ก่อนนี้ได้ยินชื่อทีไรหัวใจจะวายทุกที
ทว่าหลังจากผ่านไปหลายพันปี เมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้งกลับมีเพียงความเฉยเมยบนใบหน้าของเขา
"เมื่อก่อนฉันไร้เดียงสาเกินไป ผู้หญิงแบบนั้นช่างไม่คู่ควรได้รับความรักจากฉัน!" คาลวินพูดอย่างปลงตก
เขายังจำวันนั้นได้เมื่อคนของบรูซผลักเขาลงไปชั้นล่าง
โจวาน่ายืนอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างเฉยเมย
ราวกับว่าเธอกำลังมองดูพี่ชายของเธอเหยียบย่ำมดตัวหนึ่ง
คาลวินส่ายหน้าและคิดในใจ โจวาน่า ฉันรักเธอมากจนไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง ฉันไม่เคยขอให้เธอรักตอบ แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะยืนดูพี่ชายของเธอฆ่าฉันได้อย่างเลือดเย็น! ในสายตาของเธอ ฉันไม่ดีไปกว่าสุนัขด้วยซ้ำ!
บัดนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับโจวาน่าในใจของเขา
เขาเพียงรู้สึกเศร้าเล็กน้อยกับอดีตอันขมขื่นของตัวเอง
“เฮอะ ๆ...” อย่างไรก็ตามบรรดาคนรอบข้างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการถากถาง
ตระกูลแคลนซีย์เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากทั้งในเมืองเฮย์ดอนและรัฐคีนเลย์
โจวาน่าในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลมีสถานะสูงส่งอย่างยิ่ง เธอเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงที่อาจสามารถก้าวขึ้นไปเป็นชนชั้นสูงของประเทศเอช
ส่วนคาลวินเป็นเพียงคนขี้แพ้ที่ไม่มีเส้นสาย ไม่มีครอบครัวที่ร่ำรวยหนุนหลัง และไม่มีพื้นฐานการศึกษา
พวกเขาคิดว่าคาลวินช่างบ้าบิ่นที่กล้าพูดว่าโจวาน่าไม่คู่ควรกับเขา
พวกเขาอยากจะถามคาลวินเสียเหลือเกินว่า "ทำไมคุณถึงหน้าไม่อายจัง"
โซอี้ส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร เขามองคาลวินด้วยสายตาสมเพช
เขาคิดว่าคาลวินคงทนทุกข์ทรมานมาอย่างหนักจนสติไม่ค่อยสมบูรณ์
โซอี้ถอนหายใจ ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าคาลวิน เพื่อนรักของเขาจะปรับสภาพจิตใจได้โดยเร็วที่สุด
ในสายตาของโซอี้ คาลวินไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับตระกูลแคลนซีย์ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเฮย์ดอนได้เลย
ในขณะเดียวกัน ดอริสซึ่งมีผู้คนมากมายรายล้อมชื่นชมเธอเบะปากอย่างเหยียดหยาม
เธอมองคาลวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลน
ในความเห็นของเธอ คนขี้แพ้อย่างคาลวินไม่คู่ควรกับโจวาน่า
แม้กระทั่งอิซาเบลล่า ก็ใช่ว่าเขาจะไขว่คว้าเธอมาได้ง่าย ๆ
"เฮ้ ดอริส! ฉันได้ยินว่าไซริลจะมาวันนี้ จริงรึเปล่า" หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดอริสถามด้วยความตื่นเต้น และคำถามนั้นก็กระตุ้นความสนใจจากคนรอบข้างทันที
ดาเร็น พ่อของไซริลเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเมืองเฮย์ดอน ทรัพย์สินของครอบครัวมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์
ตรงกันข้าม ลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่มาในงานนี้ก็มีทรัพย์สินอยู่พอควร แต่ก็เล็กน้อยเกินกว่าจะกล่าวถึง
อย่างมากที่สุด พวกเขานับว่าเป็นเพลย์บอยระดับสองเท่านั้น
"จริง คุณดีนเป็นคนเชิญเขามาเอง" ดอริสจิบไวน์แดงและพยักหน้า
"พวกบัลตันต้องพึ่งอิซาเบลล่าเพื่อเข้าหาตระกูลมูนีย์!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนต่างมองดูอิซาเบลล่าด้วยความริษยา
หากอิซาเบลล่าสามารถชนะใจไซริลได้จริง ๆ เธอก็จะได้เลื่อนสถานะอย่างรวดเร็ว
“ดูสิ คุณชายมูนีย์มาแล้ว!” ทันใดนั้นก็มีคนอุทานออกมา
สีหน้าของดอริสเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อได้ยิน และเธอก็เงยหน้าขึ้นมอง
ชายหนุ่มรูปงามกำลังได้รับการต้อนรับจากพวกบัลตันอย่างนอบน้อม
ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีขาวตัดเย็บโดยแบรนด์อิตาลี ดูอ่อนโยนแต่แววตาแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง
"คุณมูนีย์เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มาร่วมงานวันเกิดลูกสาวของผม"
ไซริลอายุมากกว่าอิซาเบลล่าหลายปี แต่ดีนและอีวานระวังตัวมากเมื่อพบเขา ทั้งสองโค้งคำนับราวกับว่ากำลังปรนนิบัติเจ้านายของตน
ไซริลมองไปที่อิซาเบลล่าและดวงตาของเขาเปล่งประกายอัศจรรย์ใจ
เขาเคยพบผู้หญิงมานับไม่ถ้วนแต่อิซาเบลล่าเป็นคนเดียวที่บริสุทธิ์และเซ็กซี่
วินาทีนั้นไซริลตั้งใจมั่นที่จะเปลี่ยนหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นคนพิเศษของเขา
"นี่ต้องเป็นอิซาเบลลาแน่ ๆ เธอสวยจนตะลึง ฉันชอบเธอมาก" ดวงตาดุดันของไซริลกวาดมองทั่วเรือนร่างอันงดงามของหญิงสาว และเขาพูดกับดีนด้วยเสียงแผ่วเบา "คุณดีน นับจากวันนี้เป็นต้นไปคุณและคุณอีวานถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของผม ในอนาคตเรื่องของตระกูลบัลตันจะถือเป็นธุระของผม"
ดีนและอีวานสุขใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เมื่อพวกเขาผูกสัมพันธ์กับครอบครัวมูนีย์ได้สำเร็จพวกเขาจะสามารถทำทุกอย่างในเมืองเฮย์ดอนได้ตามต้องการ เมื่อคิดได้เช่นนั้นทั้งสองก็ยิ่งพินอบพิเทามากขึ้น
ภายใต้สายตาโลมเลียของไซริล อิซาเบลล่ารู้สึกกระอักกระอ่วน
เธอไม่รู้สึกประหม่าเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นไซริล
เธอแน่ใจว่าเธอไม่ได้รักผู้ชายคนนี้
กระนั้นอิซาเบลลาก็รู้ดีว่าความมั่งคั่งและอำนาจของไซริลสามารถแก้ปัญหาของครอบครัวเธอได้อย่างง่ายดาย ทำให้เธอมีชีวิตที่ร่ำรวยและหรูหรา และยังทำให้เธอมีสถานะที่หลายคนไขว่คว้า
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว คาลวินคนที่เธอรักจริง ๆ เป็นคนยากจนที่ไม่มีอะไรเลย ทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
"ครึกครื้นดีจังนะ! ดีน ทำไมไม่บอกฉันล่ะว่าวันนี้วันเกิดของลูกสาวนาย"
น่าเสียดายที่ความงามเช่นนี้กำลังจะถูกลีออนบดขยี้ทำลาย
“ดีน ผมช่วยคุณไม่ได้!” ไซริลมองดีนและพูดด้วยรอยยิ้มฝืน
“บอกตามตรง ทั้งเมืองเฮย์ดอนมีไม่กี่คนที่จะช่วยครอบครัวคุณได้!”
"อะไรนะ" ดีนและอีวานหน้าซีด
อิซาเบลล่าหวาดกลัวเช่นกัน ริมฝีปากสีชมพูของเธอซีดเผือดลง
ลีออนพุงพลุ้ยและรูปร่างอ้วน อย่าว่าแต่เธอจะต้องถูกเขาเก็บเป็นนางบำเรอ แค่ถูกเขาแตะเนื้อต้องตัวเธอก็ทนไม่ได้แล้ว
"อิซาเบลล่า..." ดอริสมองเพื่อนสนิทด้วยความห่วงใย กำแก้วไวน์ในมือแน่น ครู่หนึ่งเธอไม่กล้าพูดอะไรแม้ว่าเธอจะโกรธ
ลีออนถามเอื่อย ๆ "ว่ายังไง ดีน ฉันไม่สนใจสมบัติพัสถานของนาย มีแค่ลูกสาวของนายที่น่าสนใจสำหรับฉัน ถ้านายตกลง นายก็จะรักษาธุรกิจเอาไว้ได้"
ใบหน้าของดีนซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง คงเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่งถ้าเขาต้องเฝ้าดูลูกสาวถูกหมิ่นเกียรติต่อหน้าธารกำนัล
แต่ถึงจะอับอายเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่ไซริลยังกลัวชายคนนั้น
“ฮ่า ดีน อย่าเศร้าไปเลย ไม่ต้องห่วงฉันจะดูแลลูกสาวนายบนเตียงเอง” ลีออนหยามหยันในทันที
ลีออนก้าวไปข้างหน้า ยื่นมืออ้วนๆ ของเขาไปที่บ่าของอิซาเบลล่า...
“อ๊า...” จู่ ๆ ลีออนก็ร้องลั่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
ทุกคนเห็นเพียงเงาวูบวาบอยู่เบื้องหน้า ต่อมาตะเกียบไม้ไผ่ก็แทงทะลุฝ่ามือของลีออนจนเลือดพุ่งกระฉูด
อิซาเบลล่าประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าคาลวินมาปรากฏตัวข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาลูบผมของเธอและพูดว่า "อิซาเบลล่า เธอคือเพื่อนของฉัน จากนี้ไปจะไม่มีใครในโลกนี้ใช้กำลังข่มเหงเธอได้อีก"
“มิฉะนั้น มันจะต้องชดใช้ด้วยเลือด”
"คาลวิน..." อิซาเบลล่ามองคาลวินน้ำตาคลอเบ้า
ยามนั้นเธออยู่ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุด
พ่อแม่และเพื่อนฝูงยืนดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร
คนเดียวที่ก้าวออกมาปกป้องเธอคือเพื่อนที่ไร้ค่าที่สุดในสายตาของทุกคน
"แม่งเอ๊ย ฆ่ามันซะ" ลีออนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและตะโกนอย่างโกรธแค้นพร้อมกับยกมือขึ้นปิดฝ่ามือที่บาดเจ็บ
บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังเขารีบวิ่งไปข้างหน้าเมื่อได้ยินคำสั่ง
คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ลีออนจ้างมา ทุกคนรอดชีวิตจากสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ท่าทีข่มขวัญของพวกเขาทำให้ทุกคนหวาดผวาทุกครั้งที่ปรากฏตัว
อิซาเบลล่าหน้าซีดเผือด เธอกระตุกแขนเสื้อของคาลวินและพูดอย่างร้อนรน "รีบไป คาลวิน รีบหนีไป!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้ปลูกฝังอมตะในเมือง
อัพอีกมั้ยคะเรื่องนี้...