานเฉิงเช่นเดิม

โจวหลานชะงักไปชั่วครู่ เอ่ยถามอย่างลังเล

“คุณหมอเซิ่งไม่อยู่ที่โรงพยาบาลเหรอครับ? แต่ผมตรวจดูมาแล้วนะ วันนี้เธอเข้าเวรที่โรงพยาบาล”

ดูเหมือนว่าอวี้หนานเฉิงจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด สายตาล่องลอยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง อดนึกถึงขึ้นมาเสียไม่ได้เมื่อเห็นเซิ่งอันหรานและเฉียวเซินอยู่เคียงข้างกันเป็นครั้งที่สอง และเธอหัวเราะอย่างมีความสุขทั้งสองครั้ง

สำหรับเซิ่งอันหราน เฉียวเซินเป็นความรักครั้งใหม่

นอกเหนือจากความรัก ความรักครั้งใหม่เปรียบเสมือนผลไม้สด ยากที่จะหาจุดบกพร่องได้

ส่วนเขาเป็นรักเก่า นอกเหนือจากความรัก หลงเหลือไว้เพียงความจมดิ่ง

“ออกรถ กลับบริษัท”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน