PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด นิยาย บท 47

Pream Part

.

หนึ่งเดือนต่อมา

.

“น้องพีท หนูจะเอาอะไรคะลูก หืม... มองน้าไม่หยุดเลยนะคะ” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อนับดาวเอาแต่ชวนน้องพีทคุยไม่หยุด น้องพีทกลับมาอยู่ที่บ้านได้สามวันแล้ว พอรู้เรื่องทุกคนก็รีบบินมาเยี่ยมหลานทันที ร่างกายของน้องพีทเติบโตขึ้นเร็วมาก จนคิดไม่ถึงว่าเด็กแก้มกลมคนนี้จะเคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาก่อน ตอนนี้น้องพีทกลายเป็นเด็กสดใสและคุยเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเพราะว่าเขาอยู่โรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน เวลาเจอคนเยอะ ๆ เลยตื่นเต้นและคอยแต่จะร้องเรียกหาไม่หยุด ในขณะที่พอใจกลับติดแค่พ่อและแม่มากขึ้น ไม่ค่อยเล่นกับคนอื่น ๆ เหมือนตอนแรก ๆ แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

ใช่... ในที่สุดพอใจกับคริสก็เข้าขากันได้ แม้จะชอบแหย่กันมากกว่ารักกันก็ตาม... แต่ทุกวันนี้คริสสามารถช่วยฉันกล่อมพอใจนอน ช่วยอาบน้ำ และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พอใจได้โดยที่พอใจไม่โยเยแล้ว เขาแบ่งเบาฉันได้เยอะมากเลยทีเดียว

ช่วงสองอาทิตย์ก่อนที่น้องพีทจะออกจากโรงพยาบาล หมอมิเชลให้ฉันลองเอาน้องพีทเข้าเต้า เพราะฉันแจ้งกับหมอไปว่าต้องการให้น้องพีทดื่มนมจากเต้าเป็น วันแรก ๆ น้องพีททำไม่เป็นเลย ฝึกกันอยู่หลายวันจนสุดท้ายลูกก็ดูดนมจากเต้าของฉันได้ ฉันมีความตั้งใจว่าอยากให้ลูกดื่มนมจากอกให้นานเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่ยุ่งจริง ๆ ก็จะไม่ค่อยให้ลูกดื่มจากขวด แม้ว่าหลังจากนี้ฉันอาจจะลำบากหน่อยเพราะต้องให้นมลูกถึงสองคน แต่ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ

“เดี๋ยว ๆ แกจะให้อะไรลูกฉันนะเนตั้น!” ฉันหันไปมองคริสที่จู่ ๆ ก็โวยวายขึ้นมา อะไรของเขา?

“ที่ดินไง” เมื่อได้ยินคำตอบของเนตั้นฉันก็ตาโต ที่ดินอะไรกัน “รับขวัญหลานสองคนแรกของกลุ่ม ฉันเลยจะให้ที่ดินที่เพชรบูรณ์ ตรงนี้วิวดีมากนะ เก็บไว้อีกสิบปีจะแพงหูฉีก”

“แพงก็เก็บไว้เองสิ! ให้ลูกฉันทำไม”

“นั่นสิคะพี่เนตั้น ให้ที่ดินมันมากไปนะคะ” ฉันเอ่ยเสริม รู้อยู่หรอกว่าพี่เนตั้นรวยจนไม่มีที่จะเก็บเงินแล้วด้วยซ้ำ แต่ให้ที่ดินที่เพชรบูรณ์...ฉันว่ามันมากเกินไป

“อะไรกัน ให้มากกว่าฉันได้ยังไง” พี่เควิลโวยวายขึ้น ว่าที่คุณหมอฟันให้ของขวัญหลานเป็นสร้อยพร้อมจี้เพชรที่ไร้ตำหนิและหายาก แค่สองเส้นแต่ราคาพุ่งสูงไปถึงเจ็ดหลัก ตอนที่รู้ฉันแทบจะเป็นลม ปฏิเสธหัวชนฝาเพราะไม่กล้ารับไว้ แต่ก็ถูกพี่พบรักอ้อนจนต้องรับไว้จนได้ ส่วนพี่มาเฟียกับนับดาวให้ของเล่นเด็ก เสื้อผ้า และกำไรเงินที่ประดับด้วยเพชรรอบ ๆ หลายชิ้น ฉันไม่กล้าถามราคาเลยหลังจากที่รู้ราคาของพี่เควิลไป กลัวจะช็อกกว่าเดิม

“บอกแล้ว ว่าของฉันใครก็สู้ไม่ได้” พี่เนตั้นส่งยิ้มมุมปากให้เพื่อนทุกคนอย่างเป็นต่อ

“แต่รับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” ฉันเอ่ยขัด มันมากไปจริง ๆ ที่ดินที่เพชรบูรณ์ตรงที่พี่เนตั้นให้มา ใคร ๆ ก็รู้ว่าราคามันไม่ใช่ถูก ๆ เอาแค่ราคาตอนนี้ก็สูงมากแล้ว ไม่ต้องคิดไปไกลถึงสิบปีข้างหน้าเลยด้วยซ้ำ

“รับไว้เถอะพรีม” พี่มาเฟียหันมาเกลี่ยกล่อมเมื่อเห็นว่าพี่เนตั้นทำหน้านิ่งไป ฉันเองก็เริ่มหวั่นว่าเขาจะพังบ้านหรือเปล่าที่ฉันขัดใจแบบนี้ วีรกรรมพี่เนตั้นแต่ละอย่างมีแต่น่ากลัว ๆ ทั้งนั้น

“แต่...”

“พรีม เราไม่ได้ให้ของขวัญหลานกันบ่อย ๆ นี่ อีกอย่าง...สองคนนี้ก็เป็นหลานคนแรกของกลุ่มเราด้วย ให้เราเห่อหน่อยเถอะนะ” พี่เควิลช่วยเสริม ฉันหันไปมองคริสอย่างต้องการถามความเห็น คริสพยักหน้าเบา ๆ ให้ฉันรับของขวัญไป ไม่อย่างนั้นเรื่องก็จะไม่จบ

“ก็ได้ค่ะ” พอฉันตอบแบบนั้นเหล่าน้า ๆ สายเปย์ยิ้มได้ “แต่ถ้าครั้งหน้ามาเยี่ยมอีก... ไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ พรีมไม่รับแล้วนะถ้ามันมากไปแบบนี้”

ฉันพูดอย่างจริงจังจนทุกคนต้องยอมพยักหน้ารับ พอเห็นแบบนั้นฉันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็รู้อยู่หรอกว่ากลุ่มนี้มีแต่คนรวย ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะรับขวัญหลานกันขนาดนี้เลย สปอยล์หลานกันตั้งแต่เด็กจริง ๆ

พวกผู้ชายพากันออกไปคุยข้างนอก เพราะลำบากเวลาจะพูดคำหยาบแต่กลัวพอใจและน้องพีทได้ยิน ส่วนฉัน นับดาว เหมือนฝัน และพี่พบรักยังอยู่ข้างในเพื่อคุยกันตามประสาผู้หญิงและเฝ้าสองแฝดด้วย

“น้องพีทหน้าเหมือนคริสมากนะเนี่ย”

“หืม? ตัวแค่นี้ก็ดูออกแล้วเหรอคะ” ฉันถามพี่พบรักด้วยความสงสัย ตัวฉันยังดูไม่ออกเลยว่าลูกคนไหนหน้าเหมือนใครบ้าง ยิ่งถ้ามองจากไกล ๆ บางทีก็แยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร ทุกวันนี้ที่แยกลูกได้เพราะน้องพอใจจะตัวใหญ่กว่าน้องพีท

“คริสตอนเด็กก็หน้าตาแบบนี้แหละ ไว้ให้ป๊ากับม้าเอารูปคริสตอนเด็กให้ดูสิ” ฉันพยักหน้ารับ จะว่าไปฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าคริสตอนเด็ก ๆ เหมือนกันนะ “เนี่ย จมูก ปาก ตา เหมือนกันอย่างกับแกะ แต่หวังว่าจะไม่ได้นิสัยเจ้าชู้มาด้วยนะหลานน้า”

