“คุณต้องการจะซื้ออะไร?”
เมื่อเห็นอวี้หนานเฉิงออกหน้าปกป้อง เซิ่งอันหรานจึงทำได้เพียงแค่ยอมแพ้ แต่เธอก็จ้องมองไปยังเซิ่งเสี่ยวซิง “ครั้งนี้หม่าม้าจะปล่อยไป เฉพาะแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวหม่าม้าจะหักเงินเดือนค่าขนมเดือนหน้าของเรา”
เซิ่งเสี่ยวซิงทำหน้ามุ่ยน้อยใจ อวี้จิ่งซีดึงแขนเสื้อของเธอ แล้วกะพริบตาให้เธอเป็นสัญญาณว่าเขาเองก็มีเงิน จึงทำให้เธอยิ้มออกมาได้อีกครั้ง
เซิ่งอันหรานกำลังจะต่อว่าอวี้หนานเฉิงไม่ให้ตามใจเด็กๆ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ทันทีที่เธอกดรับโทรศัพท์ ก็มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังออกมาจากทางต้นสาย พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่พูดออกมาอย่างใจคอไม่ดี
“อันหราน เธออยู่บ้านหรือเปล่า รีบมาที่นี่หน่อยสิ”
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากที่ถามได้สองสามคำถาม เซิ่งอันหรานก็มีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นมา “อะไรนะ?ทำไมเธอถึง……”
เนื่องจากอวี้หนานเฉิงยังอยู่ตรงนี้ด้วย เธอจึงไม่อยากพูดอะไรมาก รีบกดวางสายโทรศัพท์แล้วมองไปยังที่เขา“ฉันมีธุระที่ต้องไปจัดการด่วน ฉันฝากคุณดูแลซิงซิงน้อยด้วยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เมื่อขอบคุณเสร็จเธอก็ไม่สนว่าอวี้หนานเฉิงจะพูดอะไรต่อ เซิ่งอันหรานก็รีบวิ่งออกจากแถวที่จ่ายเงินแล้ววิ่งไปยังทางออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างรีบร้อน
สิ่งที่อวี้หนานเฉิงกำลังจะพูดคือ‘เกิดเรื่องอะไรขึ้น เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง’แต่กลับไม่ได้ถูกพูดออกมา
ตอนนี้ข้างนอกนั้นเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน รถแท็กซี่ก็ติดอยู่ครึ่งชั่วโมง กว่าที่เซิ่งอันหรานจะมาถึงสำนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินได้ เมื่อเข้ามาเธอก็ได้เห็นหญิงสาวที่สวมชุดขาวดำนั่งอยู่บนเก้าอี้ แว่นดำสีดำนั้นไม่สามารถซ่อนความเย่อหยิ่งของเธอเอาไว้ได้
เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเข้ากับกระโปรงหางปลาสีดำ รองเท้าส้นสูงสีแดงพื้นสีดำที่สูง4นิ้วนั้นทำให้ขาของเธอดูเรียวยาวอย่างมีพลัง ในมือถือกระเป๋าสีเงินที่สะท้อนแสงออกมา ทั้งตัวเธอนั้นเปล่งประกายออร่าออกมาอย่างเย็นชา
“ซูจิ้ง” เซิ่งอันหรานรีบวิ่งเข้าไปหา “นี่เธอก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว?”
“ฉันก่อเรื่อง?”ถานซูจิ้งถอดแว่นดำออก เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของเธอที่กำลังโกรธเคืองอยู่ไม่หาย
“ฉันเจอคนถูกคนไม่ดีรังแกเลยเข้าไปช่วย ไอ้พวกลามกนี่ฉันก็เคยเจอมาเยอะแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเจอไอ้ลามกหน้าไหนที่กล้าจะมาถอดกางเกงกลางวันแสกๆในลาดจอดรถของสนามบินได้เลย!”
“หา?ถอดกางเกง?” เซิ่งอันหรานตกใจ รีบร้อนเข้าไปประคองถานซูจิ้งเอาไว้ แล้วรีบถามขึ้นว่า “แล้วเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?ไม่มีใครมาลวนลามเธอใช่ไหม?”
“ไอหยา ไม่ใช่ฉัน” ถานซูจิ้งคว้ามือไปสัมผัสมือของเซิ่งอันหรานอย่างขุ่นเคือง
“ก็บอกแล้วว่าฉันเป็นแค่คนที่พบเห็น คนที่ถูกลวนลามนั้นเป็นคนอื่น เมื่อกี้เพิ่งจะมีเพื่อนมารับตัวไป ตอนนี้ก็เหลือแค่ไอ้คนลามกบ้ากามคนนั้น”
“ใครกัน?” เซิ่งอันหรานมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นใคร
“อยู่ข้างใน ไอ้คนแบบนั้นมันต้องถูกกักตัวไว้ไม่ให้ออกมาทำร้ายประชาชนคนอื่นไม่ไช่หรอ?”
“โอเคโอเค” เซิ่งอันหรานถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “ในเมื่อเรื่องมันจบแล้ว งั้นเดี๋ยวฉันจะไปเซ็นชื่อแล้วรีบกลับกัน ซิงซิงน้อยกำลังรอฉันอยู่”
ถานซูจิ้งนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อน เธอฝึกอยู่ในกองทัพทหารมาอยู่หลายปี ร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงมาก โดยปกติแล้วผู้ชาย3-5คนก็ไม่สามารถจะเอาชนะเธอได้ เซิ่งอันหรานรู้จักกับเธอได้นั้นก็เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน ซูจิ้งเป็นคนที่ช่วยเธอเอาไว้ตอนที่อยู่ในบาร์เหล้าที่ต่างประเทศ หลังจากที่ได้รู้จักกับเธอก็พบเจอเหตุการณ์ที่พาคนขึ้นโรงพักแบบนี้ก็ไม่น้อย
“กระเป๋าเดินทางหล่ะ”
เมื่อออกมาจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยแล้ว เซิ่งอันหรานก็ถามเธอ
ถานซูจิ้งถือกระเป๋าถืออยู่ในมือ ทันใดนั้นก็คิดอะไรบางอย่างออก แล้วรีบพูดขึ้นว่า
“เฮ้ย กระเป๋าเดินทางยังอยู่ข้างในอยู่เลย!”
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สนามบินก็ได้พาไปหากระเป๋าเดินทางที่ห้องเก็บของในโรงรถ กล่องอลูมีเนียมสีไวน์แดงที่ดูโดดเด่นในกองกระเป๋าเดินทางที่หาย
“ฉันบอกแล้วมันไม่หายหรอก”
ถานซูจิ้งลากกระเป๋าเดินทางแล้วมองไปยังเซิ่งอันหรานที่กำลังแสดงสีหน้าตื่นตระหนก “โอเค วันนี้พี่สาวมีความสุข เดี๋ยวเราไปรับซิงซิงน้อยแล้วไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน”
ทั้งสองคนควงแขนกันเดินกลับไปยังโรงจอดรถ ถานซูจิ้งมักจะนั่งเครื่องบินเพื่อเดินทางไปทำงานต่างที่ และเธอก็จะจอดรถไว้ที่สนามบินทุกครั้งเพื่อความสะดวกสบายเวลาขับรถกลับ
หลังจากเมื่อวางกระเป๋าเดินทางลงที่ท้ายรถเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็กำลังจะเดินขึ้นรถ แต่ทันใดนั้นเซิ่งอันหรานก็ได้ยินที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน