ตามที่ซูฮวนรู้ เธอคิดว่ากระเป๋าสะพายของผู้หญิงส่วนมากราคาจะอยู่ที่ประมาณ 200-300 หยวน ถ้าคุณภาพดีหน่อยก็ 400-500 หยวน พวกกระเป๋าราคาใบละหมื่นนั้นไม่อยู่ในความคิดของเธอเลย
หวังอ้ายหมินยิ้มเยาะทันที “กระเป๋าใบละหมื่นกว่าเหรอ ? กระเป๋ามันกินแล้วอิ่มได้หรือไง เงินเป็นหมื่นซื้อสเต็กได้ตั้งกี่ชิ้น ? ”
หวังตงเสวี่ยยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา เพราะพูดเรื่องแบบนี้กับคนแก่พวกเขามักจะรับไม่ค่อยได้กัน
“แม่คะ อย่าถามเลย ทุกคนก็เป็นผู้หญิงวัยรุ่นกันทั้งนั้น มีเงินเขาก็แค่ซื้อเท่านั้นเอง ”
ฉินจุนยิ้ม “คุณน้าก็อยากได้เหมือนกันเหรอครับ ? ”
ซูฮวนส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่อยากได้หรอก กระเป๋าใบนี้สวยมากก็จริง แต่มันแพงเกินไป เงินเป็นหมื่นซื้อกระเป๋าได้ตั้งกี่ใบ ? ”
ฉินจุนตอบ “คุณน้าไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมมีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้และสามารถซื้อในราคาส่งได้ ”
ซูฮวนตกตะลึง “ราคาส่ง ? จะถูกลงสักเท่าไหร่หละ ? ”
ฉินจุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ “ประมาณ 500-600 ครับ ”
ซูฮวนเริ่มสนใจขึ้นมาทันที “ถ้า 500-600 ก็พอได้อยู่ กระเป๋าใบนี้ดูดีทีเดียวนะ ”
ฉินจุนรู้ว่าซูฮวนชอบกระเป๋าใบนี้มาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถามคำถามมากมายขนาดนี้
“คุณน้ารอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมให้คนเอามาส่งมาให้ ”
หวังตงเสวี่ยทำปากเหมือนว่าเธออยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
ฉินจุนจะมีหุ้นในบริษัทหลุยส์ วิตตองได้อย่างไร ดูก็รู้ว่าโกหกชัด ๆ เขาเพียงแค่อยากให้ซูฮวนรู้สึกสบายใจและซื้อกระเป๋าให้เธอก็เท่านั้น
หวังตงเสวี่ยถอนหายใจ เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นหนี้บุญคุณฉินจุนมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ทว่าความจริงกลับไม่เป็นไปตามที่หวังตงเสวี่ยคิดไว้ ฉินจุนถือหุ้นในบริษัทหลุยส์ วิตตองอยู่จริง ๆ
ตอนนั้นเอเลียประธานของบริษัทหลุยส์ วิตตอง ล้มป่วยอาการหนักจนลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ ไม่ว่าจะควานหาหมอชื่อดังจากที่ไหนมาก็รักษาไม่ได้
หลังจากนั้นเย่ซวนหยวนกับฉินจุนก็มา เย่ซวนหยวนช่วยชุบชีวิตและรักษาโรคของเอเลียจนหายดี
และเพื่อเป็นการขอบคุณ เอเลียจึงได้มอบหุ้น 25% ของบริษัทให้กับเย่ซวนหยวนและนำไปใช้โดยตรงภายใต้ชื่อฉินจุน
ดังนั้นฉินจุนจึงถือหุ้น 25% อยู่ในบริษัทของเอเลีย ซึ่งก็คือแบรนด์ หลุยส์ วิตตอง นั่นเอง
หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดรองจาก เอเลีย ประธานบริษัทคนปัจจุบัน
แต่ถึงอย่างไรฉินจุนก็ไม่เคยใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นและไม่เคยติดต่อบริษัทนั้นเลย เขารับเพียงแค่เงินปันผลจำนวนมากซึ่งจะโอนเข้าในบัตรของฉินจุนโดยอัตโนมัติทุก ๆ ปี
ก็แค่จำนวนเงินในบัตรของฉินจุนเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง
แต่วันนี้เมื่อฉินจุนเห็นว่าซูฮวนอยากได้กระเป๋าใบนี้ ฉินจุนก็เลยจำได้ว่าเขาถือหุ้นอยู่
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา เสิชหาเว็บไซต์ออฟฟิเชียลและยื่นให้ซูฮวนดู
“คุณน้าลองเลือกดูครับว่าชอบอันไหน เดี๋ยวผมโทรให้คนเอามาส่งให้ ได้ราคาส่งทั้งหมด ไม่ต้องห่วง ”
เมื่อได้ยินฉินจุนพูดแบบนั้น ซูฮวนก็ไม่รีรอและเธอก็ไม่จำเป็นต้องดูราคาด้านล่าง เลือกแค่ใบที่ชอบได้เลย
หลังจากดูไปหนึ่งรอบ ซูฮวนก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“ลูกดูใบนี้สิ คุณภาพและสไตล์ดูดีมาก แต่ใช้งานไม่ได้จริง ถ้าเกิดออกไปซื้อผักก็ใส่ได้แค่ผักกาดหัวเดียวเอง ”
หวังตงเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างเซ็ง ๆ “แม่คะ กระเป๋าใบนี้ไม่ได้ให้เอาไว้ใช้ไปซื้อผักนะคะ ให้เอาไว้สะพายเวลาออกไปทำธุระข้างนอกต่างหาก ”
ซูฮวนกลอกตา “แล้วมันต่างกันตรงไหน ? ปกติแม่ออกไปข้างนอกก็คือไปซื้อผัก ถ้าสะพายไปซื้อผักไม่ได้ แล้วแม่จะเอามาทำไม ! ”
ฉินจุนยิ้ม “เอาแบบนี้ไหมครับคุณป้า ผมจะให้พวกเขาปรับแต่งกระเป๋าให้ แล้วก็ออกแบบกระเป๋าที่ทั้งสวยและทั้งใช้ไปซื้อผักได้ด้วย ดีไหมครับ ? ”
ดวงตาของซูฮวนเป็นประกายทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยสิ แต่มันจะไม่ลำบากเกินไปใช่ไหม ? ”
“ฮ่าฮ่าไม่ลำบากหรอกครับ บางทีแบบที่พวกเขาออกแบบมามันอาจดังระเบิดจนต้องมาขอบคุณคุณน้าเลยก็ได้ ”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็หยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเดินไปที่หน้าต่างเพื่อโทรศัพท์
หวังตงเสวี่ยส่ายหัวอย่างจนปัญญา ฉินจุนกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ แผนกออกแบบของบริษัทหลุยส์ วิตตองจะมาทำงานภายใต้คำสั่งของเขาได้อย่างไร ?
อย่าว่าแต่สั่งเลย จะติดต่อก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ !
ฉินจุนน่าจะกำลังติดต่อใครสักคนให้ทำของก้อปแบบเกรดเอมาให้
ทุกวันนี้กระเป๋าหลาย ๆ ใบก็ผลิตเลียนแบบหลุยส์ วิตตองเยอะมาก ซึ่งมันดูเหมือนหลุยส์ วิตตองมาก แต่จริง ๆ แล้วเป็นแบรนด์ตลาดล่างทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง