ผู้ปลูกฝังอมตะในเมือง นิยาย บท 5

ก่อนนี้ได้ยินชื่อทีไรหัวใจจะวายทุกที

ทว่าหลังจากผ่านไปหลายพันปี เมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้งกลับมีเพียงความเฉยเมยบนใบหน้าของเขา

"เมื่อก่อนฉันไร้เดียงสาเกินไป ผู้หญิงแบบนั้นช่างไม่คู่ควรได้รับความรักจากฉัน!" คาลวินพูดอย่างปลงตก

เขายังจำวันนั้นได้เมื่อคนของบรูซผลักเขาลงไปชั้นล่าง

โจวาน่ายืนอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างเฉยเมย

ราวกับว่าเธอกำลังมองดูพี่ชายของเธอเหยียบย่ำมดตัวหนึ่ง

คาลวินส่ายหน้าและคิดในใจ โจวาน่า ฉันรักเธอมากจนไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง ฉันไม่เคยขอให้เธอรักตอบ แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะยืนดูพี่ชายของเธอฆ่าฉันได้อย่างเลือดเย็น! ในสายตาของเธอ ฉันไม่ดีไปกว่าสุนัขด้วยซ้ำ!

บัดนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับโจวาน่าในใจของเขา

เขาเพียงรู้สึกเศร้าเล็กน้อยกับอดีตอันขมขื่นของตัวเอง

“เฮอะ ๆ...” อย่างไรก็ตามบรรดาคนรอบข้างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการถากถาง

ตระกูลแคลนซีย์เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากทั้งในเมืองเฮย์ดอนและรัฐคีนเลย์

โจวาน่าในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลมีสถานะสูงส่งอย่างยิ่ง เธอเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงที่อาจสามารถก้าวขึ้นไปเป็นชนชั้นสูงของประเทศเอช

ส่วนคาลวินเป็นเพียงคนขี้แพ้ที่ไม่มีเส้นสาย ไม่มีครอบครัวที่ร่ำรวยหนุนหลัง และไม่มีพื้นฐานการศึกษา

พวกเขาคิดว่าคาลวินช่างบ้าบิ่นที่กล้าพูดว่าโจวาน่าไม่คู่ควรกับเขา

พวกเขาอยากจะถามคาลวินเสียเหลือเกินว่า "ทำไมคุณถึงหน้าไม่อายจัง"

โซอี้ส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร เขามองคาลวินด้วยสายตาสมเพช

เขาคิดว่าคาลวินคงทนทุกข์ทรมานมาอย่างหนักจนสติไม่ค่อยสมบูรณ์

โซอี้ถอนหายใจ ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าคาลวิน เพื่อนรักของเขาจะปรับสภาพจิตใจได้โดยเร็วที่สุด

ในสายตาของโซอี้ คาลวินไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับตระกูลแคลนซีย์ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเฮย์ดอนได้เลย

ในขณะเดียวกัน ดอริสซึ่งมีผู้คนมากมายรายล้อมชื่นชมเธอเบะปากอย่างเหยียดหยาม

เธอมองคาลวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลน

ในความเห็นของเธอ คนขี้แพ้อย่างคาลวินไม่คู่ควรกับโจวาน่า

แม้กระทั่งอิซาเบลล่า ก็ใช่ว่าเขาจะไขว่คว้าเธอมาได้ง่าย ๆ

"เฮ้ ดอริส! ฉันได้ยินว่าไซริลจะมาวันนี้ จริงรึเปล่า" หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดอริสถามด้วยความตื่นเต้น และคำถามนั้นก็กระตุ้นความสนใจจากคนรอบข้างทันที

ดาเร็น พ่อของไซริลเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเมืองเฮย์ดอน ทรัพย์สินของครอบครัวมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์

ตรงกันข้าม ลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่มาในงานนี้ก็มีทรัพย์สินอยู่พอควร แต่ก็เล็กน้อยเกินกว่าจะกล่าวถึง

อย่างมากที่สุด พวกเขานับว่าเป็นเพลย์บอยระดับสองเท่านั้น

"จริง คุณดีนเป็นคนเชิญเขามาเอง" ดอริสจิบไวน์แดงและพยักหน้า

"พวกบัลตันต้องพึ่งอิซาเบลล่าเพื่อเข้าหาตระกูลมูนีย์!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนต่างมองดูอิซาเบลล่าด้วยความริษยา

หากอิซาเบลล่าสามารถชนะใจไซริลได้จริง ๆ เธอก็จะได้เลื่อนสถานะอย่างรวดเร็ว

“ดูสิ คุณชายมูนีย์มาแล้ว!” ทันใดนั้นก็มีคนอุทานออกมา

สีหน้าของดอริสเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อได้ยิน และเธอก็เงยหน้าขึ้นมอง

ชายหนุ่มรูปงามกำลังได้รับการต้อนรับจากพวกบัลตันอย่างนอบน้อม

ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีขาวตัดเย็บโดยแบรนด์อิตาลี ดูอ่อนโยนแต่แววตาแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง

"คุณมูนีย์เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มาร่วมงานวันเกิดลูกสาวของผม"

ไซริลอายุมากกว่าอิซาเบลล่าหลายปี แต่ดีนและอีวานระวังตัวมากเมื่อพบเขา ทั้งสองโค้งคำนับราวกับว่ากำลังปรนนิบัติเจ้านายของตน

ไซริลมองไปที่อิซาเบลล่าและดวงตาของเขาเปล่งประกายอัศจรรย์ใจ

เขาเคยพบผู้หญิงมานับไม่ถ้วนแต่อิซาเบลล่าเป็นคนเดียวที่บริสุทธิ์และเซ็กซี่

วินาทีนั้นไซริลตั้งใจมั่นที่จะเปลี่ยนหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นคนพิเศษของเขา

"นี่ต้องเป็นอิซาเบลลาแน่ ๆ เธอสวยจนตะลึง ฉันชอบเธอมาก" ดวงตาดุดันของไซริลกวาดมองทั่วเรือนร่างอันงดงามของหญิงสาว และเขาพูดกับดีนด้วยเสียงแผ่วเบา "คุณดีน นับจากวันนี้เป็นต้นไปคุณและคุณอีวานถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของผม ในอนาคตเรื่องของตระกูลบัลตันจะถือเป็นธุระของผม"

ดีนและอีวานสุขใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น

เมื่อพวกเขาผูกสัมพันธ์กับครอบครัวมูนีย์ได้สำเร็จพวกเขาจะสามารถทำทุกอย่างในเมืองเฮย์ดอนได้ตามต้องการ เมื่อคิดได้เช่นนั้นทั้งสองก็ยิ่งพินอบพิเทามากขึ้น

ภายใต้สายตาโลมเลียของไซริล อิซาเบลล่ารู้สึกกระอักกระอ่วน

เธอไม่รู้สึกประหม่าเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นไซริล

เธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้รักผู้ชายคนนี้

กระนั้นอิซาเบลลาก็รู้ดีว่าความมั่งคั่งและอำนาจของไซริลสามารถแก้ปัญหาของครอบครัวเธอได้อย่างง่ายดาย ทำให้เธอมีชีวิตที่ร่ำรวยและหรูหรา และยังทำให้เธอมีสถานะที่หลายคนไขว่คว้า

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว คาลวินคนที่เธอรักจริง ๆ เป็นคนยากจนที่ไม่มีอะไรเลย ทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

"ครึกครื้นดีจังนะ! ดีน ทำไมไม่บอกฉันล่ะว่าวันนี้วันเกิดของลูกสาวนาย"

น่าเสียดายที่ความงามเช่นนี้กำลังจะถูกลีออนบดขยี้ทำลาย

“ดีน ผมช่วยคุณไม่ได้!” ไซริลมองดีนและพูดด้วยรอยยิ้มฝืน

“บอกตามตรง ทั้งเมืองเฮย์ดอนมีไม่กี่คนที่จะช่วยครอบครัวคุณได้!”

"อะไรนะ" ดีนและอีวานหน้าซีด

อิซาเบลล่าหวาดกลัวเช่นกัน ริมฝีปากสีชมพูของเธอซีดเผือดลง

ลีออนพุงพลุ้ยและรูปร่างอ้วน อย่าว่าแต่เธอจะต้องถูกเขาเก็บเป็นนางบำเรอ แค่ถูกเขาแตะเนื้อต้องตัวเธอก็ทนไม่ได้แล้ว

"อิซาเบลล่า..." ดอริสมองเพื่อนสนิทด้วยความห่วงใย กำแก้วไวน์ในมือแน่น ครู่หนึ่งเธอไม่กล้าพูดอะไรแม้ว่าเธอจะโกรธ

ลีออนถามเอื่อย ๆ "ว่ายังไง ดีน ฉันไม่สนใจสมบัติพัสถานของนาย มีแค่ลูกสาวของนายที่น่าสนใจสำหรับฉัน ถ้านายตกลง นายก็จะรักษาธุรกิจเอาไว้ได้"

ใบหน้าของดีนซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง คงเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่งถ้าเขาต้องเฝ้าดูลูกสาวถูกหมิ่นเกียรติต่อหน้าธารกำนัล

แต่ถึงจะอับอายเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่ไซริลยังกลัวชายคนนั้น

“ฮ่า ดีน อย่าเศร้าไปเลย ไม่ต้องห่วงฉันจะดูแลลูกสาวนายบนเตียงเอง” ลีออนหยามหยันในทันที

ลีออนก้าวไปข้างหน้า ยื่นมืออ้วนๆ ของเขาไปที่บ่าของอิซาเบลล่า...

“อ๊า...” จู่ ๆ ลีออนก็ร้องลั่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว

ทุกคนเห็นเพียงเงาวูบวาบอยู่เบื้องหน้า ต่อมาตะเกียบไม้ไผ่ก็แทงทะลุฝ่ามือของลีออนจนเลือดพุ่งกระฉูด

อิซาเบลล่าประหลาดใจเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าคาลวินมาปรากฏตัวข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาลูบผมของเธอและพูดว่า "อิซาเบลล่า เธอคือเพื่อนของฉัน จากนี้ไปจะไม่มีใครในโลกนี้ใช้กำลังข่มเหงเธอได้อีก"

“มิฉะนั้น มันจะต้องชดใช้ด้วยเลือด”

"คาลวิน..." อิซาเบลล่ามองคาลวินน้ำตาคลอเบ้า

ยามนั้นเธออยู่ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุด

พ่อแม่และเพื่อนฝูงยืนดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร

คนเดียวที่ก้าวออกมาปกป้องเธอคือเพื่อนที่ไร้ค่าที่สุดในสายตาของทุกคน

"แม่งเอ๊ย ฆ่ามันซะ" ลีออนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและตะโกนอย่างโกรธแค้นพร้อมกับยกมือขึ้นปิดฝ่ามือที่บาดเจ็บ

บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังเขารีบวิ่งไปข้างหน้าเมื่อได้ยินคำสั่ง

คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ลีออนจ้างมา ทุกคนรอดชีวิตจากสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ท่าทีข่มขวัญของพวกเขาทำให้ทุกคนหวาดผวาทุกครั้งที่ปรากฏตัว

อิซาเบลล่าหน้าซีดเผือด เธอกระตุกแขนเสื้อของคาลวินและพูดอย่างร้อนรน "รีบไป คาลวิน รีบหนีไป!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้ปลูกฝังอมตะในเมือง