ทั้งนับดาว เหมือนฝัน และฉันต่างพากันขำออกมาเมื่อพี่พบรักดักทางไว้แบบนั้น ดูจากที่น้องพีทชอบเล่นกับคนอื่นแบบนี้ ฉันว่าโตขึ้นมาคงอัธยาสัยดีไม่น้อย แต่จะเจ้าชู้ไหม... ก็คงต้องดูกันต่อไป

อ้อ ฉันลืมบอกไปว่าทุกคนแทนตัวเองว่าน้าหมด ไม่มีใครยอมแทนตัวเองว่าลุงหรือป้าเลย ฉันได้แต่ยอม ๆ ไปเพราะเข้าใจว่าทุกคนไม่อยากแก่ แต่ถ้าลูกโตขึ้นก็คงต้องมานั่งลำดับให้ลูกเข้าใจอีกทีว่าอะไรเป็นอะไร ถึงเวลานั้นฉันก็ได้แต่หวังว่าลูกจะไม่สับสนไปเสียก่อน

“ว่าแต่...อยากมีลูกบ้างหรือยังนับดาว” นับดาวสะดุ้งทันทีเมื่อฉันถามแบบนั้น ฉันมองเธอด้วยความสงสัย เห็นว่าเธอดูจะชอบเล่นกับลูกฉันมากกว่าคนอื่น ๆ ก็เลยอยากรู้ว่าเธออยากจะมีลูกบ้างหรือยัง ถามแค่นี้ทำไมต้องตกใจด้วย

“คือ...”

“เป็นอะไร” ฉันถามขำ ๆ “ทำไมต้องทำเสียงอึกอักแบบนั้น”

“ฉัน...” นับดาวมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าใครจะเข้ามา ก่อนจะกระซิบเสียงเบาให้ฉัน เหมือนฝัน และพี่พบรักได้ยินกันแค่สามคน “ฉันคิดว่าฉัน...กำลังตั้งท้อง”

“ท้อง!!!”

“ชู่ววววววว อย่าเสียงดังซี่ มาเฟียยังไม่รู้” เมื่อนับดาวท้วงแบบนั้นเราสามคนก็รีบยกมือขึ้นปิดปากทันที คิดไม่ถึงว่าจะได้รับข่าวดีกะทันหันแบบนี้

“กี่เดือนแล้ว” เหมือนว่าพี่พบรักจะได้สติก่อน เลยถามขึ้นมาเสียงเบาเหมือนเสียงกระซิบ

“ยังไม่แน่ใจเรื่องระยะเวลา แต่ถ้านับจากประจำเดือนสุดท้ายก็น่าจะราว ๆ ห้าถึงหกสัปดาห์ไม่เกินนี้ แต่เอาจริง ๆ ฉันก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ด้วย เพราะลองตรวจแล้วขึ้นขีดสีแดงแค่จาง ๆ ก็เลยยังไม่กล้าบอกมาเฟียเขา”

“อายุครรภ์แค่นี้ขึ้นแค่จาง ๆ ก็ถูกแล้ว” พี่พบรักเอ่ยบอกตามประสาว่าที่คุณหมอ “แต่ถ้าให้ชัวร์ไปตรวจที่โรงพยาบาลจะดีกว่านะ”

“อืม กลับจากที่นี่ไปฉันก็ว่าจะไปตรวจอยู่” พี่พบรักพยักหน้ารับเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ดีใจหรือเปล่า” ฉันถามออกไป เพราะกำหนดแต่งงานของพี่มาเฟียและนับดาวคือธันวาคม ตอนนี้ยังไม่กันยาเลย ไหนจะเดือนตุลานับดาวและพี่มีเฟียต้องรับปริญญาอีก ฉันนึกถึงที่คริสเล่าให้ฟังว่าพี่มาเฟียอยากมีลูกมาก แต่นับดาวยังไม่พร้อม พอได้ยินเรื่องนี้ฉันเลยกลัวว่าเธอจะรู้สึกว่ามันเร็วเกินไป

“ดีใจสิ ถ้าเขามาอยู่ตรงนี้แล้วจริง ๆ ฉันคงดีใจที่สุดเลย” นับดาวลูบท้องของตัวเองไปมาเบา ๆ ใบหน้าดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดจนฉันอดยิ้มตามไม่ได้ และถ้าพี่มาเฟียรู้ รายนั้นก็คงดีใจมากไม่ต่างกัน

“แล้วแพ้ท้องบ้างไหมคะ” เหมือนฝันได้ทีถามขึ้นมาบ้าง เธอเป็นน้องน้อยของกลุ่ม แม้จะสนิทกันมากขึ้นแล้วแต่ก็ไม่ค่อยกล้าถามอะไรมากมาย นาน ๆ ทีจะถามออกมาซักครั้งเหมือนตอนนี้

“ไม่มากนะ เวียนหัว คลื้นไส้บ้าง แต่พอได้นั่งพักก็หายไป ไม่ถึงกับอาเจียนออกมา”

“มันจะหนักก็ตอนแปดสัปดาห์นั่นแหละ” ฉันบอกอย่างคนที่มีประสบการณ์มาก่อน จำได้ว่าช่วงนั้นลำบากมาก นิดหน่อยก็เวียนหัวไปหมด กินอะไรก็ไม่ได้เลย ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าทำไมมันทรมานขนาดนี้ แต่มันเทียบกับความสุขตอนที่ได้เห็นหน้าลูกไม่ได้เลย

ฉันหันกลับไปมองสองแฝดที่หลับไปแล้ว นึกขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้มีพวกเขาขึ้นมา ชีวิตทุกวันนี้แม้จะได้นอนน้อยจนอ่อนล้า แต่กลับมีความสุขมากขึ้นทุกครั้งที่ได้เห็นลูกเติบโต

มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก มีสามีที่คอยเอาใจใส่ ฉันไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว

.

.

เดือนตุลาคม เราสี่คนพ่อแม่ลูกพากันบินกลับมาที่ไทยเพื่อมางานรับปริญญาของคริส ทีแรกคริสจะไม่ยอมมาเพราะห่วงฉันและลูก แต่โชคดีที่น้องพอใจและน้องพีทสามารถขึ้นเครื่องบินได้แล้ว เลยกลายเป็นว่าเราขนทั้งครอบครัวมาอยู่ที่ไทยเดือนหนึ่งเต็ม ๆ เพราะคริสต้องซ้อมตั้งแต่ช่วงต้นเดือน และรับปริญญาช่วงกลางเดือน

เราตัดสินใจมาพักที่บ้านของฉันก่อน ช่วงอาทิตย์หลัง ๆ จึงจะไปพักที่บ้านของคริสบ้าง ลูก ๆ ที่ตอนนี้ที่อายุสามเดือนนิด ๆ แล้วเริ่มรู้เรื่อง ทั้งคุยเก่ง กินเก่ง นอนเก่ง แต่ไม่ค่อยร้องงอแงเท่าไหร่ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายทั้งคู่ เหมือนพวกเขารู้ว่าป๊ากับแม่ทำงานหนักและต้องดูแลลูกถึงสองคนเลยไม่ค่อยสร้างความวุ่นวายเพิ่ม

“มาแล้วกันแล้วเหรอ” คุณพ่อเดินออกมาต้อนรับ ฉันลืมบอกไปว่าคุณพ่อและคุณแม่กลับมาอยู่ที่ไทยตั้งแต่น้องพีทออกจากโรงพยาบาลได้หนึ่งอาทิตย์ แม้พวกท่านจะดูไม่อยากกลับ แต่หน้าที่การงานก็เลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน ป๊าและหม่าม้าของคริสก็กลับมาพร้อมกัน และตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่ที่บ้านฉันด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด