เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัท
แล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้า
ทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียว
พอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอ
เย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอก
เขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันที
เย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”
เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น
“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”
“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”
“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”
คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีก
อายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไป
เขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกาม
เมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเฉพาะใบหน้าเรียวเล็กที่มีริมฝีปากสีแดงระเรื่อและฟันขาวสะอาด ดวงตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง
ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง เขาพอใจในตัวเย่มู่มู่เป็นอย่างมาก!
“เธอคือลูกสาวของเหล่าเย่ใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าเขาจากไปแล้ว แต่ทิ้งลูกสาวแสนสวยขนาดนี้ไว้!”
“เอาล่ะ ฉันถูกใจเธอแล้ว คืนนี้ไปอยู่บ้านฉันเลยก็แล้วกัน”
“แม่ฉันไม่ชอบให้มีคนนอกอยู่ในบ้าน งานบ้านอย่างทำความสะอาด ซักผ้า ทำอาหาร...เธอต้องจัดการให้เรียบร้อย”
“ลูกชายฉันพาแฟนกลับมาบ้านทุกคืน เธอต้องคอยดูแลให้ดี ถ้าทำให้ลูกชายฉันโกรธ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”
ชายแก่ที่อายุเกือบห้าสิบปลาย แก่จนใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว กลับกล้าคิดจะแต่งคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างเธอไปเป็นคนรับใช้
แถมยังต้องคอยดูแลทั้งครอบครัว รวมถึงแฟนของลูกชายเขาด้วย
เย่มู่มู่สบถออกมา “ประสาท!”
เธอหันหลังแล้วเดินจากไปทันที
เย่ซินกว่าจะได้เจอเย่มู่มู่นั้นไม่ง่ายเลย มีหรือจะยอมปล่อยให้เธอจากไปง่าย ๆ แบบนี้
เขาคว้าแขนเธอไว้ทันที ออกแรงบีบจนแทบจะทำให้กระดูกเธอแหลก
“มู่มู่ ปีนี้เธออายุยี่สิบแล้ว ถึงเวลาที่จะแต่งงานได้แล้ว พ่อกับย่าของฉันอุตส่าห์หาคนดี ๆ มาให้เธอ คืนนี้เธอก็ไปอยู่ที่บ้านเขาได้เลย”
“ตอนนี้พ่อแม่เธอตายแล้ว เรื่องการแต่งงานต้องให้ผู้ใหญ่จัดการ เงินค่าสินสอดก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่มู่มู่ตวัดฝ่ามือตบหน้าเขาทันที
“พวกคุณทั้งบ้านคิดจะบังคับฉันเหรอ? บอกไว้เลยนะ ถ้าฉันโกรธขึ้นมา จะทำให้พวกคุณอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้อีกต่อไป!”
เย่ซินเมื่อเห็นว่าเย่มู่มู่กล้าตบหน้าเขา แถมยังคิดจะหนี
เขามองเธอด้วยสายตาอำมหิต “ได้ พูดดีกับเธอดี ๆ แล้วไม่ฟังใช่ไหม แบบนี้ต้องใช้กำลังสินะ?”
เขาหันไปพูดกับคุณหวัง
“คุณหวัง จับตัวเธอไว้แล้วพากลับไปเลย เธอถือหุ้นของฟู่ลี่กรุ๊ปสามสิบหกเปอร์เซ็นต์ ถือว่าคุณได้ของดีแล้ว”
ประธานหวังที่ตอนแรกหมดความสนใจเพราะนิสัยของเธอ!
แต่พอได้ยินว่าเธอถือหุ้นฟู่ลี่กรุ๊ป ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด
ทันใดนั้น ประธานหวังก็คว้าแขนอีกข้างของเย่มู่มู่ ตอนที่ทั้งสองคนเตรียมจะช่วยกันจับเธอมัดแล้วลากขึ้นรถนั้น...
บริเวณย่านการค้ามีตำรวจลาดตระเวนอยู่พอดี
ไม่นานก็มีรถตำรวจเข้ามาขวางพวกเขาไว้!
“พวกคุณทำอะไรกัน? กลางวันแสก ๆ ยังจะลักพาตัวผู้หญิงอีกเหรอ?”
ตำรวจลงจากรถอย่างรวดเร็วและจับทั้งสองคนไว้
ตำรวจคนหนึ่งถามเย่มู่มู่ด้วยความห่วงใย “คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
เธอมองมือที่ถูกบีบจนเป็นรอยม่วงช้ำ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ!”
ทั้งสองคนที่ถูกจับพยายามดิ้นรน ทั้งยังตะโกนแหกปาก
เย่ซินตะโกนว่า “เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม ผมจะทำร้ายเธอหรือยังไง?”
คุณหวัง “ผมแค่จะนัดดูตัวกับเธอ ไม่มีเจตนาอื่นเลยครับ”
แต่ตำรวจไม่ฟังคำแก้ตัวของพวกเขา ทั้งสองถูกใส่กุญแจมือและจับกุมตัวไปแล้ว
เย่มู่มู่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ก่อนที่จะเข้ารับการตรวจ เธอขอตัวไปห้องน้ำ และเดินวนไปมาหลายสิบรอบในนั้น
หลังจากออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายเริ่มโซเซ ยืนไม่มั่นคง รู้สึกเวียนหัวและตามัว อาเจียนออกมาหลายครั้ง
“เดี๋ยวก่อน ที่ก้นจอกยังมีอักษรเขียนว่า ‘ของใช้ราชวงศ์ต้าฉี่!’”
ชายชราลุกขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะเสียสติ
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “แคว้นต้าฉี่! ที่แท้แคว้นต้าฉี่มีอยู่จริง!”
“ในพงศาวดารไม่มีบันทึกไว้ แต่มีในตำนาน แคว้นต้าฉี่ดำรงอยู่เพียงห้าสิบปีเท่านั้น”
หัวใจของเย่มู่มู่กระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่า ห้าสิบปี!
นั่นหมายความว่า ในท้ายที่สุดหนิงกวนโหวตายหรือ?
และคนหนึ่งแสนในที่สุดก็ล้มตายในสงครามทั้งหมดหรือ?
ความอยากรู้อยากเห็นของเธอทวียิ่งขึ้น รีบถามชายชราทันทีว่า “จอกสุรานี้มีมูลค่าเท่าไหร่?”
ชายชรากางสองนิ้วออกมา
เย่มู่มู่ถามต่อ “สิบล้าน?”
ชายชราส่ายหัว
“หนึ่งพันล้าน?”
ชายชราก็ยังส่ายหัวอีกครั้ง
เย่มู่มู่เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ “หมื่นล้าน!!!”
ชายชรายิ้มพลางพยักหน้า “หมื่นล้านถือว่าเป็นราคาประเมินขั้นต่ำ ของโบราณจากแคว้นต้าฉี่ไม่เคยปรากฏในประเทศมาก่อนเลย แคว้นนี้มีบันทึกอยู่ในตำนานว่าล่มสลายเพราะภัยพิบัติ ภัยมนุษย์ ภัยสงคราม และความวุ่นวายภายใน”
“แคว้นต้าฉี่เคยมีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเทียบเท่ากับก้วนจวินโหว ฮั่วชวี่ปิ้ง[1] ในตำนานนั้นมีแต่การพรรณนาถึงแคว้นต้าฉี่ในแง่ลบ ว่าขุนนางกังฉินครองอำนาจ ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิด ฝนแล้งลงโทษ ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส!”
“แต่แม่ทัพผู้นี้ถูกยกย่องอย่างสูง ราวกับมังกรฟ้าลงมาจุติ!”
เย่มู่มู่รีบถาม “แม่ทัพคนนั้นชื่ออะไร?”
“จ้านเฉิงอิ้น เขาได้เป็นขุนนางชั้นหนึ่งและถูกแต่งตั้งเป็นหนิงกวนโหวตอนอายุเพียงยี่สิบปี แต่เขากลับเสียชีวิตเมื่ออายุแค่ยี่สิบเอ็ด หลังจากเขาตายไม่นาน แคว้นต้าฉี่ก็ล่มสลาย”
เคร้ง เสียงโทรศัพท์ของเย่มู่มู่หล่นกระแทกกับโต๊ะชาไม้ เธอตกตะลึงจนพูดไม่ออก
หนิงกวนโหว!
คนที่เรียกเธอว่าเทพเจ้า คนที่ส่งจดหมายสื่อสารกับเธอ คนที่มอบทองกองโตให้เธอ...คือหนิงกวนโหว!
จ้านเฉิงอิ้น!
[1] ก้วนจวินโหว หรือฮั่วชวี่ปิ้ง คือ แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์ฮั่นตะวันตก หนึ่งในแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการรบกับชนเผ่าซยงหนู

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