หลังจากเกิดเรื่องกับจินน่า สภาพของฉินปัวนั้นค่อนข้างแย่ เซิ่งอันหรานจึงให้เขาหยุดพักผ่อนระยะยาวเพื่อให้เขาได้อยู่ดูแลภรรยาและลูก ทำให้เซิ่งอันหรานต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นกับชิงเหมิง อีกทั้งยังวิ่งไปมาระหว่างโรงพยาบาลและบริษัทแทบทุกวัน ตอนนี้เธอผอมลงไปมาก
วันนี้ใกล้จะเลิกงานแล้ว ในขณะที่เธอกำลังจัดเรียงข้อมูลรายนามใหม่ในห้องทำงาน หวังหรุ่ยผู้ช่วยคนใหม่รีบร้อนเคาะประตูแล้วเข้ามา
“แย่แล้วผู้จัดการเซิ่ง เกิดการวิวาทกันในสายการผลิต”
เซิ่งอันหรานรีบไปที่สายการผลิต สายการผลิตขนาดใหญ่นั้นวุ่นวายมาก มีเสียงตะโกนด่าทอดังมาอย่างต่อเนื่อง คนกลุ่มหนึ่งกำลังห้อมล้อมรวมกันอยู่ตรงพื้นที่ว่างของแผนกQC. ตรงกลางวงล้อมมีคนประมาณสิบคนกำลังตะลุมบอนกันอยู่ บนพื้นเต็มไปด้วยชิ้นส่วนของเสื้อผ้าตกกระจายอยู่และถูกเหยียบย่ำเลอะเทอะไปหมด
“หัวหน้าสายการผลิตอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงของเซิ่งอันหรานทำให้ทุกคนหยุดชะงัก สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอ คนที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่เมื่อสักครู่นี้ค่อยๆ แยกออกจากกันอย่างไม่เต็มใจนัก ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนอายุจะเกินครึ่งร้อยคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน เขายกมือขึ้น
“ผมคือหัวหน้าสายการผลิตครับ”
สิ่งนี้ทำให้เซิ่งอันหรานรู้สึกเหลือเชื่อ หัวหน้าสายการผลิตนั้นก็คือคนที่ลงมือหนักที่สุดในกลุ่มคนที่เพิ่งวิวาทกันไป เขามีร่างกายที่กำยำล่ำสัน ดูโดดเด่นท่ามกลางการตะลุมบอน เขาเดินกะเผลกด้วยขาข้างเดียวมาตรงหน้าเซิ่งอันหราน
สีหน้าของเซิ่งอันหรานทะมึนลงเล็กน้อย
“คุณคือหัวหน้าสายการผลิตหรือ? ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินฉินปัวพูดถึงคุณว่าเป็นคนขยันและมีความรับผิดชอบ คุณมาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าได้เป็นเพราะการสนับสนุนของเขา ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณตั้งใจทำงานให้เขาเพียงคนเดียวหรือเปล่า ดังนั้นเมื่อเขาหยุดพักไปคุณจึงไม่อยากทำแล้วงั้นหรือ? ”
คำพูดของเซิ่งอันหรานทำให้ใบหน้าของหวังเฮ่อปรากฏความอับอายและอับจน เขาถอนหายใจออกมา ลมหายใจนั้นระคนไปด้วยความรู้สึกถึงความทุกข์ใจที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด
“อาจารย์ของเราไม่ใช่คนผิดสักหน่อย พวกเขาต่างหากที่ทำเกินไป! ”
มีเสียงดังชัดเจนดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน เสียงนั้นฟังดูอ่อนเยาว์ เซิ่งอันหรานหันไปตามทิศทางของเสียง เห็นหนุ่มน้อยหน้ามนเดินออกมาจากกลุ่มคนที่เพิ่งทะเลาะวิวาทกัน รูปร่างของเขาค่อนข้างผอมบาง รอยฟกช้ำบนหน้าแสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่งอยู่ในกลุ่มที่ตะลุมบอนกันเมื่อสักครู่อย่างไม่ต้องสงสัย
“ฟู่เจิ้ง กลับเข้าไป! ”
เสียงคำรามของหวังเฮ่อทำให้ฟู่เจิ้งชะงักฝีเท้าและถอยหลังกลับเข้าไปในฝูงชน
เซิ่งอันหรานตระหนักได้ว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายดายนัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กวักมือให้ฟู่เจิ้ง
“ฉันเชื่อมั่นในสายตาของฉินปัว ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสคุณเล่าเรื่องราวมาทั้งหมด คุณบอกว่าอาจารย์ของคุณไม่ผิด เช่นนั้นใครกันเป็นคนผิด?”
ฟู่เจิ้งลังเลเล็กน้อย เขามาทำงานที่ชิงเหมิงได้ห้าปีแล้วยังไม่เคยเห็นเซิ่งอันหรานมาก่อน แต่สถานการณ์ตรงหน้าบีบคั้นให้เขาต้องรวบรวมความกล้าลุกยืนขึ้น
“พวกเขา!”
เขาหันหลังกลับและเหยียดแขนอันเรียวยาวของเขาชี้ไปที่กลุ่มคนที่เพิ่งตะลุมบอนกันไป
“เจ้าเด็กน้อยพูดจาเลอะเทอะอะไร ยังไม่เข็ดใช่ไหม? ”
เมื่อต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาอย่างกะทันหัน บางคนเริ่มไม่พอใจแล้ว พวกเขากำหมัดราวกับพร้อมจะวิวาทอีกครั้ง ฟู่เจิ้งหลบไปข้างหลังด้วยความน้อยใจ เขาโน้มตัวไปหยิบชิ้นส่วนที่หักขึ้นมาจากพื้นแล้วเดินไปตรงหน้าเซิ่งอันหราน
“ผมเป็นคนตรวจสอบงานของสายการผลิต นี่เป็นคอปกชุดนักเรียนที่พวกเขาผลิตขึ้นในวันนี้ ทั้งๆ ที่บอกไปอย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเย็บสองชั้นและเก็บริมผ้าให้เรียบร้อย แต่พวกเขาไม่เพียงเย็บมาชั้นเดียว ยังมีหลายจุดที่เส้นด้ายกระโดด ทั้งเย็บเบี้ยวไปหมด มันใช้ไม่ได้เลย ผมจึงให้เขาทำขึ้นใหม่ พวกเขาก็ลงมือทำร้ายคนเลย...”
ขณะที่ฟู่เจิ้งส่ง “หลักฐาน” มาให้ แขนทั้งสองข้างของเขามีรอยฟกช้ำอย่างชัดเจน
เซิ่งอันหรานรับมาพลิกดูหนึ่งรอบ จากนั้นจึงโยนปกเสื้อที่มีรอยเท้าประทับลงถังขยะ พร้อมใช้สายตาเย็นชามองไปรอบๆ แล้วเอ่ยถามขึ้น “พวกไหนกัน?”
ฟู่เจิ้งยืนข้างเขาและชี้ไปที่คนเหล่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน